ตอนที่ 539 เธอเป็นคนหาเรื่องเอง
เผยอวี้เฉิงฉีดยา กินยา และให้น้ำเกลือตามคำสั่งของคุณหมอ
หลินเยียนค้นพบอย่างน่าอัศจรรย์ ที่แท้การถูกเข้าสิงร่างกลับมีข้อดีแบบนี้อยู่ด้วย ถึงแม้จะรู้สึกกลัวตอนเห็นเข็มอยู่บ้าง แต่ตอนฉีดยากลับไม่รู้สึกแม้แต่น้อย กินยากับให้น้ำเกลือก็ไม่ต้องทำด้วยตัวเอง ความเจ็บปวดที่ถูกชอนไชกระดูกที่อยู่บนขาก็ไม่รู้สึกแม้แต่น้อย
เพียงแต่เมื่อเห็นถุงน้ำเกลือที่อยู่เหนือศีรษะ หลินเยียนก็ยังรู้สึกว่ามันช่างโหดร้าย เหมือนเธอจะน่าอนาถอยู่บ้างจริงๆ วันวาเลนไทน์แท้ๆ แต่ทั้งอาการเก่ากำเริบ ทั้งมีคนมาสิงร่าง ตอนนี้ยังต้องมานอนโรงพยาบาลอีก…
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตอนนี้เงาร่างเผยอวี้เฉิงก็ผุดขึ้นมาในห้วงสมองของเธออย่างไม่อาจควบคุมได้…
วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงของตัวเองพูดขึ้นมาว่า
“เธอกำลังคิดถึงเขาอยู่”
เมื่อได้ยิน หลินเยียนก็ตกใจสะดุ้งโหยงทันที “พับผ่าสิ! เธอมาอีกแล้ว! อดีตฮ่องเต้ทรงบุกเบิกได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่งกลับสวรรคต บัดนี้แผ่นดินแตกเป็นสาม อี้โจวทุกข์เข็ญ นี่ถือเป็นช่วงวิกฤติแห่งความเป็นความตายโดยแท้ ทว่าเหล่าขุนนางราชองครักษ์ ดำเนินราชกิจไม่ย่อท้ออยู่ภายใน เหล่าขุนพลทหารภักดีพลีชีพที่ภายนอก…”
มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าเนี่ย เธอแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย หมอนี่ก็รู้เรื่องหมดเลย หากเธอเผลอคิดเรื่องที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก จะไม่ถูกหมอนี่รู้เรื่องจนหมดสิ้นอย่างนั้นเหรอ?
เผยอวี้เฉิง “เรื่องที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก…เธอหมายถึงอะไร?”
หลินเยียน “ฉันไม่ได้หมายถึงอะไรทั้งนั้น!!! ฉันแค่คิดเรื่อยเปื่อย! เธออย่าอ่านความคิดฉันได้หรือเปล่า!”
เผยอวี้เฉิง “ขอโทษ เรื่องนี้ควบคุมไม่ได้เหมือนกัน”
หลินเยียน “ณ เดือนเก้า ช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง น้ำฝนที่เก็บกักไว้แห้งเหือดจนหมดสิ้น ส่วนน้ำในบ่อเย็นเยียบและกระจ่าง ท้องฟ้ามีหมอกและควันบางเบา ขุมบรรพตยามสายัณห์กลายเป็นสีม่วง เคลื่อนรถม้าบนทางเขาสูง ชมทัศนียภาพแห่งขุมบรรพต มาถึงฉังโจวแห่งตี้จื่อ พานพบตำหนักที่เซียนเคยพำนัก…”
ใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ!
หลินเยียนฉวยโอกาสช่วงที่ตัวเองกำลังมีสติอยู่ รีบถามเรื่องสำคัญขึ้นมาทันที “นี่ เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลย! เธอคืออะไรกันแน่? เธอใช่บุคลิกที่สองฉันหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูด หลินเยียนจึงถามเลียบเคียงต่อไป “เธอคงไม่ใช่ผีหรอกนะ? ถ้างั้นหรือว่าจะเป็นปีศาจจิ้งจอก? มาเพื่อซึมซับธาตุหยางบำรุงธาตุหยิน?”
