ตอนที่ 537 เธอชอบเขาไหม?
อีกฝ่ายรู้ความคิดของเธอได้ตามใจปรารถนา ราวกับมีวิชาอ่านใจ นี่มันโกงกันชัดๆ !
อย่างไรก็ตามเธอกลับไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคือตัวอะไรกันแน่…
นี่มันออกจะไม่ยุติธรรมมากเกินไปแล้วหรือเปล่า?
ไม่มีความลับเลยสักนิด!
“หรือว่า…” เผยอวี้เฉิงหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อไป “ฉันขอเปลี่ยนวิธีถาม เขาไม่หล่อ รูปร่างดีไม่พอ หรือว่า…เขารวยไม่พอ?”
หลินเยียน “…!!!”
พับผ่าสิ! ข้อสุดท้ายมันผิดกฎรึเปล่า!
หมอนี่มันเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงเข้าใจเธอมากขนาดนี้?
หลินเยียนรีบกำจัดความคิดฟุ้งซ่าน ตอบโดยใช้จิตสำนึกอย่างฉับพลันทันที “คุณเผยจะหล่อหรือเปล่า รูปร่างดีหรือเปล่า หรือว่าจะรวยหรือเปล่า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย! เธอนึกว่าฉันเป็นคนที่ดูหน้าตา ดูรูปร่าง ดูรูปลักษณ์ภายนอก ดูว่าคนเขามีเงินหรือเปล่าอย่างนั้นเหรอ? ฉันไม่ใช่คนที่มีความคิดตื้นเขินแบบนั้นหรอกน่า!”
เผยอวี้เฉิงเมื่อได้ฟังคำพูดหนักแน่นมีเหตุผลของหญิงสาวจึงเอ่ยว่า “อย่างงั้นเหรอ?”
หลินเยียน “แน่นอนสิ!”
ชั่วพริบตาที่หลินเยียนตอบอย่างหนักแน่นเช่นนี้กลับไป จิตใต้สำนึกของเธอก็ผุดคำตอบขึ้นมาพร้อมกัน “ฉันมันเป็นคนแบบนี้สุดยอดเลย โอเคไหม! แฟนเทพบุตรที่มีรูปร่างหน้าตาและมีเงินอย่างเผยอวี้เฉิง ใครจะไปต้านทานไหว?”
เผยอวี้เฉิง “เหอะ…แฟน…เทพบุตร?”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของตัวเอง หลินเยียนก็ตะลึงงันทันที “พับผ่าสิ! เธอมีวิธีอ่านใจฉันจริงๆ …”
“ดูท่า เธอควรจะขอบคุณฉันนะ” เผยอวี้เฉิงพูด
หลินเยียนเอ่ยทันที “ขอบคุณเธอกับผีน่ะสิ! เธอรู้ไหมว่าฉันถูกเธอทำร้ายมากแค่ไหน? เธอรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ฉันใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมากแค่ไหน? ทุกวันฉันต้องวนเวียนอยู่แถวห้วงแห่งความเป็นความตายอยู่ตลอดเลย รู้หรือเปล่า?”
ขณะเดียวกันภายในจิตใต้สำนึกของหลินเยียน “ดื่มเหล้า เต้นรำ ร้องเพลงทุกวันยังไม่มีความสุขอีกเหรอ! แถมบางครั้งยังจะได้เจอไอดอลของฉัน ตอนแฟนอาการไม่กำเริบก็นิสัยดีสุดๆ เหมือนชีวิตของเทพเซียนเสียเหลือเกิน! จะว่าไป…เหมือนเราควรขอบใจหมอนั่นเหมือนกันนะ…”
เผยอวี้เฉิงผงกศีรษะ “ไม่ต้องเกรงใจ”
หลินเยียน “…!!!”
ถูกอ่านความคิดอีกแล้ว!
หลินเยียนโมโหเดือดดาล “ฉันไม่ได้ขอบคุณเธอสักหน่อย! มีแฟนดีๆ ที่ร่วงหล่นมาจากฟ้าอย่างเผยอวี้เฉิง ฉันก็ตกใจจะตายอยู่แล้ว โอเคไหม?”
จิตใต้สำนึกของหลินเยียน “ของดีๆ ที่ร่วงหล่นมาจากฟ้าแบบนี้ มันจะมาถึงเราได้ยังไงกันเล่า?”
เผยอวี้เฉิง “เหอะ…”
หลินเยียนในตอนนี้ใกล้จะแตกสลายแล้ว
จิตใต้สำนึกจะโผล่มาเองโดยอัตโนมัติ ต่อให้เป็นหลินเยียนก็ยากจะควบคุมได้
นี่ช่างเป็นเวรกรรมเสียเหลือเกิน!
