ตอนที่ 535 หลอกตัวเองไม่ได้
เผยอวี่ถังเอาแต่พูดบ่นอยู่ทางปลายสาย เป็นห่วงเป็นใยความรักของพี่ชายตนเองอย่างยิ่ง
“นายว่างมาก?” เผยอวี้เฉิงเอ่ยปากพูดอย่างเรียบๆ
คำพูดเย็นชาประโยคนี้ทำให้เผยอวี่ถังขนลุกชันทันที “แค่ก ก็ผมเป็นห่วงพี่นี่นา?”
เผยอวี้เฉิงวางสายโดยไม่ปล่อยให้เผยอวี่ถังพูดอะไรต่อไป
ขณะนี้เผยอวี่ถังกำลังร้อนใจอยู่ เฮ้อ พี่ใหญ่ยังคงไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่นเหมือนที่เคยเป็นมาอย่างที่คิดเอาไว้เลย แล้วจะไปมีความรักอย่างราบรื่นได้อย่างไร!
ถ้าพี่ใหญ่มีความรักไม่ราบรื่น อย่างนั้นเขาจะไปหาที่พึ่งที่ดีอย่างพี่สะใภ้ใหญ่นี้ได้จากที่ไหนกันอีกล่ะ?
ถ้าปราศจากที่พึ่งอย่างพี่สะใภ้ใหญ่ ชีวิตของเขาจะไม่กลับตาลปัตร หวนคืนสู่นรกเหมือนเดิมอย่างนั้นเหรอ?
ขณะนี้มีเสียงเคาะประตูดัง ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ อยู่นอกห้องพักโรงแรมของเผยอวี้เฉิง
เฉิงมั่วเดินเข้ามาอย่างระแวดระวัง “ประธานเผย…”
เผยอวี้เฉิงอ่านเอกสารไปพลางเอ่ยปากพูดไปพลาง “ว่ามา”
เฉิงมั่วกระแอมเสียงเบา “ประธานเผย ผมมายืนยันแผนการเดินทางของคุณว่าต่อจากนี้จะทำตามเดิมหรือเปล่าครับ?”
เผยอวี้เฉิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาอันเย็นชา “แล้วยังไง?”
“มะ…ไม่มีอะไรครับ…” เฉิงมั่วรีบตอบ “ความหมายของผมก็คือ…ผมอยากมาคอนเฟิร์มเพื่อไม่ให้มีความผิดพลาดน่ะครับ”
เขาห่วงว่าพรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์ เถ้าแก่จะจองตั๋วกลับประเทศกะทันหัน ทิ้งงานแล้วกับไปอยู่กับแฟน ยังไงเล่า!
ตอนนี้พอได้ยินคำตอบและเห็นการทำงานอย่างจริงจังของเถ้าแก่ตนเอง เฉิงมั่วก็รู้สึกละอายใจต่อความคิดเมื่อครู่ของตัวเองอย่างยิ่ง
ดูท่าเขาคงใช้จิตใจของคนถ่อยไปคิดอ่านแท่นจิตใจของวิญญูชนเสียแล้ว…
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้นะครับ!” หลังจากเฉิงมั่วคอนเฟิร์มเรียบร้อยแล้วก็ออกไปจากห้องทันที
เฉิงมั่วจากไปได้ไม่นาน เผยอวี้เฉิงก็เริ่มกวาดสายตาอ่านเอกสารและตารางข้อมูลอันสลับซับซ้อนสารพัดอย่างที่จำเป็นต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ต่อไป
เพียงแต่สามนาทีต่อมา…
ชายหนุ่มซึ่งกำลังเอนตัวพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ก็เกิดอาการวิงเวียนที่แสนจะคุ้นเคย วินาทีต่อมาร่างกายก็สูญเสียสติสัมปชัญญะโดยสิ้นเชิง…
เมื่อเผยอวี้เฉิงฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนแปลงจนหมดสิ้น…
เขาขยับนิ้วมือและยกมือขึ้นโดยอัตโนมัติ
จากนั้นก็มองเห็นมือเรียวยาวผิวขาวละเอียดของของผู้หญิงคู่หนึ่ง…
เผยอวี้เฉิงได้สติกลับมาทันที นี่คือร่างกายของหลินเยียน…
ดวงตาชายหนุ่มฉายแววอับจนปัญญา ดูท่าต่อให้หลอกลวงทุกคนได้ แต่ก็หลอกตัวเองไม่ได้อยู่ดี
