“หึ!” ชิงฮวาแค่นเสียงเย็นชาและโบกมือใส่คนอื่น จากนั้นแรงกดดันอันทรงพลังและน่ากลัวก็พัดผ่านมา ในวินาทีต่อมา ทุกคนต่างตกใจเพราะพบว่าพวกเขาขยับตัวไม่ได้เลย
“ปล่อยให้นางได้ไปอย่างสบายใจเถอะ ข้าเกรงว่าหากมีคนสร้างปัญหาข้าจะทนไม่ได้แล้วฆ่าทั้งหมด” ชิงฮวาพูดถึงจุดประสงค์ในการทำเช่นนี้อย่างเย็นชา นางรู้ดีว่าถ้าคนเหล่านี้เห็นนางลงมือฆ่าชีอ้าวชวาง พวกเขาจะไม่ยืนมองอยู่เฉยๆ อย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น หากพวกเขาเข้ามายุ่ง นางจะต้องฆ่าพวกเขาทั้งหมดอย่างแน่นอน และชีอ้าวชวางเองก็อาจไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สุดท้ายก็จะต้องสูญเสียความตั้งใจเดิมไป
ชีอ้าวชวางไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เหลือบมองทุกคนอีกครั้งแล้วเดินข้างหน้าของชิงฮวา
สายตาของชิงฮวาเย็นชา และก็ยื่นมือออกไปแทงเข้าหน้าอกของชีอ้าวชวางอย่างรุนแรง มือของนางทะลุเข้าหน้าอกของชีอ้าวชวางตรงๆ แต่ไม่มีคราบเลือด และร่างกายของชีอ้าวชวางก็ค่อยๆ โปร่งใส จากนั้นกระแสลมก็ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ไหลไปยังร่างกายของชิงฮวาตามแขนของนาง
มือของเหลิ่งหลิงยวิ๋นสั่นเล็กน้อย เขากำลังต่อต้านสิ่งที่ชิงฮวาตรึงร่างกายเขาอยู่ เขาอยากจะทำลายมัน ในเวลานี้มีเพียงความคิดเดียวที่อยู่ในหัวของเขา นั่นก็คือเขาจะไม่ยอมให้ชีอ้าวชวางหายไปเด็ดขาด!
คนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้เหมือนกันคือจินเหยียนและไดทันส์ น่าเสียดายที่พลังของชิงฮวามีอำนาจกดดันเด็ดขาด ไม่มีใครทำลายมันได้เลย
ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าร่างกายเบาลงและค่อยๆ สูญเสียความรู้สึกไป แต่สติของนางไม่ได้หายไปในทันที นางมองเห็นทุกสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนมาก เมื่อเห็นร่างของนางค่อยๆ หายไป ดอกบัวสีทองและหินหมึกแก้วหลากสีก็ล้มลงกับพื้นและทั้งสองคนก็หมดสติไป นางเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเหลิ่งหลิงยวิ๋นได้อย่างชัดเจน ท่าทางเจ็บปวดของจินเหยียน ความตื่นตระหนกและความเศร้าของไรลี่ย์ ดวงตาของไดทันส์เป็นสีแดงและมองชิงฮวาด้วยความเกลียดชัง เฟิงอี้เซวียน อี้เซวียนล่ะ? เขายังคงนิ่งค้างอยู่ที่เดิมและก้มหน้าลง
ที่จริงแล้ว มันทำใจยากมาก…
ชีอ้าวชวางมองภาพทั้งหมดนี้และหัวใจก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง นางอยากกลับไปแผ่นดินเดิม ไปเจอเพื่อนพวกนั้น อยากอยู่กับพวกเขา อยากใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขา…
ทุกอย่างมันกลายเป็นความเพ้อฝัน….
แต่ชีวิตนี้ดีจริงๆ ที่ได้พบกับพวกเขา ดีมากเลย…
สติของชีอ้าวชวางเริ่มสับสนมากขึ้น ทุกอย่างจบลงแล้วใช่หรือไม่?