เผยอวี้เฉิงนั่งพิงโซฟาด้วยความตื่นเต้น สัมผัสกับความบ้าคลั่งของหญิงสาวภายในห้วงสมอง หลังจากเงียบงันไปครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่าแช่มช้า “งั้น…คุณหลิน คุณหวั่นไหวหรือเปล่า?”
น้ำเสียงที่เผยอวี้เฉิงใช้ร่างกายตัวเธอพูดคำว่า ‘คุณหลิน’ ออกมานั้นทำให้หลินเยียนรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
หลินเยียนนิ่งอึ้ง วินาทีต่อมาก็ได้สติกลับคืนมาทันที จะถูกยัยนี่จูงจมูกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
ไม่อย่างนั้นคงไม่เหลือความลับแม้แต่น้อยแล้วจริงๆ
วินาทีต่อมาหลินเยียนรีบทำให้ตัวเองว่างเปล่า อย่าคิดฟุ้งซ่าน จากนั้นก็บังเกิดปฏิภาณ ท่องตำราขึ้นมาทันที “ปีที่เก้ารัชศกหย่งเหอ ช่วงต้นของปลายฤดูใบไม้ผลิของปีนั้น ชุมนุมกันที่ศาลาหลานถิง ตำบลอินซานเขตไคว่จี้ เข้าร่วมเทศกาลขับไล่โรคภัย เจ้าขุนนางต่างมาถึง หนุ่มน้อยและผู้ใหญ่ต่างพร้อมพรั่ง…”
เผยอวี้เฉิง “ไม่ชอบจริงเหรอ?”
หลินเยียน “สถานที่แห่งนี้ขุมบรรพตสูงชัน ป่ารกครึ้ม สายธารกระจ่างใส ส่องสะท้อนทั้งซ้ายขวา พวกเราต่างนั่งเรียงรายริมสายน้ำลอยจอกสุรา ถึงแม้จะไร้เครืองสังคีต ทว่าบทกวีและสุราก็เพียงพอให้สุนทรีย์…”
เผยอวี้เฉิง “แน่นอนว่าความชอบที่ไม่อยากรับผิดชอบแบบนั้นก็นับด้วย”
ตอนที่ 538 ความผิดของฉันเอง
“เธอพอได้แล้วนะ! สารีบุตร รูปไม่ต่างจากความว่าง ความว่างไม่ต่างจากรูป รูปคือความว่าง ความว่างก็คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณก็เฉกเช่นเดียวกัน…” หลินเยียนตกใจจนท่องแม้กระทั่งพระสูตร
ขณะที่เผยอวี้เฉิงกำลังจะพูดต่อ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น สายตาไปอยู่ที่ขาซ้ายของหลินเยียน
เขารู้สึกตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าเหมือนขาซ้ายของหลินเยียนจะไม่ปกติ แอลกอฮอล์คงทำให้หายเจ็บไปส่วนหนึ่ง ตอนนี้พอแอลกอฮอล์เจือจางลงบ้างแล้ว ความเจ็บปวดจึงพร่างพรูออกมาทันที
ความเจ็บปวดที่แทรกซึมจนถึงกระดูกนั้น ประหนึ่งมีอสรพิษตัวหนึ่งกำลังชอนไชเข้าไปข้างในกระดูก
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยากจะทานทน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงผู้หญิงอย่างหลินเยียน…
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงนี้ไม่ใช่เพิ่งเป็นแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องเป็นต่อเนื่องมานานมากแล้ว
เผยอวี้เฉิงกวาดตามองขวดเบียร์ที่มีอยู่เกลื่อนห้อง รวมถึงหน้าจอเกมขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าค่อยๆ บึ้งตึงขึ้นมา
เพื่อระงับความเจ็บปวดและเบี่ยงเบนความสนใจ เธอถึงได้ดื่มเบียร์กับเล่นเกม…
เหมือนน้ำเสียงเผยอวี้เฉิงจะเปลี่ยนไปทันที “ทำไมไม่ไปโรงพยาบาล”
ความเจ็บปวดระดับนี้ หากเป็นคนอื่นคงเป็นลมไปตั้งนานแล้ว แต่เธอกลับยังมาดื่มเบียร์เล่นเกมอยู่ที่นี่ ไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีก
“ไปโรงพยาบาล? ฉันจะไปโรงพยาบาลทำไม” เมื่อจิตสำนึกหลินเยียนออกจากร่างกาย ทำให้เธอสัมผัสความเจ็บปวดของร่างกายไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจความหมายเผยอวี้เฉิงไปชั่วขณะ
เผยอวี้เฉิงสะกดกลั้นโทสะ ยืนขึ้นด้วยสายตาเย็นชา หยิบเสื้อนอกและกระเป๋าที่อยู่บนโซฟาขึ้นมา
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินออกไปข้างนอก หลินเยียนก็ร้อนใจขึ้นมาทันที “นี่! เธอจะทำอะไรน่ะ! แล้วเธอจะไปที่ไหน”
เผยอวี้เฉิง “พาเธอไปรักษาที่โรงพยาบาล”
“อะ…อะไรนะ…ไปรักษาที่โรงพยาบาล!” หลินเยียนถึงนึกเรื่องอาการบาดเจ็บที่ขาขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงร้อนใจขึ้นมาทันที “ไม่เอานะ! ฉันไม่ไป! ฉันไม่ไปโรงพยาบาล! ฉันไม่ฉีดยา!”
