มือเย็นเฉียบของไรลี่ย์เกร็งแน่น ริมฝีปากของนางก็กลายเป็นสีดำไปแล้ว นางรู้สึกว่าเลือดในร่างกายถูกแช่แข็ง คนอื่นๆ ก็อึดอัดเช่นกัน โจนาธานตัวแข็งทื่อและมองไดทันส์ที่อยู่ตรงหน้าเขา ไดทันส์เองก็พยายามทำลายสิ่งเหล่านี้แต่ก็ไม่มีประโยชน์ แต่ในตอนที่ทุกคนแทบจะทนไม่ไหว ก็เกิดจุดเปลี่ยนขึ้น
“เจ้าละเมิดข้อตกลงของเรา…”
สภาพแวดล้อมกลายเป็นศูนย์ในทันที แล้วเสียงที่นุ่มนวลแต่พูดด้วยความบูดบึ้งน้อยๆ ก็ดังขึ้น
เสียงนี้พวกเขาทุกคนคุ้นเคยมากๆ
นั่นคือเสียงชีอ้าวชวาง
“อ้าวชวาง?!” เฟิงอี้เซวียนอุทานด้วยความดีใจ เขาเบิกตากว้างมองไปยังชิงฮวาที่ยืนอยู่ข้างหน้า แต่ก็ยังไม่เห็นร่างของอ้าวชวาง เขาก็อดหงุดหงิดและถามขึ้นไม่ได้ “อ้าวชวาง เจ้า เจ้าอยู่ที่ไหน?”
“เจ้าไปตายซะ! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เรื่องคงไม่มาถึงขั้นนี้หรอก!” ชิงฮวาโกรธจัด นางตะคอกแล้วยื่นมือออกมาตบหน้าอกตัวเอง
“คนที่ละเมิดข้อตกลงคือเจ้า” เสียงของชีอ้าวชวางฟังดูแผ่วเบา และในวินาทีต่อมา ลมปราณร้อนๆ ก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของชิงฮวา น้ำแข็งและหิมะรอบๆ ละลาย และความรู้สึกที่เย็นเข้าไปในกระดูกเมื่อครู่นี้ก็หายไปในทันที ทุกคนเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแล้ว
“เจ้ามีพลังเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ชิงฮวาถามออกไปโดยไม่รู้ตัว มองทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้าด้วยความตกใจและโกรธ
“เมื่อกี้นี้เอง” เสียงของชีอ้าวชวางจางและบางเบา…
สีหน้าของชิงฮวาค่อยๆ แสดงความเจ็บปวดออกมา นางกุมหัวตัวเองไว้และคร่ำครวญ
“พี่จินเหยียน เกิดอะไรขึ้น?” ไรลี่ย์เดินเข้ามาหาจินเหยียนอย่างกังวลและถามด้วยความตกใจ
“ดูเหมือนว่าคุณหนูอ้าวชวางจะออกมาจากร่างของนางแล้ว” ในใจของจินเหยียนกังวลมาก เขาคอยมองปฏิกิริยาของชิงฮวาไม่ละสายตา เขาหวังว่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง และหวังว่าการคาดเดานี้จะสำเร็จไปด้วยดี
“อ๊า…” ชิงฮวาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
วินาทีถัดมา ชีอ้าวชวางก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาประหลาดใจและมีความสุขของทุกคน นางยืนเงียบๆ อยู่ตรงหน้าชิงฮวาและมองไปที่ชิงฮวาอย่างเย็นชา
“ฮ่าๆๆๆ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้” ใบหน้าของชิงฮวาดูเยาะเย้ย นางมองชีอ้าวชวางด้วยความรังเกียจ แม้ว่าชีอ้าวชวางจะแข็งแกร่งมากถึงขั้นนี้ แต่นางก็ยังไม่เห็นชีอ้าวชวางอยู่ในสายตา
“ใช่ แม้ว่าตอนนี้ข้าจะยังเอาชนะเจ้าไม่ได้ แต่ก็ทำให้เจ้าบาดเจ็บสาหัสและส่งเจ้ากลับไปโลกเดิมของเจ้าได้” ชีอ้าวชวางยิ้มเล็กน้อยและพูดเบาๆ จากนั้นก็เพิ่มอีกประโยคในใจ แม้ว่าต้องสละชีวิตของข้าก็ตาม
สีหน้าชิงฮวาอ่อนล้า นางพูดอย่างเย็นชา ”เจ้าน่ะหรือ?”
