บทที่ 285 สะท้อนใจ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

ประกายแสงสีทองลุกโชน เย่เทียนเฉินตะโกนเสียงดัง ก้อนอิฐสีทองอันมโหฬารกดทับลงไปยังอาชูร่า นี่คือหนึ่งในเคล็ดวิชาพลังพิเศษสายทองของเย่เทียนเฉิน ชื่อว่า “โล่ทองคำ” ในตอนที่สู้กับหวังเจี๋ยก็เคยใช้มาก่อนแล้ว แต่ตอนนั้นเย่เทียนเฉินเน้นป้องกันเป็นหลัก ส่วนตอนนี้เน้นโจมตีสังหารเป็นหลัก มีแนวคิดแตกต่างกัน พลังอำนาจไม่รู้ว่าเพิ่มขึ้นมากี่เท่า

อาชูร่าเห็นก้อนอิฐสีทองอันใหญ่กดทับลงมา เย่เทียนเฉินเหยียบอยู่ด้านบนด้วยขาข้างเดียว คล้ายกับต้องการเหยียบเขาเอาไว้ใต้เท้าอย่างไรอย่างนั้น พริบตานั้นในส่วนลึกของจิตใจล้นไปด้วยไฟแห่งความโกรธ เขาอาชูร่าอยู่ในโลกใบนี้ มีฐานะเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันเช่นเดียวกัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่แข็งแกร่งคับฟ้าเลย เกรงว่ายากที่จะหาคู่ต่อสู้ได้ด้วยซ้ำ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครกล้าใช้เท้าเหยียบเขาแบบนี้มาก่อน

ตู้ม!

ง้าวชิงหลงที่แทงทะลุเย่เทียนเฉินจนฝังลงในต้นไม้ใหญ่จนเย่เทียนเฉินในตอนนี้มีเลือดไหลออกมาที่หน้าอกข้างซ้ายถึงกับเลือนหายไปในพริบตา กลายเป็นสายลม อาชูร่าไม่ได้ตกใจ ยังคงจ้องมองไปยังโล่ทองคำที่กดทับลงมา เพราะว่าในตอนที่เย่เทียนเฉินตะโกนขึ้นมานั้น โล่ทองคำก็กางออก ในตอนที่ใช้เท้าเหยียบลงมา อาชูร่าก็รู้ว่าหน้าอกซ้ายที่ถูกง้าวชิงหลงแทงทะลุจนง้าวไปปักติดบนต้นไม้ นั่นเป็นแค่ตัวตายตัวแทนของเย่เทียนเฉินเท่านั้น นี่คือเคล็ดวิชาตัวตายตัวแทน

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้อาชูร่าคิดไม่ถึงก็คือ เย่เทียนเฉินสามารถโจมตีง้าวชิงหลงของตนให้สลายไปในเวลาเพียงสั้นๆ แค่นี้ได้ และภายใต้สถานการณ์ที่กำแพงดินของเขาดูเหมือนจะป้องกันเอาไว้ไม่ได้แม้แต่ครึ่งวินาที ก็ยังสามารถใช้เคล็ดวิชาตัวตายตัวแทนหลบการโจมตีถึงชีวิตไปได้

เคล็ดวิชาตัวตายตัวแทนที่ว่ามานี้ก็คือ ในตอนที่เดิมพันด้วยชีวิต จะใช้สิ่งต่างๆ มาอัดพลังพิเศษเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนก่อให้เกิดเป็นตัวปลอมของตัวเองขึ้นมา รับกระยวนท่าสังหารแทนตน ส่วนร่างกายที่แท้จริงก็มุ่งฆ่าฟันศัตรู คนที่ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษนี้มีไม่มาก ก็เหมือนกับวิชาแยกร่างอย่างไรอย่างนั้น นั่นเป็นการแบ่งพลังพิเศษออกเป็นส่วนๆ ทำให้สิ้นเปลืองพลังพิเศษจำนวนมาก นี่อาจทำให้บาดเจ็บถึงชีวิตได้ ในตอนที่ต้องสู้เป็นตายกับยอดฝีมือผู้เก่งกาจ ถ้าพลังพิเศษของคุณไม่แข็งแกร่งเท่าคู่ต่อสู้แล้ว ดูเหมือนจะจบลงที่การถูกฆ่าในพริบตา ดังนั้นในตอนที่ต่อสู้ครั้งใหญ่กับยอดฝีมือที่แท้จริง การใช้วิชาพลังพิเศษและวิชาแยกร่างนับเป็นการฆ่าตัวตาย

