ตอนที่ 553

Elixir Supplier

553 จากไปอย่างแน่วแน่

 

ซางกู้จื้อและหวังเย้าเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน

 

หวังเย้ากลับไปที่บ้านตระกูลหานตอนบ่าย 3 โมง ตอนนี้คนไข้รู้ตัวแล้ว เขาสามารถขยับลูกตาได้ แต่ก็ยังไม่สามารถพูดอะไรได้

 

หวังเย้าจับดูชีพจรของคนไข้ ซึ่งยังคงเต้นอ่อนอยู่

 

“อาการของเขาดีขึ้นแล้ว แต่เขาก็ยังอยู่ในช่วงวิกฤตอยู่นะครับ” หวังเย้าพูด “ผมได้เอายาตัวที่สามมาด้วยแล้ว”

 

พี่น้องหานรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก พวกเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของน้องชายจากตัวยาทั้งสอง และตอนนี้ น้องชายของพวกเขาก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว

 

นอกจากซางกู้จื้อแล้ว พี่น้องหานยังได้เชิญหมอที่มีชื่อเสียงในยูนนานอีกคนมายืนยันอาการน้องชายของพวกเขาด้วย เขาคิดว่า การได้ฟังความคิดเห็นจากหมอคนอื่นเป็นเรื่องที่สำคัญ แล้วในที่สุด พี่น้องหานก็เริ่มเชื่อมั่นในความสามารถของหวังเย้า

 

“ยาตัวที่สามนี้ มีราคาแพงมากนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เท่าไหร่ครับ?” หานชิ่งถาม

 

“มันมีราคาอยู่ที่ 1 ล้านหยวนครับ” หวังเย้าพูด

 

“เท่าไหร่นะ?” ถึงหานชิ่งจะไม่ได้แสดงท่าทีตกใจออกมา แต่เขาก็รู้สึกอึ้ง รวมถึงพี่น้องของเขาด้วย

 

“นั่นมันแพงมากเลยนะครับ” หานจื้อหยูพูด

 

หวังเย้ามองดูพวกเขาด้วยท่าทีสงบ

 

“ตกลง ผมจะซื้อมันครับ” หานชิ่งพูด หลังจากที่เงียบไปสักพัก

 

“คุณช่วยแกะผ้าพันแผลที่แขนของเขาออกที แล้วก็ขอน้ำเย็นกับกระป๋องฉีดสเปรย์ด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ได้ครับ” หานชิ่งพูด

 

ในหลายๆบ้านมักจะมีของเหล่านี้อยู่แล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถจัดหามาให้ได้อย่างรวดเร็ว

 

หวังเย้าแบ่งยาผงฟื้นฟูกล้ามเนื้อออกมาจากขวดเล็กน้อย จากนั้น เขาก็นำมันไปเจือจางกับน้ำเปล่าในขวดสเปรย์

 

เขานำผ้าพันแผลออกเพื่อเผยให้เห็นผิวหนังที่เน่าเปื่อยของคนไข้ ผิวหนังของเขากลายเป็นสีม่วงสีดำ ทุกส่วนของเนื้อหนังเกิดการเน่าเปื่อย มันคล้ายกับภาพของผืนดินที่ถูกย้อมกับไปแม็กม่า มันเป็นภารที่น่าตกตะลึงอย่างมาก

 

หวังเย้าฉีดตัวยาลงไปที่แขนของคนไข้เบาๆ

 

“ช่วยเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาด้วยครับ” หวังเย้าพูด หลังจากที่เขารักษาเสร็จแล้ว

 

“ได้ครับ” หานชิ่งพูด

 

หวังเย้าปล่อยให้ผิวหนังที่ได้รับยาแห้งลงก่อน จากนั้น เขาก็พันแผลให้คนไข้ด้วยผ้าพันแผลผืนใหม่

 

“ผมจะกลับมาดูอาการของเขาอีกทีวันพรุ่งนี้นะครับ แล้วพวกคุณก็ให้เขากินยาสองตัวแรกต่อเนื่องได้เลย” หวังเย้าพูด

 

“ได้ครับ หมอหวัง” หานชิ่งพูด

 

ความจริงนั้นเห็นได้ชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด พี่น้องหานเริ่มเชื่อมั่นในตัวหวังเย้ามากขึ้น

 

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ” หวังเย้าพูด

 