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้!” ทันใดนั้น เสียงตะโกนก็ดังก้องไปทั่ว
อี้เซวียน? ชีอ้าวชวางตะลึงและสติของนางก็เริ่มกลับมา
“ซื่อหั่ว? เจ้าตื่นแล้ว” น้ำเสียงเย็นชาของชิงฮวาเจือความประหลาดใจ นางมองสายตาโกรธเกรี้ยวของเฟิงอี้เซวียนอย่างสับสน “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
ดวงตาของเฟิงอี้เซวียนเป็นสีแดงและเงยหน้ามองไปที่ชิงฮวาอย่างดุเดือด เขากัดฟันและพูดอย่างชัดเจน ”ข้าบอกให้หยุด!”
ใบหน้าของชิงฮวาเย็นชา ดวงตาของนางหรี่ลงและพูดอย่างเคร่งขรึม “เจ้ารื้อฟื้นความทรงจำได้แล้ว แต่กลับยังบอกให้ข้าหยุด? เจ้ากับหรูปิงเป็นอย่างนี้กันหมดหรือ? เจ้าทั้งคู่สนใจตัวปลอมนั่นหรือ?!”
“นางไม่ใช่ตัวปลอม นางคือนาง นางคืออ้าวชวาง ไม่มีใครแทนที่นางได้และนางก็ไม่ใช่ตัวแทนของเจ้า!” ร่างกายของเฟิงอี้เซวียนเริ่มเคลื่อนไหวช้าๆ และพยายามดิ้นรนไปทางชิงฮวาพร้อมพูดอย่างหนักแน่น “ข้ารักนาง เข้าใจหรือไม่? ข้ารักอ้าวชวาง”
“ไร้สาระ! พวกเจ้ารักข้าได้เท่านั้น พวกเจ้าเป็นของข้า!” ชิงฮวาตะโกนอย่างโกรธจัด
“เจ้าไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร เจ้าแค่ต้องการได้ครอบครอง แค่ครอบครองเท่านั้น” เสียงของเฟิงอี้เซวียนเบา แต่มีพลังที่ไม่อาจต้านทานได้
“ซื่อหั่ว! เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร! ข้ารักพวกเจ้า เจ้าไม่เข้าใจหรือว่าข้ารักพวกเจ้ามากแค่ไหน ข้าอยู่อย่างเจ็บปวดเพราะพวกเจ้าหายไป!” ชิงฮวาโต้กลับ
“ไม่ สิ่งที่เจ้ามีให้เราไม่ใช่ความรัก เราอยู่ในฐานะสิ่งของของเจ้าเท่านั้น สิ่งที่เจ้ามีให้เรานั่นเป็นเพียงการครอบครอง เราไม่ได้รักเจ้า นั่นเป็นเพียงแค่ความเคารพที่มีต่อเจ้าของเท่านั้น” เฟิงอี้เซวียนพูดช้าๆ “เจ้าไม่เข้าใจหรือว่าเหตุใดเราจึงหายตัวไปตั้งแต่แรก?”
ชิงฮวาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและทำเพียงแค่มองเฟิงอี้เซวียนอย่างว่างเปล่า
เหลิ่งหลิงยวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยังดี แม้ว่าเฟิงอี้เซวียนจะได้ความทรงจำส่วนลึกของเขากลับมาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่คิดเปลี่ยนใจ แต่หัวใจของเหลิ่งหลิงยวิ๋นกลับหยุดนิ่งอีกครั้ง เฟิงอี้เซวียนพูดคำเหล่านี้และต่อต้านนางแบบนี้ ตามนิสัยของนาง นางจะทำอย่างไรนะ…
“มันไม่ใช่ความรักเลย ข้าไม่รักเจ้า ข้ารักอ้าวชวาง ความแข็งแกร่งของนาง ความเปราะบางของนาง รอยยิ้มและความเครียดของนางล้วนส่งผลต่อหัวใจของข้า ในหัวใจของข้ามีเพียงนางเท่านั้น ไม่มีใครแทนที่นางได้” เฟิงอี้เซวียนกำหมัดและพูดอย่างเย็นชา “ข้าบอกให้หยุด และคืนนางให้ข้าซะ!”