แต่ตอนนี้อาชูร่าไม่รู้สึกถึงส่วนที่อ่อนแอลงของพลังพิเศษของเย่เทียนเฉินเลยแม้แต่น้อย กลับแข็งแกร่งมากด้วยซ้ำ ในฐานะที่เป็นผู้มีพลังพิเศษธาตุทองเช่นเดียวกัน และยังเป็นผู้มีพลังพิเศษธาตุทองที่มีขอบเขตพลังถึงระดับจอมราชันแล้วอย่างอาชูร่า เขารู้สึกได้ว่าวิชา “โล่ทองคำ” ของเย่เทียนเฉินที่กดทับลงมาอย่างแม่นยำนั้นไม่อ่อนแอไปกว่า “ทลายสวรรค์” ของตนเลย เมื่อครู่นี้เสร็จวิชาตัวตายตัวแทนที่เย่เทียนเฉินใช้ออกมาเป็นธาตุดิน นี่ทำให้อาชูร่ารู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้าง

ฟิ้ว!

มือขวาของอาชูร่าโบกสะบัดครั้งหนึ่ง ง้าวชิงหลงกลับมาสู่มือ เขาได้ระเบิดการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปแล้ว พลังพิเศษที่เหลือไม่แข็งแกร่งขนาดนั้นอีกต่อไป อย่างไรก็ตามอาชูร่าไม่มีทางเลือก เย่เทียนเฉินเหยียบ “โล่ทองคำ” กดทับลงมา ไม่มีที่ให้หนีโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉินแล้ว เหมือนกับข่าวลือที่ได้ฟังมาจริงๆ

ตู้ม!

เย่เทียนเฉินเหยียบโล่ทองคำลงไป อาชูร่าก็สะบัดง้าวออกไปอย่างสุดแรง เสียงดังลั่นฟ้า ทั่วทั้งเกาะทะเลทรายสั่นสะท้าน ถึงแม้จะมีเขตแดนปิดกั้นของเย่เทียนเฉินครอบคลุมเอาไว้ทั้งเกาะ แต่ก็ยังกระตุ้นให้น้ำทะเลที่อยู่รอบเกาะเกิดคลื่นสูงเป็นพันชั้น เสียงดังสะท้านจนแพร่ออกไปนอกเขตแดนปิดกั้น เห็นได้ว่าการโจมตีนี้แข็งแกร่งขนาดไหน

ตู้ม!

อาชูร่าพุ่งออกมาจากฝุ่นควันอันหนาแน่นในทันที ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด แต่กลับฟาดฟันง้าวไปด้านหน้าโดยไม่สนใจอะไร เย่เทียนเฉินในตอนนี้มีเลือดไหลออกมาจากแขนขวา ในตอนที่ “โล่ทองคำ” กดทับลงไปยังอาชูร่า อาชูร่าได้ฟันง้าวสวนขึ้นมา เพื่อที่จะให้การโจมตีในครั้งนี้ฆ่าอาชูร่าได้ ในช่วงเวลาเป็นตายเย่เทียนเฉินจึงใช้มือขวาบังเอาไว้ เกิดการปะทะกันสนั่นโลก แขนขวาทั้งแขนเกือบจะเสียหายไปแล้ว