เผยอวี้เฉิงฟังด้วยความสนใจ “คุณหลินช่างมีจินตนาการซะจริง เดาต่อไปก็ได้นะ”
“เดาต่อไป? ฉันเดาไม่ออกเลยจริงๆ !” หลินเยียนพูดบ้าคลั่ง “ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร สรุปแล้วฉันใกล้ถูกเธอทำร้ายจนใกล้จะตายอยู่แล้ว! เรื่องที่เธอก่อก็ต้องจัดการเองสิ ขอร้องเธอรีบไปเลิกกับคุณเผยเถอะ! ช่วงสองสามวันนี้ พอฉันตื่นขึ้นมา ถ้าไม่ได้อยู่บนโซฟาก็ต้องอยู่บนเตียงเขา แถมยังโผเข้าหาอย่างแรงอีกด้วย ฉันตกใจจะตายอยู่แล้ว โอเคไหม? ใครจะไปรู้ว่าคราวหน้าตอนฉันฟื้นขึ้นมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีก?”
บรรยากาศเงียบสงัดทันที จากนั้นเผยอวี้เฉิงก็เอ่ยปากพูดอย่างแช่มช้า “อยากเลิก?”
หลินเยียน “ฉันอยากเลิกอยู่แล้ว! นี่เธอพูดไร้สาระอะไรเนี่ย?”
เผยอวี้เฉิง “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอไปเลิกเองก็ได้”
หลินเยียน “เพราะอะไร? เธอเป็นคนไปหาเรื่องเอง!” เธออยากไปเลิกด้วยตัวเอง ผลกลายเป็นว่าเกือบไม่มีชีวิตรอดกลับมา แล้วเธอยังจะกล้าทำอีกครั้งที่ไหนกัน!
เผยอวี้เฉิง “เป็นฉัน เพียงแต่คนที่อยากเลิกคือเธอ”
หลินเยียน “ฉัน…”
พับผ่าสิ! แต่เธอกลับเถียงไม่ออก!
“ตะ…แต่ตอนนี้เธอใช้ร่างกายของคนอื่นเขา ดังนั้นช่วยเคารพความเห็นของฉันหน่อยสิ! มีสิทธิ์อะไรมาใช้ร่างกายฉันทำเรื่องแปลกประหลาดอะไรแบบนี้ ถ้าวันหลังฉันมีคนที่ตัวเองชอบจะทำยังไง?” หลินเยียนพูดด้วยความเดือดดาล
เผยอวี้เฉิง “คนที่ตัวเองชอบ…”
หลินเยียนมีความรู้สึกแปลกๆ ว่าตอนนี้เสียงของตัวเองฟังแล้วน่ากลัวอยู่บ้าง…
ตอนที่ 540 พาฉันไปเต้นรำ
เผยอวี้เฉิง “คนที่ตัวเองชอบ…”
หลินเยียน “ก็ใช่น่ะสิ! มะ…มีปัญหาอะไร”
ถึงอย่างไรเดิมทีเผยอวี้เฉิงก็ไม่ใช่ของเธออยู่แล้ว เธอแค่อยากให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิมเท่านั้นเอง
เมื่อคืนวานเผยอวี้เฉิงต้องไปทำงานนอกสถานที่กะทันหัน ก่อนที่จะไปจู่ๆ เธอก็ย้อนกลับไปแล้วจุมพิตเผยอวี้เฉิง ทำเอาเธอจิตใจไม่สงบสุขจนถึงตอนนี้…
สาเหตุที่ต้องไปเล่นเกมและดื่มเบียร์ ที่จริงแล้วก็เพราะเธอรู้สึกสับสน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นหลินเยียนก็เอ่ยปากถามด้วยอารมณ์เดือดดาลทันที “เมื่อคืนเธอวิ่งไปจูบคนอื่นอย่างหน้าไม่อาย! ฉันต้องหาวิธีอยู่ห่างจากเขาให้มากสักหน่อยแล้ว! ไม่อย่างนั้นใครจะไปรู้ว่าเธอจะยึดร่างฉันแล้วไปทำอะไรกับเขาอีก”
ความประหลาดใจฉายวาบขึ้นภายในดวงตาเผยอวี้เฉิง สีหน้ายากบรรยายออกมาได้ หลังจากผ่านไปเนิ่นนานก็เอ่ยปากด้วยสีหน้ายากจะคะเน “เธอคิดว่า…คนเมื่อวานคือฉันอย่างนั้นเหรอ”
หลินเยียนพูดอย่างมั่นใจ “ต้องเป็นเธอแน่นอน! ไม่อย่างนั้นยังจะเป็นฉันได้อีกเหรอ ฉันจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง”
“เหอะ…”
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากร่างกายของตัวเอง หลินเยียนรู้สึกประหวั่นลนลานเล็กน้อย “เธอหัวเราะอะไรน่ะ”
ช่างบ้าบอจริงๆ!
