บทที่ 181 ดาบดับสิ้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของยี่ซวนพลันเจื่อนลงทันที และการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขารู้สึกราวกับว่า การสำนึกของเขาถูกฟันด้วยดาบคม ความเจ็บปวดที่ชัดเจนนั้นมาจากตัวหยั่งรู้ ร่างกายซวนเซเล็กน้อยจนต้องถอยหลังไปสองก้าว
ขณะที่เขาถอยกลับ ธงค่ายระดับเก้าก็มีแสงเปล่งประกาย บินเข้าไปภายในถ้ำหิน และถูกหลัวซิวเก็บลงแหวนเก็บของ
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็เดินออกมาจากถ้ำหิน เขามองไปที่ยี่ซวนและเหมิงขวงซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร
ยี่ซวนกำลังจะเตือนเหมิงขวงว่าคนผู้นี้ไม่สามารถจัดการได้ง่าย ๆ แต่กลับเห็นเหมิงขวงกระโดดเข้าไปก้าวใหญ่ พูดเสียงดัง “ไอ้หนุ่มชุดดำ จงมอบยันต์หยกที่เจ้ามีมาให้หมด แล้วทำลายยันต์หยกแดงเสีย ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
ในเวลานี้ ไม่มีค่ายกลขวางกั้น การสำนึกของเขาจึงตรวจพบหญิงสาวคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัสอยู่ในถ้ำ แววตาเป็นประกาย “เฮ้ย ๆ มีลูกไก่ได้รับบาดเจ็บด้วยนี่ ข้าจะได้เล่นสนุกด้วยเสียหน่อย!”
สิ้นสุดคำพูดเหมิงขวง สีหน้าหญิงสาวชุดขาวในถ้ำหินนั้นก็พลันซีดเซียว ริมฝีปากที่ซีดขาวเม้มแน่น
แต่เมื่อหลัวซิวได้ยินประโยคนั้น จิตสังหารขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา โดยไม่มีเหตุผล
ปั้ง!
จิตสังหารสีเลือดระเบิดออก รอบกายเขาถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงสีเลือด รัศมีจิตสังหารเหล่านี้เผยให้เห็นลมหายใจของปรมาจารย์ฝึกจิตหลายท่านที่ซ่อนเร้นอยู่ นั่นหมายความว่า เขาได้ฆ่าปรมาจารย์ยุทธ์ระดับฝึกจิตผู้แข็งแกร่งไปแล้วหลายคน!
ยี่ซวนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ด้วยพลังของเขานั้น หากต้องปะทะกับปรมาจารย์ยุทธ์ระดับเดียวกัน ก็คงไม่แพ้ง่าย ๆ แต่หากต้องการฆ่านั่นจะเป็นสิ่งที่ยากลำบากมาก
ไม่ว่าอย่างไร ทุกคนที่สามารถฝึกตนจนถึงปรมาจารย์แดนฝึกจิต ต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดา
และชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำตรงหน้านั้น ยังไม่บรรลุถึงแดนฝึกจิต แต่มือของเขากลับถูกย้อมไปด้วยชีวิตของปรมาจารย์ฝึกจิตหลายคน ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?
อีกทั้งเมื่อตอนที่เผชิญหน้ากัน ยังมีจิตสังหารที่แพร่ออกมาจากการสำนึกอันน่าสยดสยอง และแหลมคมราวกับดาบ ทำให้ยี่ซวนรู้สึกว่า ชายคนนี้ที่ไม่เอาไหนในด้านค่ายกลนั้น กลับไม่สามารถเอาชนะได้ง่าย ๆ
แต่เขานั้นยังไม่ทันได้เตือน เหมิงขวงก็กระโดดนำหน้า พุ่งตรงไปยังหลัวซิวที่อยู่หน้าถ้ำพร้อมทั้งปล่อยพลังหมัดออกไป
หลัวซิวไร้ซึ่งความหวาดกลัว ด้วยจิตสังหารสีเลือดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา เขาได้ปล่อยพลังหมัดออกไปเช่นเดียวกัน
ปัง!
