บทที่ 589 ผู้เร้นกายอยู่ในเงามืด + บทที่ 590 ที่แท้ก็หาเรื่องใส่ตัวเอง

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 589 ผู้เร้นกายอยู่ในเงามืด

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทนความเจ็บปวดไม่ไหวแล้ว เขามองไปที่ชิงซวง

หนานอวี่แก้จุดฝังเข็มในร่างของชายผู้นั้น จากนั้นจึงให้ยาแก้พิษเพื่อสะกดพิษเอาไว้ก่อน

ทั้งสองฟังสิ่งที่ชายผู้นั้นพูดอย่างเงียบๆ ก่อนขมวดคิ้วเข้าหากัน ดูท่าทางสิ่งที่คนก่อนหน้านี้พูดนั้นจะเป็นความจริง

หนานอวี่กับชิงซวงสอบปากคำคนที่ถูกจับมาอีกคนไปก่อนแล้ว ทั้งสองรู้ทันทีว่าสิ่งที่ชายคนนั้นบอกแทบจะไร้ประโยชน์ไปเลยเมื่อเทียบกับคนผู้นี้ คนคนนี้รู้มากกว่าอีกคนมากมายหลายเท่านัก

“นั่นคือทั้งหมดที่ข้ารู้” เขาหอบหายใจออกมาพลางมองคนทั้งสอง ความตายคือสิ่งเดียวที่เขาคิดอยู่ในขณะนี้

ชิงซวงไม่ได้ทรมานเขาต่อ แต่นางให้ยาพิษทำจากต้นน่องยางขาว กับเขาไป

“ไปหานายท่านกับพี่สะใภ้กันเถอะ” หนานอวี่มองชิงซวงเปลี่ยนซากศพนั้นให้กลายเป็นทะเลเลือดอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ได้”

“คุณหนู ราชครูรู้แล้วเจ้าค่ะว่าคุณหนูอยู่ที่นี่” ชิงซวงขมวดคิ้ว กลางหว่างคิ้วมีความกังวลอยู่

เฉียวเทียนช่างอุ้มบุตรชาย เขาใตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “หากเขาไม่รู้ก็คงจะเป็นปัญหายิ่งนัก”

“นายท่าน ท่านตั้งใจจะบอกว่าพวกเขาจับตามองพวกเรามาสักพักแล้วหรือเจ้าคะ” หากเป็นเช่นนั้นจริง จะไม่หมายความว่าทุกสิ่งที่พวกเขาทำลงไปนั้นล้วนแต่สูญเปล่าหรอกหรือ

“ไม่หรอก เขารู้เพียงแค่ว่าพวกเราอยู่ที่นี่แล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าเรามีคนจำนวนเท่าใด เขายังไม่รู้ด้วยว่าคนของพวกเราอยู่ที่ไหน หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้ตระกูลซ่งเอะอะจนตกเป็นเป้าสายตา เขาก็อาจไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในเหมียวเจียง” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยอย่างมั่นใจก่อนที่เฉียวเทียนช่างจะทันได้เอ่ยตอบ

สิ่งที่นางเอ่ยนั้นล้วนเป็นความจริง หากเขารู้ตั้งแต่ต้นว่าพวกนางอยู่ที่ไหน ป่านนี้รอบตัวพวกนางคงมีแต่สายลับจนนับไม่ถ้วนแล้ว แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่มี

สองคนนี้เพิ่งมาตามหาตัวพวกนางหลังจากเหตุการณ์ของตระกูลซ่ง หรืออาจจะเป็นเพราะการมีเจ้าลิงน้อยอยู่ด้วยนั้นดึงดูดสายตาของอีกฝ่ายมากเกินไป นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ครั้งนี้เขาส่งคนมาถึงสองคน