หวังเย้าได้ปฏิเสธคำเชิญทานอาหารเย็นจากพวกเขาอีกครั้ง เขารู้สึกอึดอัดที่ต้องนั่งทานอาหารร่วมกับคนที่เขาไม่คุ้นเคย เขาเลือกที่จะหาอะไรทานง่ายๆและดื่มไวน์สักแก้วกับซางกู้จื้อมากกว่า

 

ตอนที่หวังเย้าออกมาจากบ้านตระกูลหาน เวลายังไม่สายมากนัก เขาจึงตัดสินใจไปเดินเล่นรอบๆต้าหลี่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของยุนนาน

 

เขาไม่เคยมาที่ต้าหลี่มาก่อน เขาจึงเดินไปตามถนนอย่างช้าๆ เขาไม่ได้เลือกแวะไปตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของตัวเมือง แต่เขาเลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆมากกว่า ไม่นาน เขาก็เดินไปถึงจุดสูงจุดหนึ่งและมองดูทะเลสาบสีเขียวที่งดงาม มันคือทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ที่มีชื่อเสียง

 

เขารีบเดินตรงไปที่ทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ!

 

เมื่อเขาเห็นว่ามีร้านอาหารตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบ เขาก็เลือกที่เข้าไปทานอาหารเย็นในร้านๆหนึ่ง จากนั้น เขาก็โทรไปชวนซางกู้จื้อให้มาพบเขาที่ทะเลสาบเอ๋อร์ไห่

 

ซางกู้จื้อเดินทางมาถึงในเวลาไม่นาน

 

“โอ้ คุณมาเร็วดีนะ” หวังเย้าพูด

 

“ฉันอยู่ไม่ใกล้จากที่นี่พอดีน่ะ” ซางกู้จื้อพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“เรามาดื่มกันสักหน่อยดีไหมครับ?” หวังเย้าเสนอ

 

“เอาสิ” ซางกู้จื้อตอบ

 

ภายในร้านอาหารเล็กๆ หวังเย้าสั่งอาหารจานพิเศษของทางร้านไปหลายจาน และเหล้าอีกหนึ่งขวด ทั้งสองรื่นรมย์ไปกับการกินดื่มและสายลมที่โชยมาเบาๆ

 

พระอาทิตย์โรยตัวลง พระจันทร์ลอยสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า สว่างเริ่มจางหายไป แต่ทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ก็ยังคงคลาคล่ำไปด้วยผู้คน

 

“คนที่นี่ดูผ่อนคลายกันจังเลยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาเฝ้าสังเกตดูผู้คนตลอดทั้งบ่าย ต้าหลี่เป็นเมืองที่ผู้คนใช้ชีวิตกันอย่างไม่เร่งรีบ พวกเขาดูมีความสุขและผ่อนคลาย ซึ่งต่างจากคนที่อาศัยอยู่ในปักกิ่งอย่างสิ้นเชิง

 

“ใช่ ที่นี่อากาศสดชื่น สภาพอากาศก็ดี มันเป็นที่ที่เหมาะกับคนวัยเกษียณมาก” ซางกู้จื้อพูด

 

“คุณคงจะชอบที่นี่สินะครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่” ซางกู้จื้อพูด “แต่จำนวนนักท่องเที่ยวของที่นี่ก็เพิ่มขึ้นทุกปี มันคงไม่สงบอีกต่อไปแล้วล่ะ”

 

“นั่นก็จริง” หวังเย้าพูด

 

หวังเย้าและซางกู้จื้อดื่มกินและพูดคุยกันจนกระทั่งถึงเวลาสามทุ่ม

 

“ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ผมก็คงจะกลับพรุ่งนี้แล้วนะครับ ส่วนยาผมก็จะทิ้งเอาไว้ที่นี่” หวังเย้าพูดในระหว่างทางที่พวกเขาเดินกลับ “มันคงจะต้องใช้เวลาอีกนาน ที่จะรักษาเขาให้หาย”

 

“อืม” ซางกู้จื้อพูด หวังเย้าเคยพูดเรื่องนี้กับเขามาก่อนแล้ว

 

หวังเย้ากลับไปที่บ้านพักที่ตระกูลหานจัดไว้ให้และนอนค้างคืนที่นั่น เขาตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ในวันถัดมา เขาหาอะไรทานง่ายๆและเดินย่อยอาหารรอบบ้านพัก ก่อนที่เขาจะไปหาคนไข้ที่บ้านตระกูลหาน

 