“ใช่ ข้านี่แหละ” ชีอ้าวชวางไม่ได้ตกใจหรือโกรธ นางแค่พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
“พอสักที ทำแบบนี้ต่อไปไม่สมเหตุสมผลเลย” เหลิ่งหลิงยวิ๋นเอ่ยปากขึ้น
“หรูปิง เจ้าเองก็ตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ด้วยใช่หรือไม่?” ชิงฮวารีบหันไปหาเหลิ่งหลิงยวิ๋นทันที
เหลิ่งหลิงยวิ๋นเงียบไม่พูดอะไร แต่นั่นก็ถือก็เป็นการยอมรับแล้ว
“ดีมาก ดีมาก ฮ่าๆๆๆ ดีมากๆ! พวกเจ้าทรยศข้า! วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงชะตากรรมของการทรยศข้า! ข้าจะทำลายพวกเจ้าไม่ให้เหลืออะไรเลย!” ใบหน้าที่งดงามของชิงฮวาค่อยๆ บิดเบี้ยวและดุร้ายยิ่งขึ้น นางหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความสิ้นหวังและความโกรธในหัวใจ ยามนี้โลกของนางดูเหมือนจะพังทลายลง
ทุกคนมองท่าทางบ้าคลั่งของชิงฮวา และหัวใจของพวกเขาก็จมดิ่งลง รอบกายชิงฮวาเริ่มยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมดแล้ว ทุกคนเข้าใจทันทีว่าสิ่งที่ชิงฮวาพูดเมื่อครู่ไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่น
ใบหน้าของชีอ้าวชวางเริ่มเคร่งขรึมและเพิ่มพลังทั้งหมดของนางขึ้นสู่จุดสูงสุดทันที นางรู้ว่าการโจมตีครั้งนี้จะตัดสินทุกสิ่งทุกอย่าง
“ข้าไม่ต้องการพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว ตายเสียเถอะ!” ชิงฮวาตะคอกอย่างโกรธจัด จากนั้นก็ยกมือขึ้นสูง รวบรวมพลังทั้งหมดของนางไว้ในมืออย่างบ้าคลั่ง
“อ้าวชวาง อย่า!” สีหน้าของเฟิงอี้เซวียนดูไม่ดีสักนิด หัวใจของเขาจมดิ่งลงเช่นกัน
“ซื่อหั่ว! ซื่อหั่ว! เจ้าทรยศข้าอย่างสมบูรณ์!” ก่อนที่ชีอ้าวชวางจะได้พูดอะไร ชิงฮวาก็ตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง นางสะสมพลังจนเสร็จแล้วก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ ผลักพลังในมือโจมตีไปที่ชีอ้าวชวางอย่างดุเดือด
ใบหน้าของชีอ้าวชวางสงบนิ่ง นางกระโดดขึ้น พยายามตั้งรับพลังที่น่ากลัวนี้อย่างเต็มที่
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น ท้องฟ้าสั่นสะเทือน และแสงจ้าก็พุ่งออกมาจากร่างของชีอ้าวชวางแล้วกระจายออกมาไปทันที ทุกอย่างจมอยู่ภายใต้แสงนี้ และทุกคนก็ลืมตาไม่ขึ้น
พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และท้องฟ้าดูเหมือนจะเริ่มพังทลายไป
ท้องฟ้ากำลังหมุนไปหมด…
ทุกอย่างดูเหมือนกำลังจะพังทลาย…
เรื่องราวมันแน่นอนแล้วใช่หรือไม่?
ทุกคนรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังลอยขึ้น และจิตของพวกเขาก็เริ่มล่องลอย
“นังผู้หญิงบ้า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแห่งนี้กำลังจะถูกเจ้าทำลาย การล่มสลายเริ่มต้นขึ้นแล้ว…” น้ำเสียงขุ่นเคืองของพระบิดาดังขึ้นอย่างไร้หนทาง
โลกแห่งนี้ทั้งใบจะถูกทำลายหรือ?
ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าร่างกายของนางกำลังจะหายไป และความรู้สึกทั้งหมดของนางก็กำลังจะจางหายไป ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แต่คนอื่นๆ ก็รู้สึกแบบนี้ด้วย
ชิงฮวาปรือตาลงครึ่งหนึ่ง ในสายตาของคือความโดดเดี่ยว ทุกอย่างพังทลายไปให้หมดก็ดี แท้ที่จริงแล้ว นางไม่มีอะไรเลย สิ่งที่นางคิดว่านางครอบครองมาตลอดกลับไม่ได้เป็นของนางเลย
หายไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน…
ร่างของชิงฮวาเรืองแสง และแสงก็ยังคงแผ่ไปยังบริเวณโดยรอบ กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้การพังทลายโดยรอบรุนแรงยิ่งขึ้น และลมปราณของชิงฮวาก็ค่อยๆ ลดลง
นางกำลังฆ่าตัวตาย!
ทุกอย่างดูผิดปกติไปหมด
พระบิดายังคงกอดพระมารดาแน่น แต่ดวงตาของเขามีความเศร้าโศกอยู่ในนั้น
ทุกสิ่งทั้งหมดนี้จะหายไปหรือ?
สติของชีอ้าวชวางเริ่มพร่าเลือนมากขึ้น แต่นางรู้สึกว่ามือของนางถูกมืออันอบอุ่นจับเอาไว้แน่น มือนั้นอุ่นและรู้สึกคุ้นเคยมาก เฟิงอี้เซวียน เฟิงอี้เซวียนที่ไม่เคยจากไปไหน นั่นคือเขา หัวใจของชีอ้าวชวางค่อยๆ สงบลง การมีเขาอยู่เคียงข้าง ถึงตายก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แต่เพื่อนๆ ของนางที่แผ่นดินเดิมจะหายตัวไปด้วยกันหรือไม่ล่ะ? หัวใจของชีอ้าวชวางรู้สึกกังวล…แต่ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
เหลิ่งหลิงยวิ๋นหลับตาลงและขมวดคิ้ว เรื่องราวจบลงเช่นนี้ เขาไม่มีความสามารถที่จะไปไถ่ถอนหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ พลังของนางยังคงน่าทึ่ง นิสัยในการทำสิ่งต่างๆ ของนางก็ยังเข้าใจยาก แต่ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าลมปราณของนางค่อยๆ อ่อนลงและมีความเศร้าอยู่ในใจลึกๆ กันนะ
ไรลี่ย์จับชายเสื้อของจินเหยียนไว้และสติของนางก็ค่อยๆ เลือนลางไป จินเหยียนแบกคามิลล์ไว้บนหลัง แต่เขาลืมตาไม่ขึ้น ในภาพพร่าเลือนนั้น โจนาธานรู้สึกถึงมือใหญ่คู่หนึ่งจับแขนของเขาไว้ นั่นคือไดทันส์หรือไม่…ดอกบัวสีทองและหินหมึกแก้วหลากสีก็ทำอะไรไม่ได้เพราะพวกเขาควบคุมร่างกายของพวกเขาไม่ได้สักนิด
โลกกำลังพังทลายมากขึ้นเรื่อยๆ และทุกอย่างก็จะพังทลายไป…
ทันใดนั้นแสงอันอ่อนโยนก็ส่องลงมาจากท้องฟ้า
…………………