คำพูดทางโทรศัพท์ของเผยอวี่ถังก่อนหน้านี้ ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะไม่ได้พูดอะไร และดูเหมือนไม่แยแส แต่สุดท้ายก็ยังใส่ใจอยู่ดี…
อย่างไรก็ตาม…
ชั่วพริบตาที่เผยอวี้เฉิงเข้ามาสิงร่างและควบคุมร่างกายของหลินเยียนก็มีเสียงดนตรีดังสนั่นหวั่นไหวที่สะเทือนแก้วหูจนหูเกือบหนวกกรอกเข้าสู่ใบหูทันที จากนั้นก็มองเห็นแสงไฟวูบวาบละลานตาเหนือศีรษะ สิ่งที่อยู่บนหน้าจอใหญ่ตรงหน้าคือรถแข่งที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วยิ่ง คล้ายเป็นเกมรถแข่งที่เผยอวี่ถังชอบเล่นมากก่อนหน้านี้…
และข้างมือหลินเยียนก็มีขวดเบียร์ที่ว่างเปล่ากระจัดกระจายอยู่หลายขวด ล็อบสเตอร์ หอยเชลล์ หอยลาย คอเป็ด ถั่วลิสง…ของกินสารพัดสารพันกองอยู่เต็มโต๊ะ…
พี่สะใภ้ต้องเสียใจมากแน่เลย…
ต่อให้พี่สะใภ้ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจต้องผิดหวังแน่เลย! พี่สะใภ้น่าสงสารมากขนาดนี้ แถมเพื่อนก็ยังไม่มีอีก วันที่แสนจะสนุกสนานครื้นเครงแบบนี้ แฟนดันไม่อยู่ จะเสียใจแค่ไหน เปราะบางแค่ไหนกันนะ…
จะเสียใจแค่ไหน…
เปราะบางแค่ไหน…
เผยอวี้เฉิงหวนนึกถึงคำพูดที่เผยอวี่ถังเคยพูดเหล่านั้น จากนั้นก็มองภาพตรงหน้า “…”
ตอนที่ 536 เขาทำให้เธอหวั่นไหวไม่พอ?
เห็นชัดว่าหลินเยียนในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือเปราะบางเลยสักนิด
ตรงข้าม เหมือนจะดีใจมากด้วยซ้ำ…
เกมโอเวอร์
เพราะขาดการบังคับระหว่างเกมกะทันหัน ทำให้เมื่อเกมจบลงจึงขึ้นตัวหนังสือว่าเป็นฝ่ายแพ้อยู่บนหน้าจอ
เดิมทีนั้นหลินเยียนกำลังใจจดจ่อกับเกมแข่งรถ เมื่อเห็นว่ากำลังจะผ่านด่านแล้ว คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เบื้องหน้าก็จะดับวูบไป จากนั้นก็สูญเสียสติสัมปชัญญะ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเธอได้สติกลับมาอีกครั้งก็เห็นว่าเกมที่อยู่ข้างหน้าจบไปแล้ว…
พับผ่าสิ! เหลือแค่ด่านสุดท้ายเองนะ!
เดิมทีหลินเยียนนึกว่าตัวเองวูบหลับไป แต่เมื่อหลินเยียนฟื้นขึ้นมา และกำลังจะปาเครื่องบังคับเกมทิ้งด้วยความหงุดหงิดโดยอัตโนมัติ ขณะนี้เองเธอถึงพบว่า…
เกิดเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดและคุ้นเคยขึ้น…
เธอควบคุมร่างกายไม่ได้
ไม่ว่าเธอจะพยายามอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ เหมือนร่างกายไม่ใช่ของเธออย่างนั้น
ส่วนประสาทการรับรู้ของเธอก็เหมือนถูกขังอยู่ภายในห้องมืดขนาดเล็กในส่วนลึกของห้วงจิตสำนึก กลายเป็นมุมมองของบุคคลที่สามเหมือนที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้หลายครั้ง
มิน่าเมื่อกี้หมดสติไปกะทันหัน ร่างกายของเธอถูกอีกจิตสำนึกหนึ่งครอบครองอีกแล้ว!