การฟันในครั้งนี้รวดเร็วมาก และเป็นการโจมตีดิ้นรนสุดชีวิตครั้งสุดท้ายของอาชูร่า เพื่อที่จะขัดขวาง “โล่ทองคำ” ของเย่เทียนเฉินเอาไว้ เขาจึงใช้ง้าวชิงหลงฟาดฟันลงไปอย่างแรง ในตอนที่โล่ทองคำแตกสลาย เขาเองก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่าบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน แต่กลับมุ่งโจมตีสังหารไปยังเย่เทียนเฉินโดยไม่สนใจสิ่งใด เขาต้องการคุ้มครองตระกูลเซวียนเยวี๋ยน และรู้ว่าหากเย่เทียนเฉินไม่ตายตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจะต้องถูกลบชื่อทิ้งไปในวันนี้แน่นอน

ฉัวะ!

ไหล่ซ้ายของเย่เทียนเฉินถูกง้าวชิงหลงฟัน ครั้งนี้ถูกฟันเข้าจริงๆ เขาไม่มีแรงที่จะใช้เคล็ดวิชาตัวตายตัวแทนอีกครั้งแล้ว มือขวาจับใบดาบของง้าวชิงหลงเอาไว้ เลือดไหลหยดลงมาตามแขนซ้าย จ้องมองไปยังอาชูร่า

“ดูท่าฉันจะพลาดไปแล้ว แกไม่ต้องใช้เวลาสามปีหรอก ตอนนี้ก็เหนือกว่าฉันไปแล้ว!” อาชูร่ามองเย่เทียนเฉินอย่างเรียบเฉย ราวกับรับรู้อะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ระหว่างยอดฝีมือไม่จำเป็นต้องพูดจาให้มากความ ผลแพ้ชนะปรากฏออกมาแล้ว

“เพื่อที่จะปกป้องตระกูลเซวียนเยวี๋ยนแกก็พยายามเต็มที่แล้ว นี่เป็นลิขิตฟ้า ทำไมไม่มาเข้าร่วมสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเราเพื่อพัฒนาฝีมือของตนล่ะ?” ถึงแม้ว่าเย่เทียนเฉินจะมีอาการบาดเจ็บทั่วทั้งร่าง มือขวาและมือซ้ายแทบจะถูกทำลาย แต่กลับยังคงเชื้อเชิญอาชูร่าด้วยรอยยิ้ม

อาชูร่าชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มเล็กน้อย ง้าวชิงหลงในมือขวาของเขาหายไปแล้ว อาชูร่าที่เหลือเพียงร่างกายที่ท่วมไปด้วยเลือด มองเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น “แกไม่เพียงแต่จะเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เป็นคนหนุ่มที่มีฝีมือลึกล้ำไม่อาจหยั่ง แล้วยังมีความใจกว้าง ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมาถึงทุกวันนี้ได้ ก็คงจะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ส่วนฉันก็ไม่มีญาติมิตรในโลกนี้ตั้งนานแล้ว ไม่มีพันธะ สามารถจากไปได้!”

เย่เทียนเฉินได้สติกลับมา รอจนกระทั่งเขาคิดจะลงมือ อาชูร่าก็นั่งไขว่ห้างลงบนก้อนหินที่อยู่ไม่ไกล ลมหายใจขาดห้วงไปแล้ว นี่ทำให้เย่เทียนเฉินรับมือไม่ทัน จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่อาชูร่าพ่ายแพ้จะเลือกเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากยิ่งในโลกใบนี้ เลือกที่จะตายไปพร้อมกับตระกูลเซวียนเยวี๋ยน นี่ไม่ใช่ความร้ายกาจของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน แต่เป็นความใจกว้างของอาชูร่า อาชูร่าให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์มาก เป็นคนที่ควรค่าแก่การนับถือ

“ผู้อาวุโส…” เย่เทียนเฉินรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง ตะโกนออกมาอย่างสะท้อนใจ