หมัดทั้งสองตรงเข้าปะทะกัน หลัวซิวซวนเซไปทางด้านหลังเล็กน้อย ร่างเนื้อตกเป็นเบี้ยล่างในการเผชิญหน้ากัน
ได้ยินเสียงกระดูกหักดังขึ้น คนที่บาดเจ็บนั้นกลับไม่ใช่หลัวซิว แต่เป็นเหมิงขวงที่แข็งแกร่งกว่าจากแดนร่างเนื้อ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” กระดูกนิ้วมือแตกหักเป็นสามท่อน ทำให้เหมิงขวงทั้งตกใจและโกรธในเวลาเดียวกัน
อย่างที่รู้ นี่คือการหมุนเวียนพลังแห่งความตายของหลัวซิว ณ วินาทีที่เผชิญหน้ากัน ได้ทำลายลายเส้นชีวิตของเขา นี่จึงสามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บจากกระดูกที่หักได้
จงใจโจมตีลายเส้นชีวิต คือวิธีการเฉพาะของพลังแห่งความเป็นตาย ในประเทศเทียนหวูที่เล็กเช่นนี้ แต่กลับไม่มีใครสามารถล่วงรู้ความลึกลับนี้ได้
“ปัง!”
เมื่อเห็นฝ่าเท้าของหลัวซิวเหยียบลงบนพื้นอย่างรุนแรง ร่างนั้นยืนขึ้นและกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ มุ่งไปทางเหมิงขวง
การสำนึกอัดแน่นแล้ว ท่ามกลางตัวหยั่งรู้ การสำนึกนั้นมีรูปร่างเหมือนกระแสน้ำวน หลุดพ้นจากพันธนาการแห่งสวรรค์และโลก
ถึงแม้เขาจะยังไม่บรรลุถึงแดนปรมาจารย์ฝึกจิต แต่กลับสามารถครอบครองความสามารถทุกอย่างที่มีแค่ปรมาจารย์ฝึกจิตเท่านั้นที่จะมีได้
“ปัง! ปัง! ปัง! …”
ในระยะเวลาอันสั้น หลัวซิวกับเหมิงขวงต่อสู้กันด้วยร่างเนื้ออยู่กลางอากาศ
ในใจของเหมิงขวงรู้สึกหงุดหงิดใจถึงขีดสุด ร่างยุทธ์ขั้นสูงของตนนั้นเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำตรงหน้ามากเพียงใด แต่ทุกครั้งที่ประมือกัน เขากลับได้รับบาดเจ็บอย่างไร้สาเหตุ กลับกันอีกฝ่ายกลับยิ่งสูงยิ่งแข็งแกร่ง ทำให้เขาถูกกดเป็นเบี้ยร่าง
“ยี่ซวน ไม่ลงมือหรือไร?”
เหมิงขวงตะโกนด้วยความโกรธ พลางหยิบขวานคู่จากข้างหลังมาถือไว้
ด้วยความทะนงตัวเขานั้น เดิมทีจะไม่ยอมร่วมมือกับยี่ซวนต่อสู้กับศัตรู แต่ในเวลานี้ศัตรูของเขาดูแปลกประหลาดและเอาชนะได้ยาก ทำให้เขาไม่มีทางเลือกให้ต้องขอความช่วยเหลือจากยี่ซวน
และในเวลานี้เอง หลัวซิวกลับล่าถอยไป ร่างกายเปลี่ยนเป็นลำแสง พุ่งเข้าไปภายในถ้ำ
เขาเข้าไปในถ้ำหิน ยื่นมือซ้ายออกมาโอบหญิงสาวชุดขาวที่บาดเจ็บสาหัสเข้าไว้ในอ้อมกอด ทันใดนั้นมือขวาก็ขว้ากระบี่ ตวัดดาบให้ทลายถ้ำให้เปิดออก จากนั้นจึงลอยตัวขึ้นไปบนฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นยี่ซวนหรือเหมิงขวง หลัวซิวมั่นใจไม่ว่าคนไหนเขาก็เอาชนะได้
แต่ว่า ถ้าหากทั้งสองร่วมมือกัน คนหนึ่งเข้าประชิด อีกคนใช้วิชาค่ายกล หลัวซิวสงสัยว่าอัตราการชนะนั้นคงมีไม่มาก
อีกทั้งหญิงสาวชุดขาวก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้เข้าไม่สามารถออกไปฆ่าศัตรูได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการล่าถอยจึงเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาด
“จะไปไหน!”