“เอายาสองตัวให้เขากินทีครับ” หวังเย้าพูด หลังจากที่เขาจับดูชีพจรของคนไข้เสร็จแล้ว

 

“ได้ค่ะ” แม่บ้านเอายาให้คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง

 

การรักษาใช้เวลาอยู่ 2 ชั่วโมง หวังเย้าจับดูชีพจรของเขาถึง 4 ครั้ง

 

“แกะผ้าพันแผลทีครับ” หวังเย้าพูด

 

ผ้าพันแผลถูกแกะออกอย่างเบามือ แขนข้างที่ได้รับการรักษาไปยังคงอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ แต่ถ้าหากมองดูดีดี ก็จะพบว่าเนื้อเยื่อส่วนที่เน่าเปื่อยเริ่มตะสะเก็ดและหลุดหลอกออกไปแล้วบางส่วน สภาพของแขนดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก

 

“มันได้ผล” หวังเย้าพูด แน่นอนว่าตัวเขานั้นรู้ถึงประสิทธิภาพของตัวยาดีที่สุด “สเปรย์ตัวยาลงไปที่แขนของเขาเหมือนอย่างที่ผมทำเมื่อวานนะครับ”

 

“ได้ ผมจะทำเอง” หานจื้อหยูพูด

 

เมื่อเทียบกับพี่น้องอีกสองคนที่เหลือแล้ว หานจื้อหยูคือคนที่สนิทกับน้องชายคนสุดท้องคนนี้ที่สุด

 

“ช้าๆ ไม่ต้องรีบครับ” หวังเย้าไม่ได้เข้าไปช่วยหานจื้อหยู แต่เพียงแค่คอยแนะนำอยู่ข้างๆเท่านั้น

 

“วันนี้พอแค่นี้นะครับ ผมจะทิ้งยาเอาไว้ที่นี่ คุณต้องทำตามสิ่งที่ผมเคยบอกไปด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“หมอจะกลับวันนี้แล้วเหรอครับ?” หานชิ่งถาม

 

พี่น้องหานต่างตกใจที่หวังเย้ากำลังจะกลับแล้ว ทั้งที่น้องชายของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มดีขึ้นได้ไม่นาน

 

“คุณมีเรื่องด่วนต้องกลับไปจัดการเหรอครับ?” หานชิ่งถาม

 

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ” หวังเย้าพูด

 

“อ่อ” หานชิ่งพูด

 

“ผมพูดไว้ก่อนที่จะมาแล้วว่า ผมจะอยู่ที่นี่แค่สามวันเท่านั้น” หวังเย้าพูด

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปจัดการเรื่องการเดินทางให้คุณเอง” หานชิ่งพูด ถึงแม้พวกเขาจะไม่อยากให้หวังเย้ากลับก็ตามที

 

“แต่ว่าพี่…” หานจื้อหยูพูด

 

“พวกนายออกไปจากห้องได้แล้ว” หานชิ่งพูดกับน้องๆของเขา พวกเขาก็เดินออกไปในทันที

 

“ขอโทษแทนน้องของผมด้วยนะครับ พวกเขาแค่กังวลมากไปเท่านั้น เดี๋ยวผมจะไปจัดการเรื่องการเดินทางให้เลยนะครับ” หานชิ่งพูด

 

“ไม่เป็นไรครับ” หวังเย้าพูด “แล้วคุณก็ห้ามเอายาให้คนนอกดูด้วยนะครับ”

 

“แน่นอนครับ” หานชิ่งพูด

 

พี่น้องหานเชิญหวังเย้าทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่เขาก็ปฏิเสธไป และเป็นอีกครั้งที่หวังเย้าออกไปทานอาหารในร้านเล็กๆติดริมทะเลสาบเอ๋อร์ไห่กับซางกู้จื้อ พวกเขาสั่งอาหารมาสองสามจานและเหล้าอีกหนึ่งขวด พวกเขาต่างได้ใช้เวลาดีดีร่วมกัน

 

“เธอรีบกลับขนาดนี้เลยเหรอ?” ซางกู้จื้อถาม

 

“ครับ ผมจะบินกลับบ่ายนี้เลย” หวังเย้าพูด

 

“ฉันคงจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสองวัน” ซางกู้จื้อพูด

 

“ก็ดีนะครับ ที่นี่บรรยากาศดีมาก” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“เธอทิ้งยาไว้กับพวกเขาเหรอ?” ซางกู้จื้อถาม

 

“ครับ” หวังเย้าพูด

 