จุดประสงค์คงเป็นเพื่อตรวจสอบว่าพวกนางอยู่ที่นี่จริงหรือไม่

“เหยาเหยาพูดถูกแล้ว พวกเขาคงรู้ว่าเรามาถึงเพราะเรื่องตระกูลซ่ง แต่ไม่มั่นใจว่าคนที่มามีกันกี่คน และพวกเราทำอะไรลงไปแล้วบ้าง” ด้วยฝีมือการแต่งหน้าของหนิงเมิ่งเหยา การซ่อนตัวนับว่าเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับพวกเขายิ่งนัก แต่จุดเด่นนั้นคือเด็กทั้งสอง เด็กสองคนตกเป็นเป้าหมายไปเสียแล้ว

เฉียวเทียนช่างตวัดสายตาไปมองเด็กสองคนที่ยังคงหลับอยู่ เขาส่ายหน้าอย่างจนใจ

“เหยาเหยา ดูท่าเราคงต้องส่งเด็กทั้งสองกลับไปก่อน” เฉียวเทียนช่างเอ่ยเสียงเข้ม

หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วเข้าหากัน “แต่ข้ารู้สึกกังวลใจ”

“ไม่ต้องกังวลไป เราย้ายพวกเขาไปอยู่ในบ้านกันก่อน ไม่อย่างนั้นไม่ว่าพวกเราจะไปที่ไหนคงจะถูกเจอตัวแน่ แล้วลูกทั้งสองคนจะตกเป็นเป้าหมายของพวกมันได้”

ชิงซวงมองพวกเฉียวเทียนช่าง หลังจากที่มองไปรอบๆ ดวงตาของนางก็เป็นประกาย “นายน้อย ท่านคิดว่าแผนการนี้จะเป็นไปได้หรือไม่เจ้าคะ หนานอวี่กับข้าจะปลอมเป็นท่านกับคุณหนู พานายน้อยทั้งสองออกไปเล่นข้างนอก เราจะพาคนไปด้วยอีกสองคน จากนั้นท่านทั้งสองค่อยปลอมตัวออกไป”

หนิงเมิ่งเหยาลองพิจารณาความคิดนั้นดู นางพยักหน้าเห็นด้วย “เอาสิ”

เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองชิงซวง เขาคาดไม่ถึงเลยว่าคำแนะนำเช่นนั้นจะออกมาจากปากของนาง

ชิงซวงมองเฉียวเทียนช่างพลางนิ่วหน้า “นายท่าน สายตาเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไรกันเจ้าคะ”

“หมายความว่าข้ากำลังชมเจ้า” เฉียวเทียนช่างพูดพลางทำสีหน้าให้ดูน่าเชื่อถือ

ชิงซวงกลอกตาใส่เฉียวเทียนช่าง นางไม่เชื่อคำพูดของเขา

หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ชิงซวงกับหนานอวี่จึงขอตัวออกไปเพื่อเตรียมการ แม้พวกเขาจะเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วันสำหรับจัดการเรื่องพวกนี้ แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

หนิงเมิ่งเหยานั่งลงข้างเตียง นางมองเด็กทั้งสอง จากนั้นจึงหันไปมองเฉียวเทียนช่าง “ข้าหวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”

“อย่ากังวลเลย หากมีหนทางที่สามารถพาพวกเขาไปกับเราด้วยได้ เช่นนั้นเราก็คงไม่ตัดสินใจเช่นนี้แน่” เขาเพิ่งจะสนิทกับลูกชายได้ไม่นาน แต่กลับต้องพลัดพรากจากกันอีกหนเสียแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องแยกจากกันนานสักเพียงใด เขาทนความรู้สึกเช่นนี้แทบไม่ไหว

“อืม”

หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เฉียวโม่ซางจึงลืมตาขึ้น เขาใช้มืออันเล็กกะจ้อยร่อยขยี้ตาตัวเองพลางหาวไปพร้อมกัน ดูเหมือนเขาจะยังคงสะลึมสะลืออยู่หนิงเมิ่งเหยายื่นมือไปอุ้มบุตรชายขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน นางใช้นิ้วแตะที่ศรีษะเล็กๆ ของเขาอย่างแผ่วเบา “ช่างเป็นเด็กที่ขี้เซาอะไรเช่นนี้”