“ไม่ใช่ความรัก เจ้าบอกว่าสิ่งที่ข้ามีให้พวกเจ้าไม่ใช่ความรัก…” ชิงฮวาพึมพำกับตัวเองแล้วจู่ๆ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางมองเฟิงอี้เซวียนและยิ้มเยาะ “คืนให้เจ้าหรือ? ฮ่าๆ คืนให้เจ้า? เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้นางมีชีวิตต่อไปหรือ?”
“คืนนางมาให้ข้า!” เฟิงอี้เซวียนกังวลใจ เขายกมือขึ้นและปล่อยเปลวไฟไปทางชิงฮวา
ชิงฮวาตกใจแต่ไม่แม้แต่จะหลบเลี่ยง นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่ารับการโจมตีของเฟิงอี้เซวียน เปลวไฟร้อนกระทบกับร่างกายของชิงฮวา นางบาดเจ็บใดๆ เลย แต่ชิงฮวามองเฟิงอี้เซวียนที่กำลังโกรธด้วยความงุนงง
“เจ้าโจมตีข้าหรือ?” ชิงฮวามองเฟิงอี้เซวียนอย่างว่างเปล่า สายตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อแล้วก็พึมพำ “เจ้าโจมตีข้าเพื่อนางจริงๆ หรือ?”
หัวใจของเหลิ่งหลิงยวิ๋นจมดิ่งลง เขาสังเกตเห็นว่าอารมณ์ของชิงฮวาเริ่มผิดปกติแล้ว
“ฮ่าๆๆๆ…เจ้าโจมตีข้าเพื่อตัวปลอมอย่างนาง!” ชิงฮวาสูญเสียการควบคุมสติและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หลังจากหัวเราะแล้ว นางก็มองไปที่เฟิงอี้เซวียนด้วยแววตาที่ดุร้าย เจ็บปวด และเดือดดาล จากนั้นก็กรีดร้องออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปตายซะ เจ้าไปกับนางซะ ตายด้วยกันเลยและหายไปตลอดกาล! ตายซะ ไปตายซะ!” ใบหน้าของชิงฮวาเริ่มเคร่งขรึม มือที่ควบคุมไม่ได้ของนางประสานที่หน้าอกของนาง ปล่อยกรวยน้ำแข็งแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาโจมตีเฟิงอี้เซวียนอย่างรุนแรง
เฟิงอี้เซวียนยื่นมือขวาออกไปและวาดวงกลมในอากาศสร้างโล่เปลวไฟขนาดใหญ่ขึ้น เฟิงอี้เซวียน ผลักโล่เปลวไฟไปข้างหน้า กรวยน้ำแข็งชนกับโล่เปลวเพลิง หลังจากส่งเสียงดังฉ่า กรวยน้ำแข็งที่แหลมคมทั้งหมดก็แทงที่ร่างกายของเฟิงอี้เซวียน เลือดทะลักออกมาย้อมเสื้อผ้าของเขาจนเป็นสีแดงทันที จากนั้นเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากของเฟิงอี้เซวียน แต่เขายิ้ม ไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักนิด
ในตอนแรกชิงฮวาตกใจ สายตาของนางสื่อความรำคาญ นางจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดถัดไปของเฟิงอี้เซวียนก็ทำให้นางอารมณ์เสียมากขึ้น
“ก็ดี ตายก็ดีกว่าอยู่เคียงข้างเจ้า ในอีกแง่หนึ่ง อ้าวชวางกับข้าจะอยู่ในโลกเดียวกันแล้ว” เฟิงอี้เซวียนพูดอย่างเยาะเย้ย
“ซื่อหั่ว! มันไม่ง่ายเหมือนตายธรรมดาหรอกนะ ข้าจะทำให้เจ้าและนางหายไปโดยสิ้นเชิง! หายไปอย่างถาวร!” ความโกรธของชิงฮวาปะทุขึ้นราวกับภูเขาไฟระเบิด
เหลิ่งหลิงยวิ๋นตกใจและพยายามจะห้าม แต่ลำคอของเขาดูเหมือนจะถูกรัดไว้ แม้แต่พยางค์เดียวก็พูดไม่ออก
“ไม่เป็นไรนี่” ใบหน้าของเฟิงอี้เซวียนมีความเยาะเย้ยอยู่ แต่ก็มีความเศร้าลึกๆ อยู่ในแววตาของเขาด้วย อ้าวชวาง อ้าวชวางจะหายไปแบบนี้อย่างนั้นหรือ?