นี่คือผลของการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือทั้งสองคน เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนเฉินได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงถึงขนาดนี้ มือทั้งสองแทบจะไร้ค่า เห็นได้ว่าอาชูร่าแข็งแกร่งมากขนาดไหน แต่อาชูร่าเองก็เห็นแล้วว่าถ้าหากสู้กันต่อไป มีแต่จะบาดเจ็บพ่ายแพ้กันทั้งคู่ บางทีเรียกได้ว่าตนเองพ่ายแพ้แล้ว ชายหนุ่มอายุยี่สิบปีคนนี้ไม่เพียงแต่เหนือกว่าเขาตอนอายุยี่สิบ แต่ยังเหนือกว่าเขาได้ตอนนี้ไปแล้วด้วย หากดื้อรั้นจะสังหารต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ คนทั้งสองคนที่แตกต่างกัน เดิมทีก็ไม่มีความแค้นเคืองลึกล้ำต่อกัน เพียงแต่แต่ละคนก็มีหลักการของตัวเอง แต่ละคนมีชะตากรรมของตัวเอง บนโลกใบนี้มีความจนใจมากเกินไป ใครก็รับไม่ได้

ตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่รู้ว่าจะบรรยายอารมณ์ของตนอย่างไร ฝีมือของอาชูร่าแข็งแกร่งมาก เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาได้พบตั้งแต่ได้มาเกิดใหม่ในโลกใบนี้ และเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส มือทั้งสอลงเกือบจะเสียหาย เขากับอาชูร่าไม่มีความแค้นลึกล้ำอะไรต่อกัน เพียงแต่พวกเขาไม่มีทางเลือก สุดท้ายอาชูร่าจึงละทิ้งการโจมตีถึงตายไป นั่งละสังขารไปบนก้อนหินใหญ่ด้วยตัวเอง มีความใจกว้างเช่นผู้อาวุโสคนหนึ่ง มีเอกลักษณ์ดังยอดฝีมือคนหนึ่ง คนเช่นนี้เดิมทีก็ไม่ควรจะตาย

โดยเฉพาะคำพูดนั้นของอาชูร่าที่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกสะท้อนใจนัก ไม่มีญาติมิตรแม้แต่คนเดียวแล้ว ไม่มีสหายแม้แต่คนเดียว และไม่มีพันธะใดๆ จะเป็นหรือจะตายจะมีอะไรแตกต่างกันล่ะ?

หลังจากมาเกิดใหม่ในโลกใบนี้ ในดาวสิ้นโลกเย่เทียนเฉินเองก็เป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีญาติมิตรคนหนึ่ง เดินบนเส้นทางแห่งการฆ่าฟัน เดินบนเส้นทางแห่งการต่อสู้จนถึงที่สุด ไม่รู้ว่าเดินมาถึงชายขอบแห่งความเป็นความตายไปแล้วกี่ครั้ง สุดท้ายจึงมีพี่น้องร่วมตายอยู่กลุ่มหนึ่ง เพียงแต่น่าเสียดายหลังจากการต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสูงในครั้งนั้น ทุกคนก็ตายไปหมดแล้ว ตายไปทั้งหมด ดูเหมือนว่าทุกวันคืนเย่เทียนเฉินจะฝันเห็นฉากเช่นนี้ ถ้าไม่ได้แก้แค้นให้เหล่าสหายของตนเขาก็ไม่อาจทำใจได้ เรียกได้ว่าตายไปแล้วก็ไม่อาจสงบใจได้ ลูกผู้ชายคนหนึ่ง ดำรงชีวิตอย่างตรงไปตรงมา สร้างชื่อเสียงให้เลื่องลือ ปกป้องสหายเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเย่เทียนเฉินดึงหวงแหนญาติมิตรในครั้งนี้เป็นพิเศษ พ่อแม่และน้องสาว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าพวกเขาอีกแล้ว

ความเปล่าเปลี่ยวของอาชูร่า ความเจ็บปวดของเขา ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือผู้เก่งกาจ แต่กลับไม่มีญาติมิตรแม้แต่คนเดียวอยู่ข้างกาย ไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของครอบครัว ไม่อาจรับรู้ถึงความสุขที่ญาติมิตรนำมา ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกใจสั่นและหวงแหน ต้องการกำจัดอุปสรรคทุกอย่างให้ราบคาบ ปกป้องความสุขของครอบครัวตน ในใจของเย่เทียนเฉินมีความแน่วแน่ในความคิดนี้ของตนเองมากยิ่งขึ้น ใครก็ไม่อาจสั่นคลอนความคิดของเขาได้ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ทำไม่ได้

ฟิ้วๆๆ!