บทที่ 590 ที่แท้ก็หาเรื่องใส่ตัวเอง

เฉียวเทียนช่างยืนดูภรรยาของตนเล่นกับบุตรชาย บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอบอุ่นปรากฏอยู่ แต่ภายในใจนั้นของเขากลับรู้สึกเกลียดชังราชครูแห่งเหมียวเจียงยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะราชครูคนนั้น ตอนนี้พวกเขาคงจะได้ใช้ชีวิตสบายๆ อยู่ในจวนแล้ว จะต้องวิ่งวุ่นอยู่ที่นี่ทำไม

“พ่อ…” เฉียวโม่ซางมองไปที่เฉียวเทียนช่างด้วยสาวตาอ้อนวอน มือเล็กๆ ของเขาโบกไปมา จุดประสงค์ของเขานั้นแน่ชัดยิ่งนัก เขาต้องการให้อุ้ม

หนิงเมิ่งเหยามองบุตรชายของตนด้วยความน้อยใจ “เจ้าลิงน้อย จากนี้ไปเจ้าคงไม่ต้องการแม่แล้วสินะ”

เฉียวโม่ซางไม่เข้าใจว่าหนิงเมิ่งเหยาพูดอะไร เขามองนางอย่างไร้เดียงสา มุมปากของเขามีน้ำลายเปื้อนอยู่

หนิงเมิ่งเหยาเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นสภาพอันแสนน่ารักน่าชังนั้น

ถ้านางมองเขาต่อ นางต้องนึกอยากแทะเจ้าตัวเล็กของนางขึ้นมาแน่

เฉียวเทียนช่างอุ้มลูกขึ้นมาจากอ้อมแขนของหนิงเมิ่งเหยาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า “เจ้านี่นะ ระวังอย่าไปทำท่านแม่โกรธสิ”

หนิงเมิ่งเหยากำลังจะอ้าปาก แต่เฉียวโม่เฟิงลืมตาขึ้นมาเสียก่อน เพราะเพิ่งตื่นนอน ในดวงตาของเขาจึงยังสะลึมสะลืออยู่

“ท่านพ่อ ท่านแม่”

“ดีมาก”

เฉียวเทียนช่างมองเฉียวโม่เฟิงที่เพิ่งตื่น เขาส่งลูกให้หนิงเมิ่งเหยาอุ้ม “เหยาเหยา พาซางเอ๋อร์ออกไปข้างนอกสักหน่อยสิ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเฟิงเอ๋อร์”

หนิงเมิ่งเหยาเข้าใจได้ในทันทีว่าเฉียวเทียนช่างต้องการจะพูดอะไร นางจึงพยักหน้าตกลง

หลังจากหนิงเมิ่งเหยาออกไป เฉียวเทียนช่างจึงบอกกับเฉียวโม่เฟิงว่าเขากับหนิงเมิ่งเหยาจะไม่อยู่สักระยะ ให้เขาร่วมเดินทางไปกับชิงซวงและหนานอวี่ แล้วยังบอกให้เขาดูแลน้องชายของตนให้ดีอีกด้วย

ความตื่นตกใจและหวาดกลัวฉายขึ้นในดวงตาของเฉียวโม่เฟิง แต่เขาก็พยายามระงับมันเอาไว้ “ท่านพ่อ พวกท่านจะกลับมาเมื่อไหร่หรือขอรับ”

“เราจะกลับมาทันทีที่สะสางเรื่องจบ น้าชิงซวงกับอาหนานอวี่เป็นเพื่อนสองคนที่พ่อกับแม่ไว้ใจมากที่สุด พวกเขาจะไม่มีทางทำอันตรายเจ้าแน่ เจ้าต้องไปกับเขาและเชื่อฟังเขาให้ดีล่ะ อย่าลืมดูแลน้องชายให้ดีๆ ด้วย เข้าใจไหม เมื่อพ่อกับแม่จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จเมื่อใด เราจะพาเจ้ากลับบ้าน หลังจากนั้นพ่อจะสอนวรยุทธ์ให้ ดีหรือไม่” เฉียวเทียนช่างรู้สึกอับจนหนทางเมื่อเห็นความหวาดกลัวภายในดวงตาของเด็กชาย