ข้าเป็นเด็กกำพร้า เดิมทีข้าไม่รู้ว่าเด็กกำพร้าคืออะไร แต่แล้วมีคนชี้มาที่ข้าแล้วด่าว่าเป็น ‘พวกไม่มีพ่อแม่ ท่านพ่อบอกให้เจ้าเล่นกับข้า เจ้ากล้าขัดข้าหรือ’
ท่านพ่อกับท่านแม่ ต้องเป็นขุนนางจึงจะเรียกเช่นนี้ คนทั่วไปจะเรียกว่าพ่อและแม่
คนที่ดุข้าก็คือนายน้อยของข้า เพราะว่าเขาคือลูกของเจ้านาย เท่าที่จำความได้ ข้าเคยอยู่ในคฤหาสน์อันโอ่อ่าแห่งนี้ มีคนสอนว่าข้าถูกเจ้านายซื้อข้ามา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของนายท่าน และข้าต้องฟังนายท่าน ข้าไม่เข้าใจมันนัก แต่ก็มีคนมาทำให้เข้าใจผลของการไม่เชื่อฟัง นั่นคือความหิวและความหนาวเหน็บ หลายคนไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ รสชาติของการไม่มีอาหารในท้องและความเหน็บหนาวทำให้แขนขาของไม่รู้สึก ข้าคิดว่าข้าจะตายแล้ว แม้ว่าในตอนนั้นข้าจะไม่รู้แน่ชัดว่าความตายเป็นอย่างไรและหมายความว่าอย่างไร แต่ทั้งหมดที่ข้ารู้คือความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัว น่ากลัวกว่าอยู่คนเดียวในห้องมืดๆ เสียอีก
ข้าไม่อยากรู้สึกหิวเหน็บหนาวอีกต่อไป และก็ไม่อยากตาย ดังนั้นจึงเชื่อฟังมาก และก็ได้อยู่กับนายน้อย เขาขอให้ข้าทำอะไรข้าก็ทำตาม แม้ว่าเขาจะสาดชาร้อนใส่ แม้ว่าเขาจะดุด่าและทุบตีก็ตาม
แต่ในวันนี้ข้าไม่เชื่อฟังเขาอีกต่อไปแล้ว
ปีนี้เขาอายุแปดขวบและเขาเรียกเพื่อนบางคนให้มาที่บ้าน ข้ารู้จักคนเหล่านี้เพราะพวกเขามีความสุขทุกครั้งที่นายน้อยสาดชาใส่ข้า
วันนี้เขาขอให้ข้าถอดเสื้อผ้าต่อหน้าคนเหล่านี้ และเขาก็ถือแส้เล็กๆ ไว้ในมือ อีกข้างหนึ่งถือเทียนไว้ ต่อมาข้าก็ได้เรียนรู้ว่าการกระทำเหลวแหลกในหมู่ขุนนางไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้อีกต่อไป อายุเพียงแค่แปดขวบก็เข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำแล้ว ในคืนก่อนวันนั้น นายน้อยดูเหมือนจะเห็นบางสิ่งที่เขาไม่ควรมองที่ไหนสักแห่งแล้วก็อยากรู้อยากเห็นมาก เขาจึงร้อนใจอยากใช้ร่างกายของข้าเพื่อแสดงสิ่งนั้น
แต่ข้าปฏิเสธ
ในเวลานั้น ข้าอายุเพียงห้าขวบ แต่ข้ารู้ว่าคำขอของนายน้อยนี้ดูเหมือนจะเกินขีดจำกัดของข้าแล้ว
เพียะ!
เขาตบหน้าข้าอย่างแรง
มันเจ็บ หน้าของข้าเจ็บมาก คนที่ตบข้าไม่ใช่นายน้อย แต่เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ นายน้อย เขาตบข้าภายใต้คำสั่งของนายน้อยอีกที
‘เจ้าคืออะไร? เจ้าก็เป็นแค่ของเล่นราคาถูก เจ้าต้องทำในสิ่งที่ข้าขอให้เจ้าทำ!’
นายน้อยโกรธมาก และก็ยกแส้ในมือขึ้นสูง
เป็นของเล่นราคาถูกหรือ?
จู่ๆ ข้าก็หัวเราะออกมา
ทันใดนั้นข้าก็เข้าไปหานายน้อยและผลักเขาอย่างแรงจนหัวของเขากระแทกกับกระถางดอกไม้ที่อยู่ข้างหลัง