เหมิงขวงที่ในมือถือขวานคู่นั้นกู่ร้องด้วยความโกรธ แสงสีขาวที่คมและแข็งแกร่งปรากฏขึ้นบนขวาน เป็นการหลอมรวมกันของพลังการโจมตีที่แข็งแกร่งและปราณแท้Attrทองที่มีชื่อเสียง
“ไปให้พ้น!”
หลัวซิวตะโกนเสียงดัง กระบี่ยุทธ์ดินระดับกลางถูกฟันออกมา เกิดเพลิงมรณะลุกท่วม
“ปัง!”
พลังแห่งกระบี่และขวานชนกัน หลัวซิวใช้โอกาสนี้ในการล่าถอย ส่วนทางด้านเหมิงขวงนั้นถูกลอบโจมตีจากพลังแห่งความตาย อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ เสียงกรีดร้องดังขึ้น ร่างกายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
หลัวซิวฉวยโอกาสนี้ ใช้วิชาท่าร่างตามลมล่าจันทราเร่งความรวดเร็วในการลอยตัว และถอนหนีออกไปด้วยความรวดเร็ว
“ฮึ่ม!”
แต่ในเวลานี้ ม่านแสงลักษณะเหมือนชามคว่ำ ได้ครอบลงมาจนไม่เห็นท้องฟ้า
ยี่ซวนลงมือแล้ว ภายในชั่วเวลาไม่กี่วินาที ก็ได้สร้างค่ายยากเย็น ปกคลุมฝ้าดินของอีกฝั่งเอาไว้แล้ว
ในขณะเดียวกัน มือของยี่ซวนก็ได้กำตราวิชาไว้ และสร้างค่ายสังหารขึ้นมาอีก จิตสังหารที่พลุ่งพล่านออกมาเหมือนคมดาบ กดให้หลัวซิวจมดิ่งลงไป
เมื่อทั้งสองรวมพลังกัน หลัวซิวก็ไม่สามารถต้านทานได้ ร่างของเขากระเด็นออกไปพร้อมเลือดที่ปรากฏตรงริมฝีปาก
ถึงอย่างนั้น หลัวซิวก็ไม่ได้ปล่อยหญิงสาวชุดขาวลง เขาต่อสู้ด้วยมือเดียวจนถึงที่สุด
“ถ้าเจ้าวางข้าลง ไม่แน่เจ้าอาจจะหนีไปได้ทัน” เมื่อเห็นหลัวซิวที่บาดเจ็บเพราะช่วยนางไว้ หญิงสาวชุดขาวจึงพูดออกมาด้วยความไม่สบายใจ
ชายหนุ่มคนนี้ที่ไม่รู้ได้รู้จักกับนาง เขาช่วยชีวิตนางไว้ น้ำใจอันยิ่งใหญ่ของเขาที่ไม่สามารถตอบแทนได้ และขณะนี้เขาต้องมาได้รับบาดเจ็บเพราะปกป้องนาง ทำให้หญิงสาวชุดขาวร็สึกผิดอยู่ในใจ
“หุบปาก!”
หลัวซิวพูดเสียงเย็น ภายใต้สถานการณ์คับขันเช่นนี้ ท่าทีของเขาดูไม่เป็นมิตรนัก
หญิงสาวชุดขาวเผยใบหน้าบูดบึ้ง แอบคิดในใจว่า ผู้ชายคนนี้นี่มันยังไงกัน นางพูดก็เพื่อตัวเขาเอง แต่เขากลับมาดุนาง?