เพียงแต่สิ่งที่ต่างออกไปคือครั้งนี้เหมือนเธอจะยังมีสติอยู่ เพียงแต่เธอไม่อาจควบคุมร่างกายตัวเองได้ เนื่องจากร่างกายกำลังถูกครอบครองอยู่…
ขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ก็เกิดเรื่องที่ทำให้เธอตกใจ ทันใดนั้นร่างกายเธอก็เปล่งเสียงพูดขึ้นมาว่า…
“ผู้หญิงไร้หัวใจ…”
พับผ่าสิ!
ร่างกายเธอพูด!
แต่เธอไม่ได้เป็นคนพูดแน่นอน นี่ไม่ใช่น้ำเสียงที่เธอพูดเลยสักนิด!
“เธออีกแล้ว!”
“เป็นผีบ้ากามอย่างเธอใช่รึเปล่า!”
“เธอมันตัวอะไรกันแน่”
“เธอยังไม่ไปอีกเหรอ”
จิตสำนึกหลินเยียนซึ่งน่าจะอยู่ในส่วนลึกของห้วงจิตสำนึกภายในร่างกายควบคุมร่างกายไม่ได้ก็จริง แต่เมื่อจิตสำนึกเธออยู่สภาวะตื่นตัวภายในสมอง เผยอวี้เฉิงจึงสัมผัสการมีอยู่ของเธอได้เช่นกัน
“ฟื้นแล้วเหรอ” เผยอวี้เฉิงเอ่ยปากถามด้วยความตกใจเล็กน้อย
อย่างไรเสียจิตสำนึกของเขาก็แข็งแกร่งมากเกินไป ขณะที่เขาควบคุมหลินเยียน จิตสำนึกหลินเยียนจะถูกสะกด ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในสภาพหลับใหล
เพียงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย
“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ! นี่มันตั้งกี่ครั้งแล้ว! เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ คนที่แอบกินของว่างของฉันจนหมดเกลี้ยงคราวก่อนก็คือเธอใช่รึเปล่า เธอเป็นคนนัดเผยอวี้เฉิงออกไปเดตใช่ไหม” หลินเยียนเริ่มไต่สวนทันที
จากนั้นไม่รู้เพราะอะไร หลินเยียนก็พูดเหมือนรู้อะไรขึ้นมาทันที “อ้อ! ฉันรู้แล้ว! ในที่สุดฉันก็รู้แล้ว! เธอเป็นคนนัดเผยอวี้เฉิง ดังนั้นที่เธอมาตอนนี้ เพราะที่จริงแล้วเธออยากจะไปเดตกับเผยอวี้เฉิงเองใช่ไหม”
เผยอวี้เฉิงไม่ได้ตอบคำถามจากจินตนาการอันบ้าคลั่งของหลินเยียน เพียงตอบเสียงเอื่อยเย็นออกมาว่า “เขาไม่อยู่ เธอดีใจมากเลยเหรอ”
หลินเยียนอึ้ง จากนั้นถึงได้สติกลับมาว่าคนที่เจ้านั่นถามถึงคือเผยอวี้เฉิง
“เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย ฉันดีใจไม่ได้รึไง” หลินเยียนตอบ
เผยอวี้เฉิง “วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ แต่เขากลับไม่ได้อยู่กับเธอ”
หลินเยียนพร่างพรูอยู่ในสมองทันที “วันวาเลนไทน์มีอะไรให้ฉลองกันล่ะ เบียร์ไม่อร่อย ไก่ย่างไม่อร่อย หรือเล่นเกมไม่สนุกรึไง”
เผยอวี้เฉิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ผ่านไปเนิ่นนานจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “งั้น…เผยอวี้เฉิงไม่หล่อ รูปร่างดีไม่พอ หรือว่า…เขาทำให้เธอหวั่นไหวไม่พอ?”
หลินเยียน “…”
เหมือนจะมองหลินเยียนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เผยอวี้เฉิงเอ่ยปากพูดอย่างเรียบๆ “อย่าโกหก ฉันจะรู้”
หลินเยียน “…!”
พับผ่าสิ! ลืมไปเลยว่าเหมือนเจ้านี่จะดูดซับจิตสำนึกและความคิดของเธอได้!