“ไปตายให้หมด!” ชิงฮวาโกรธจัดจนความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ความเย็นชาเหล่านี้แผ่กระจายไปทั่วตัวนางอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดควบแน่นเป็นกรวยน้ำแข็งทั่วทั้งพื้นดิน กรวยน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ดอกไม้ที่อยู่รอบๆ ถูกแช่แข็งและเหี่ยวเฉาทันที อากาศในโลกนี้ทั้งหมดดูเหมือนจะเยือกแข็งไปหมด แต่การโจมตีเหล่านี้เว้นเหลิ่งหลิงยวิ๋นเอาไว้
“หยุด…” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดออกมาอย่างลำบาก เขารู้ว่าตอนนี้ควบคุมนางไม่ได้แล้ว แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาทั้งหมดจะถูกฆ่า แม้แต่โลกนี้ก็จะถูกทำลายไปด้วย สิ่งเดียวที่จะรอดได้คือนางและตัวเขาเท่านั้น
ในเวลานี้ชิงฮวาไม่ได้ยินสิ่งที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดเลย นางปล่อยพลังออกมาอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกของการถูกหักหลังกลืนกินจิตใจของนางจนเกือบหมด ความรู้สึกนี้เป็นความเจ็บปวดที่บีบคั้นหัวใจ ความรู้สึกของนางครอบงำสติไปหมดแล้ว ซื่อหั่วของนางทรยศนางอย่างสมบูรณ์แล้ว
วังอันงดงามที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาเริ่มสั่นคลอน และไม่นานนักพระบิดาก็รีบวิ่งออกมาพร้อมกับอุ้มพระมารดามาด้วย ใบหน้าของเขาดูมืดมนและตะโกนอย่างเย็นชา ”หยุดนะ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าที่จะมาอาละวาดบ้าคลั่ง”
ในเวลานี้ ชิงฮวาไม่ฟังอะไรทั้งนั้น บรรยากาศที่เย็นยะเยือกรอบตัวก็ยิ่งแย่ลงไปอีก มันแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ทำให้อากาศโดยรอบเย็นลงอย่างกะทันหัน
พระบิดายื่นมือปล่อยแสงสีขาวไปปะทะกับชิงฮวา แต่แสงสีขาวนั้นหายไปทั้งหมดก่อนที่มันจะเข้าใกล้ตัวชิงฮวาด้วยซ้ำ
“ไม่มีประโยชน์หรอก…” สายตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นค่อยๆ สิ้นหวัง ไม่มีใครในที่นี้ที่เป็นคู่ต่อสู้ความโกรธของนางได้ ทั้งโลกนี้และทุกคนจะถูกทำลายไปพร้อมกันและหายสาบสูญไปโดยสิ้นเชิง
พระบิดาขมวดคิ้วมองใบหน้าซีดเซียวของพระมารดาในอ้อมแขนเขาแต่ไม่ได้ขยับไปไหน หากพาพระมารดาไปแล้วทิ้งที่นี่ไว้ พระมารดาก็อาจจะไม่มีทางพอใจแน่
วันนี้มันจะต้องพินาศจริงๆ หรือ? เมื่อพระบิดาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยื่นมือออกไปแตะใบหน้าของพระมารดาอย่างแผ่วเบา แต่ในขณะนั้น จิตใจของเขาก็สงบลง เขาจับพระมารดาแล้วนั่งลงช้าๆ นั่งบนขั้นบันไดของวังแล้วเฝ้าดูทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า เขาก่อตั้งสถาบันดวงดาวขึ้นในโลกแห่งความวุ่นวายและให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาหาผู้ที่มีพลังเกือบจะบริสุทธิ์เพื่อดูดซับพลังของพวกเขามาให้พระมารดาเพื่อรักษานาง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่จำเป็นแล้ว หากได้หายไปกับนางแบบนี้อาจจะดีก็ได้และปล่อยทุกอย่างไปอาจจะดีกว่า…
พระบิดาค่อยๆ หลับตาลง กอดคนคนนั้นไว้ในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น และในใจเขาก็รอคอยความตายอย่างเงียบงัน