ซางกู้จื้อพยักหน้ารับ

 

พี่น้องหานและซางกู้จื้อต่างก็พากันไปส่งหวังเย้าที่สนามบิน หลังจากที่พวกเขาทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว

 

“ขอบคุณที่อุตส่าห์มานะ หมอหวัง” ซางกู้จื้อพูด

 

“ด้วยความยินดีครับ ไว้เจอกันคราวหน้านะครับ ซางเหล่า” หวังเย้าพูด

 

“แล้วเจอกันครั้งหน้า ฉันขอบคุณมากที่เธอมาช่วยฉันที่นี่นะ” ซางกู้จื้อพูด

 

“ไม่เป็นไรเลยครับ” หวังเย้าพูด แล้วเขาก็เดินไปขึ้นเครื่อง

 

“เสี่ยวหาน ฉันขอพูดด้วยหน่อยได้ไหม?” ซางกู้จื้อเรียกหานชิ่ง

 

“ได้ครับ มีอะไรเหรอครับ?” หานชิ่งถามด้วยท่าทีเคารพ

 

“หมอหวังเอายาไว้ให้เธอใช่ไหม?” ซางกู้จื้อถาม

 

“ครับ” หานชิ่งพูด

 

“อย่าให้ใครยุ่งกับยานั่นเด็ดขาดเลยนะ เธอจะต้องเป็นคนดูแลพวกมันด้วยตัวเอง” ซางกู้จื้อพูด

 

“แน่นอนครับ” หานชิ่งมองซางกู้จื้อด้วยสีหน้าแปลกๆ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องนี้จะต้องมาคุยกันเป็นการส่วนตัวแบบนี้ด้วย

 

“เธอคงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสินะ?” ซางกู้จื้อถาม

 

“ในเมื่อหมอซางบอกให้ผมทำ ผมก็จะทำครับ” หานชิ่งพูด

 

“เธอเป็นคนที่เชื่อถือได้ เหมือนกับพ่อของเธอ จำเอาไว้ให้ดี หมอสามารถรักษาคนและทำร้ายคนได้ในเวลาเดียวกัน และพวกเขาถึงขนาดฆ่าคนได้ด้วยซ้ำ” ซางกู้จื้อพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง

 

“ผมเข้าใจครับ” หานชิ่งพูดด้วยความแปลกใจ แล้วเขาก็เข้าใจความหมายที่ซางกู้จื้อต้องการจะสื่อได้ในทันที “ผมจะดูแลยาทั้งหมดอย่างดีที่สุดครับ”

 

“ดี” ซางกู้จื้อพยักหน้า

 

หลังจากส่งหวังเย้าขึ้นเครื่องและบอกลาซางกู้จื้อแล้ว พี่น้องหานก็พากันกลับไปที่บ้าน

 

“หมอหนุ่มคนนั้นอวดดีจริงๆ เขาไม่คิดแม้แต่จะอยู่ต่ออีกสักวันสองวัน พวกคนเก่งๆนี่ไม่มีใครเข้าหาได้ง่ายสักคนเดียว” หนึ่งในคนของตระกูลหานพูดขึ้นมา “แล้วยาของเขาก็ยังแพงสุดๆอีกด้วย ทำไมยาถึงได้มีราคาเป็นล้านกัน? คุณลุงคิดว่ายังไงฮะ?”

 

“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว” หานชิ่งพูด “ฉันขอห้ามพวกเธอทุกคนบอกคนอื่นเรื่องหมอคนนี้ ใครที่ไม่ทำตามคำสั่งจะถูกลงโทษอย่างหนัก!”

 

ทุกคนต่างพากันเงียบ พวกเขาไม่ต้องการทำให้หานชิ่งที่เป็นคนใจเย็นต้องโมโห

 

“กลับกันได้แล้ว” หานชิ่งพูด

 

เด็กตระกูลหานพากันกลับ ส่วนหานชิ่งและน้องชายยังไม่ไปไหน

 

“พี่ ทำไมพี่ถึงยอมให้เขากลับไปล่ะ?” หานจื้อหยูถามด้วยความไม่เข้าใจ

 

“เราควรรักษาสัญญาที่เราได้รับปากเอาไว้” หานชิ่งพูด

 

“แล้วน้องเล็กของเราจะเป็นยังไงต่อไปล่ะ?” หานจื้อหยูถาม

 

“แล้วนายคิดจะทำยังไง?” หานชิ่งถาม