บทที่ 222
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาผ่านไป 2-3 เดือนแล้ว

เมฆขาวลอยล่อง สายลมพัดผืนดิน ต้นไม้โงนเงนไปมาเบาๆ จนเกิดเสียงดังขึ้น

สายน้ำและภูเขา มีกลิ่นอายของฤดูใบไม้ร่วง ลมในฤดูใบไม้ร่วง พัดใบไม้ที่ร่วงลงมา ปลิวลอยตามลมไปไกล

โถงหลักของสถาบันสอนวิชาบู๊ ศิลาบู๊ขนาดใหญ่ ยังลอยอยู่กลางอากาศ ส่องแสงออกมาบางๆ

เวทีประลองเสียงคนดังสนั่น บนหอคอยมีเสียงคนตะโกนดังไปทั่ว

วันนี้เป็นวันพิเศษของสถาบันสอนวิชาบู๊ เป็นวันเริ่มการต่อสู้จัดอันดับของสถาบัน นั่นก็คือวันที่เก้าคณะใหญ่ต่างส่งนักเรียนของคณะ เข้าร่วมการแข่งขันต่อสู้

หอคอยหินขนาดใหญ่ มีครูแต่ละคณะนั่งอยู่เต็ม ครูของเก้าคณะใหญ่สวมเครื่องแต่งกายของคณะที่แตกต่างกัน นั่งเรียงตามลำดับ

ด้านล่างหอคอย เป็นนักเรียนของเก้าคณะใหญ่ แบ่งออกเป็นเก้าสายอย่างชัดเจน ยืนล้อมหอคอยทั้งหมดเอาไว้

แต่ละคณะจะมีครูเก้าคนกับอาจารย์หนึ่งคน นั่งเป็นค่ายกลเก้าจุด

เก้าอี้เป็นเก้าอี้ไม้ สลักลวดลายเปลวไฟ ความหมายที่แฝงอยู่คือ ภูเขาขจีไร้ที่สิ้นสุด สืบทอดสายเลือดใหม่อย่างต่อเนื่อง

อาจารย์ที่นั่งอยู่ตรงกลาง นั่งบนเก้าอี้ไม้อู๋ถง ด้านบนมีสัญลักษณ์ของแต่ละคณะ เช่น ภาพค่ายกลไท่จี๋ของคณะหยินหยาง ภาพกระบี่ลอยของคณะกระบี่ ภาพอาร์เรย์ทหารของคณะนานา

อาจารย์ของเก้าคณะสวมชุดหรูหรางดงาม นั่งเรียงตามลำดับ มีเพียงคณะหนึ่งเดียว ที่ดูแต่งตัวเรียบง่าย อาจารย์อี้ชิงนั่งเหงาอยู่ตรงนั้น จับดวงตาตัวเองเป็นระยะ

“ตาเฒ่าเทียนทุเรศ ฝึกก็ฝึกไปสิ ทำไมต้องทำร้ายคนอื่นด้วย คิดว่าตัวเองแรงเยอะ แล้วทำร้ายคนไปทั่วได้เหรอ หึ รอให้ฉันก้าวข้ามขั้นได้ก่อนเถอะ จะซัดนายให้ฟันร่วงเลย”

อาจารย์อี้ชิงพูดพึมพำ ใช้พลังปราณกระตุ้นความบวมตรงขอบตาล่างให้หายไป ช่วงนี้เขาโดนท่านผอ.เทียนหยาจื่อทารุณไม่น้อยเลย แผลตรงขอบตาถือว่ายังน้อย บนตัวฟกช้ำดำเขียวไปหมด เทียนหยาจื่อใช้พลังหยินหยางของผู้แข็งแกร่งเซียนบู๊เล่นงานเขา แผลแบบนี้รักษาหายยาก การฟื้นฟูเป็นเรื่องยุ่งยาก

อี้ชิงหันไปมองซิงยวนที่อยู่ไม่ไกล ซิงยวนนั่งตัวตรง สีหน้ายังคงไม่สบอารมณ์

อี้ชิงหัวเราะเบาๆ อันที่จริงอาการบาดเจ็บของซิงยวน หนักกว่าเขาเยอะ แต่บาดเจ็บตรงอก มีเสื้อผ้าบดบังอยู่ คนอื่นมองไม่เห็นเท่านั้น ตอนนี้ซิงยวนคงฝืนอย่างอยากลำบากอยู่สินะ

เหมือนสัมผัสได้ถึงสายตาของอี้ชิง ซิงยวนหันมามองอี้ชิง

ทั้งสองจ้องตากัน อากาศรอบๆ เริ่มอุณหภูมิสูงขึ้น

มีเสียงหึดังขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองละสายตาออกมา

กลางหอคอย เก้าอี้หวายขนาดใหญ่ สีเขียวมรกตระยิบระยับ ราวกับมีน้ำไหลเวียนอยู่ในนั้น

เพ่งมองดูดีๆ ถึงเห็นว่า นั่นเป็นพลังธาตุไม้สีเขียว กำลังไหลเวียนอยู่ เก้าอี้ที่สามารถรวบรวมพลังฟ้าดินโดยอัตโนมัติ เอาไปให้ผู้ฝึกชี่ทำเป็นเครื่องราง ก็นับว่าไม่เลว

หวายเป็นหวายสีเขียวหมื่นปี บนนั้นมีอักษรสลักว่า “บู๊ไร้ขอบเขต วิถีไร้ขีดจำกัด”

ต่อมา มีแสงดวงหนึ่งลงมาจากฟ้า ท่านผอ.เทียนหยาจื่อปรากฏออกมาจากแสง ยืนอยู่หน้าเก้าอี้หวาย เทียนหยาจื่อชี้ไปบนฟ้า

นักเรียนด้านล่าง ส่งเสียงเชียร์ดังสนั่น นี่เป็นงานใหญ่ของสถาบันสอนวิชาบู๊ หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว

มองลงมาจากท้องฟ้า นักเรียนทั้งเก้าคณะ เหมือนแม่น้ำเก้าสาย ทอดยาวออกไป บนหลังคาโถงใหญ่ของสถาบันบู๊ บนต้นไม้บริเวณรอบๆ มีคนยืนอยู่เต็มไปหมด

มีเพียงฝั่งคณะหนึ่งเดียว ที่ดูน้อยจนน่าสงสาร

อาจารย์เต้ากวงพาหานเฟิงและคนอื่น มานั่งด้านล่างหอคอย

พวกเขาห้าคนกับเจ้าดำ กินพื้นที่หนึ่งในเก้าของเวทีประลอง