“เด็กน้อย เจ้าคงจะเป็น ‘ซิวหลัว’ สินะ ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นสมาชิกอัจฉริยะแห่งองค์กรนักล่ายุทธ์ ชื่อเสียงเรื่องลือในเขตการปกครองโตว้ไห่ แต่ถ้าหากวันนี้เจ้าไม่ทำลายยันต์หยกแดงเสีย เจ้าคงต้องตายด้วยน้ำมือของท่านปู่อย่างข้าแล้วล่ะ”
ร่วมมือกับยี่ซวนและลอยตัวอยู่กลางอากาศ เหมิงขวงได้ใจ พูดพลางหัวเราะด้วยความสะใจ
หากใช้การรวมพลังของทั้งสองคน ต่อให้เป็นฝึกจิตระดับสี่ก็สามารถโจมตีจนแพ้พ่ายได้ นับประสาอะไรกับแค่ระดับฝึกจิตครึ่งเพียงคนเดียว?
หลัวซิวใช้ประโยชน์จากบันทึกขององค์กรนักล่ายุทธ์ สามารถรับรู้ได้ถึงข้อมูลของอัจฉริยะที่เข้าร่วมการแข่งขันคนอื่น ๆ และแน่นอนเหมิงขวงกับยี่ซวนเขาก็สามารถรับรู้ได้เช่นกัน
จิตสังหารสีเลือดแพร่กระจายไปทั่วทั้งตัว ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำ ฆ่าระดับฝึกจิตได้ ร่องรอยต่าง ๆ นั้นเหมือนกับกลิ่นอายของ‘ซิวหลัว’แห่งเขตการปกครองโตว้ไห่
หลัวซิวไม่พูดอะไร ใช้วิชาการบิน พุ่งเข้าหายี่ซวน
ในสองคนนี้ มีเพียงคนเดียวที่ฆ่ายี่ซวน ได้เท่านั้นที่จะก้าวไปข้างหน้าและถอยกลับได้อย่างอิสระ
“เจ้าเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าคิดว่าข้าทั้งสองเหมือนกับพวกระดับฝึกจิตทั่วไปอย่างที่เจ้าเคยฆ่างั้นหรือ?”
เหมิงขวงบันดาลโทสะ สาวเท้าก้าวให้ขึ้นมาด้านหน้า รวมกับการโจมตีของค่ายสังหารระดับสี่ที่ยี่ซวนสร้างไว้ ท่าทีของเข้าเต็มไปด้วยความยิ่งผยอง
เกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดและการต่อสู้ก็ปะทุขึ้นในทันที
ปราณกระบี่เปลวไฟแห่งสีดำโหมกระหน่ำสู่ท้องฟ้า ขวานศึกอันดุเดือดเขย่าโลก!
“ขวานฉีกสวรรค์และตัดปฐพี!”
เหมิงขวงรอบตัวนั้นเปล่งประกายไปทั่ว เรียกใช้วิชายุทธ์ระดับเจ็ด
สำหรับพลังอันยิ่งใหญ่ของอัจฉริยะ ทุกคนต่างก็มีการฝึกตนของวิชายุทธ์ระดับเจ็ด แต่ท่ามกลางนักยุทธ์ทั่วไปนั้น แต่กลับมีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์เท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับการฝึกตนของวิชายุทธ์ระดับเจ็ด
ขวานคู่นี้ฟาดฟันออกไป ราวกับว่าชิ้นส่วนสวรรค์และโลกนี้จะต้องแหลกสลาย
เผชิญหน้ากับการโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หลัวซิวพ่นออกมาเพียงคำเดียว “ฆ่า!”
เพลิงมรณะระเบิดปะทุขึ้น หลัวซิวสะบัดกระบี่ออกไป ลำแสงสีดำเย็นเยือก รังสีแห่งความตายเต็มไปในอากาศ พร้อมทั้งจิตสังหารก็พลุ่งพล่าน
ดาบนี้ ผสมเข้ากับห้วงยุทธ์ของเขา ดาบแห่งจิตสังหาร!
และดาบนี้ ก็ได้รับการตั้งชื่อจากหลัวซิวว่าดาบดับสิ้น!