อู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย เปาเทียนหลง ทั้งสามต่างปรากฏตัวเบื้องหลังเย่เทียนเฉิน บนร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด แต่ล้วนเป็นเลือดของมือสังหารแห่งตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเหล่านั้น หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มา พวกเขาก็ทำลายบ้านของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนไปแล้ว และดับชีวิตของสองพ่อลูกเซวียนเยวี๋ยนเสวียนอวี่และเซวียนเยวี๋ยนชิวไปเรียบร้อยแล้วด้วย ในตอนที่ได้ยินเสียงดังสนั่นฟ้า ทุกคนต่างถูกทำให้สั่นสะท้าน และรีบตามเข้ามา ในตอนที่เห็นเย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่ใหญ่ แขนทั้งสองมีเลือดไหลออกมาจนแทบจะใช้การไม่ได้ ทั้งสามก็สูดหายใจเย็นยะเยือก จินตนาการได้เลยว่าเย่เทียนเฉินผ่านการต่อสู้สะเทือนฟ้าอย่างไรมา

“พี่ใหญ่…คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” อู๋เสวี่ยได้สติกลับมา จึงเอ่ยถามออกมาอย่างตื่นตกใจ

“ไม่เป็นไร!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย มองไปยังร่างกายที่กำลังนั่งอยู่ของอาชูร่า รู้สึกสะท้อนใจยิ่ง เรียกได้ว่าเขาพ่ายแพ้อาชูร่าแล้ว และเรียกได้ว่าไม่ได้แพ้ เนื่องจากการโจมตีถึงขั้นเป็นตายครั้งสุดท้ายไม่ได้สัมฤทธิ์ผล เป็นอาชูร่าที่รับรู้ถึงชีวิตมนุษย์ ไม่มีห่วงอะไรเลยแม้แต่น้อย จึงนั่งละสังขารอยู่บนก้อนหินใหญ่ด้วยตนเอง สร้างความสะท้อนใจอย่างรุนแรงให้แก่เย่เทียนเฉิน

“นี่…นี่มัน…ระ ร้ายกาจจริงๆ …” หวังเจี๋ยเห็นอาชูร่าที่นั่งละสังขารอยู่เบื้องหน้าก็ตื่นตกใจจนแลบลิ้นออกมา หวังเจี๋ยเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเองและบ้าคลั่งอย่างมาก แสดงท่าทีเช่นนี้ออกมาน้อยมาก แต่เขารู้สึกได้ว่าคนตรงหน้านี้ ต่อให้ตายไปแล้ว บนร่างก็ยังมีพลังพิเศษอันแข็งแกร่งแผ่ออกมา น่าหวาดกลัวจริงๆ มิน่าล่ะเย่เทียนเฉินที่มีความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดาถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้

“อาชูร่าคือผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ควรค่าแก่การนับถือ พวกเราไปกันเถอะ!” เย่เทียนเฉินสูดหายใจลึกแล้วพูดขึ้น

“เซวียนเยวี๋ยนเสวียนอวี่และเซวียนเยวี๋ยนชิวเป็นยังไงบ้าง?” เปาเทียนหลงเอ่ยปากถาม

“ฆ่าไปแล้ว อย่าลืมฝังศพผู้อาวุโสอาชูร่าไว้บนเกาะทะเลทรายให้ดีๆ ด้วย!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย หมุนตัวแล้วเดินจากไป

……………