แม้เด็กคนนี้จะลืมเลือนทุกอย่างไปจนหมด แต่เขายังจดจำความรู้สึกหวาดกลัวที่ฝังลงไปในกระดูกของตนได้เป็นอย่างดี

เฉียวโม่เฟิงพยักหน้าเงียบๆ “ข้าจะดูแลน้องเป็นอย่างดีขอรับ”

“เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ ด้วยล่ะ” พอพูดจบ เฉียวเทียนช่างก็ล้วงเอาถุงใส่เงินออกมาจากแขนเสื้อ ถุงใบนั้นมีเชือกสีแดงหน้าตาธรรมดาห้อยอยู่ เขาผูกถุงใส่เงินใบนั้นรอบคอของเฉียวโม่เฟิง “ในนี้มีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง เก็บเอาไว้แล้วอย่าบอกใคร หากมีอะไรเกิดขึ้น ใช้สิ่งนี้เพื่อดูแลตัวเองและดูแลน้อง เข้าใจไหม”

เฉียวเทียนช่างไม่อยากคิดอะไรในแง่ร้ายเกินไปนัก แต่เตรียมพร้อมเอาไว้ก่อนคงดีกว่า ทำเช่นนี้เฉียวโม่เฟิงจะได้รู้ด้วยว่าพ่อฝากน้องให้อยู่ในความดูแลของเขา

เฉียวโม่เฟิงยกมือขึ้นจับถุงใส่เงินที่ห้อยอยู่บนคอพลางพยักหน้าด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง “ท่านพ่อ อย่ากังวลไปเลยขอรับ ข้ากับน้องจะตามพวกท่านน้าชิงซวงไป แล้วพวกเราจะรอท่านพ่อกับท่านแม่กลับมาพร้อมกันขอรับ”

“ดีมาก”

ตำแหน่งของพวกเขาถูกเปิดเผยแล้ว ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

ในวันที่ห้าหลังจากที่พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน คนจากทงเป่าไจที่หนิงเมิ่งเหยาเรียกตัวมาก็เดินทางมาถึง

“เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ รีบมาให้พี่กอดหน่อยเร็ว พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน” พอพูดจบ ร่างของชายในชุดขาวผู้หนึ่งก็วิ่งพรวดพราดเข้าหาหนิงเมิ่งเหยา

เขาคงคว้าตัวนางได้แล้วหากเฉียวเทียนช่างไม่ดึงนางออกเสียก่อน

“ท่านพี่ไป๋ ข้าอุ้มลูกอยู่” หนิงเมิ่งเหยามองชายที่มักจะทำตัวเช่นนี้ทุกครั้งที่เจอกันอย่างเอือมระอา อดจะรู้สึกปวดหัวขึ้นมาไม่ได้

ไป๋อีมองก้อนซาลาเปาเล็กๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนของหนิงเมิ่งเหยา ดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับ “ช่างเป็นเด็กที่น่ารักน่าชังยิ่งนัก ข้าชอบเขา”

เฉียวเทียนช่างอุ้มลูกแล้วพาเฉียวโม่เฟิงเข้าไปด้านใน เว้นที่ให้พวกเขาได้คุยกัน

“นั่นสามีเจ้าหรือ เขาดูไม่ค่อยชอบหน้าพวกข้าเอาเสียเลย” ไป๋อีเหลือบมอบด้านหลังของเฉียวเทียนช่าง ตั้งใจทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้นต่อหน้าหนิงเมิ่งเหยา

หนิงเมิ่งเหยามองไป๋อีอย่างจนปัญญา “ได้เวลาอาหารของเจ้าลิงน้อยแล้ว เขาแค่ตั้งใจจะไปป้อนข้าวลูก ท่านเกือบกระโดดมาทับข้า เขาคงจะมีความประทับใจดีๆ กับท่านหรอก” บางครั้งความขี้หวงของเฉียวเทียนช่างนั้นก็ทำนางตกใจยิ่งนัก

ตอนที่ไป๋อีกระโจนเข้ามา นางคิดว่าเฉียวเทียนช่างจะถีบเขาจนกระเด็นไปแล้ว