ทำไมเธอมักรู้สึกว่าน้ำเสียงของคนคนนี้ค่อนข้างเหมือนเผยอวี้เฉิง?
“คุณหลิน คนเมื่อคืนไม่ใช่ฉัน”
“เธออย่ามาแก้ตัว! อย่ามาหลอกกันนะ ต้องเป็นเธอแน่นอน!”
“เธอนึกว่าฉันจำเป็นต้องหลอกเธอด้วยเหรอ” เผยอวี้เฉิงย้อนถามด้วยท่าทีเคร่งขรึม
หลินเยียนรู้สึกอย่างน่าประหลาดว่าคนคนนี้ไม่ได้พูดโกหก
คนคนนี้เคยทำเรื่องหน้าไม่อายมาตั้งมากมายขนาดนั้น แล้วจะปฏิเสธไปทำไม
อย่างนั้นมันเรื่องอะไรกันแน่
เมื่อคืนเธอสมองเบลอไม่ได้สติจริงๆ กระทั่งว่าสมองขาวโพลนไปครึ่งค่อนวันเสียด้วยซ้ำ เธอนึกว่าตอนนั้นตัวเองถูกสิงร่างแล้วเสียอีก…
หรือว่าเมื่อคืนคนที่ทำเรื่องแบบนั้นจะเป็นตัวเธอจริงๆ?
เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
หลินเยียนฝืนทำตัวหนักแน่น จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ต่อให้…ต่อให้เป็นฉัน นั่นก็เป็นความผิดของเธออยู่ดี! เธอไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่าเฝ้าเองขโมยเองอย่างนั้นเหรอ มีผู้ชายแบบนี้อยู่ข้างตัว ใครจะไปทนไหว ฉันอดทนมาจนถึงตอนนี้ ยังทำเรื่องผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ออกมาได้เลย สำหรับคนที่จิตใจไม่หวั่นไหวอย่างฉัน แค่นี้ก็ถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากแล้ว โอเคไหม”
เผยอวี้เฉิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “อันที่จริงเธอจะหวั่นไหวก็ได้นะ”
หลินเยียน “หุบปากนะ! ตัวเธอคิดไม่ซื่อก็พอทำเนา! แต่ห้ามพาฉันเสียคนด้วย! คุณเผยทำผิดอะไร ถึงได้ถูกคนอย่างเธอรังแกและทำให้แปดเปื้อน! ขอร้องเธอช่วยทำตัวเป็นคนดีเถอะนะ!”
ขณะจิตสำนึกของหลินเยียนกำลังแผดเสียงอยู่นั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงและสติพร่าเลือน เหมือนว่าขณะที่เธอถูกเข้าสิงร่าง จิตสำนึกเดิมของเธอจะไม่อาจครองสติได้นานมากนัก
หลินเยียนจมดิ่งลงสู่ความมืดมิดโดยไม่ทันได้รู้สึกตัว…
ห้วงสมองพลันเงียบสงบ เผยอวี้เฉิงรู้ว่าจิตสำนึกของหลินเยียนหลับใหลไปแล้ว
“นอนเถอะนะ…” เผยอวี้เฉิงหลับตาลงอย่างแช่มช้าเช่นกัน
……
เมื่อหลินเยียนฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่บนรถแท็กซี่คันหนึ่งแล้ว
หลินเยียนลองขยับร่างกายทันที กลับพบว่ายังไม่อาจควบคุมร่างกายได้ดังเดิม เจ้านั่นยังอยู่!
หลินเยียนเพิ่งได้สติ ยังคงอ่อนแออยู่ เธอพยายามฝืนพูดขึ้นมาว่า “นี่ เธอจะพาฉันไปที่ไหนน่ะ”
เผยอวี้เฉิง “กลับบ้าน”
หลินเยียนพอได้ยินก็ปฏิเสธทันที “อย่านะ! ฉันไม่กลับไป! เทศกาลใหญ่เสียขนาดนี้ แถมยังเช้ามากขนาดนี้อีก กลับบ้านมันน่าเบื่อจะตายอยู่แล้ว!”
เธออยู่บ้านคนเดียว เธอไม่อยากกลับไป…
เผยอวี้เฉิง “เธออยากไปที่ไหน”
หลินเยียน “อืม ฉันอยากไปเต้นรำ! เธอพาฉันไปเต้นรำนะ!”
เผยอวี้เฉิง “…”