เผยอวี้เฉิงสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย “เพราะอะไร”
หลินเยียนพูดอย่างฉุนเฉียว “ไม่มีอะไรทั้งนั้น! ฉันไม่อยากถูกฉีดยา โอเคไหม”
ขณะเดียวกัน ณ จิตใต้สำนึกของหลินเยียน “ไม่ฉีดๆ ไม่อยากฉีด ฉีดยามันน่ากลัว! ฉันกลัวการฉีดยามากที่สุดแล้ว ฮือๆๆ…”
เผยอวี้เฉิงชะงักฝีเท้าเล็กน้อย มีสีหน้าตะลึงงัน “เธอ…กลัวการฉีดยา…”
หลินเยียน “…” ซวยแล้ว!
“ฉันกลัวฉีดยาแล้วจะทำไม ไม่ได้รึไง” หลินเยียนที่ถูกจับพิรุธได้ ภาพลักษณ์ของหญิงแกร่งพังทลายจนหมดสิ้น ทำตัวพองข่มขู่ขึ้นมาทันที
เสียงของเผยอวี้เฉิงเหมือนจะอ่อนลงเล็กน้อย “คนที่ต้องฉีดยาตอนนี้คือฉัน ไม่ใช่เธอ เธอจะกลัวอะไร”
หลินเยียนเมื่อได้ยินก็อึ้งไปทันที
อ๊ะ! เหมือน…เหมือนจะใช่นะ…
ตอนนี้ร่างกายไม่ใช่ของเธอ เธอไม่มีความรู้สึก แม้แต่ความเจ็บปวดที่ขาซ้ายก็ไม่รู้สึกเลยสักนิด นี่เท่ากับว่าเจ้านั่นจะเป็นคนเจ็บ คนที่ถูกฉีดยาก็คือเจ้านั่น คนที่ต้องกินยาก็คือเจ้านั่น ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยนี่นา…
หลินเยียนคิดโดยอัตโนมัติ “คิดไม่ถึงว่ายังมีเรื่องดีๆ แบบนี้อีกนะ! ไม่อย่างนั้น…ให้เจ้านั่นฉวยโอกาสนี้ไปฉีดยาสักหลายเข็มดีกว่า! ทางที่ดีที่สุดก็คือกินยาแทนไปด้วย!”
ขณะเดียวกัน เผยอวี้เฉิงที่อ่านใจได้ “…”
……
ไม่นานนักเผยอวี้เฉิงก็รีบเรียกรถเพื่อไปโรงพยาบาล
เมื่อมาถึง คุณหมอก็ตรวจร่างกายหลินเยียน จากนั้นก็ด่าทอเธออย่างรุนแรง
“ไม่อยากเก็บขาเอาไว้แล้วใช่ไหมครับ ปล่อยไว้ตั้งนานขนาดนั้นถึงจะมา หรือว่าหมอประจำตัวคุณไม่ได้บอกคุณว่าช่วงพักฟื้นจะออกกำลังกายรุนแรงไม่ได้ คนหนุ่มสาวอย่างพวกคุณเนี่ยไม่ค่อยสนใจร่างกายตัวเองเกินไปแล้วนะ…”
“เป็นความผิดของฉันเอง” เผยอวี้เฉิงไม่ได้เถียงสักคำ แสดงท่าทียอมรับผิดตั้งแต่ต้นจนจบ
หลินเยียนรู้สึกแปลกประหลาด ทำไมเหมือนเขายอมรับผิดจากใจจริง ไม่ได้ยอมรับผิดในฐานะของ ‘หลินเยียน’ แต่ในฐานะของตัวเขาเอง…