บทที่ 342
บทที่ 342

ถังหยินไม่จำเป็นที่จะต้องมือเปื้อนเลือดเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นความชอบส่วนใหญ่จึงตกไปที่เจียงหลู

ด้วยวาทศิลป์ของเขา เจียงหลูก็สามารถเกลี้ยกล่อมให้จีหยิงยอมจำนน ผลคือกองทัพเทียนหยวนได้ควบรวมกองทัพเปิงทั้ง 7 หมื่นคน โดยที่ไม่ต้องต่อสู้กันเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้เขายังได้พื้นที่ของภูเขาเขี้ยวพยัคฆ์และแม่ทัพที่มากความสามารถอย่างจีหยิง ทำให้กองทัพเทียนหยวนและกองทัพของซ่งเทียนห่างชั้นกันมากกว่าเดิม

จากสิ่งนี้ถังหยินสามารถเห็นได้ว่าประโยชน์ของการเอาชนะคนโดยไม่ต้องต่อสู้มันมากมายขนาดไหน

หลังจากเอาจีหยิงมาเป็นพวกได้ ถังหยินก็ตอบแทนเจียงหลูโดยการเลื่อนตำแหน่งของเขาไปหลายระดับอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในบรรดากุนซือทั้งหลาย เจียงหลูถือได้ว่าเป็นอันดับ 4 รองจากชิวเจิ้น จางจี้ และซงหยวน

ในความคิดของเขา ทหารของจีหยิงล้วนเป็นสามัญชนทั่วไป พวกเขาไม่ต้องการเข้าร่วมสงคราม ส่วนเหตุผลที่พวกเขาเข้าร่วมกองทัพก็เพราะถูกบังคับ แต่เมื่อตอนนี้พวกเขาไม่ต้องทำงานให้ซ่งเทียนอีกต่อไป พวกเขาก็สามารถกลับไปยังบ้านของตัวเองแล้ว !

ทว่าด้วยความใจกว้างของจีหยิง พวกเขาส่วนใหญ่ก็พากันเต็มใจที่จะอยู่ในกองทัพ และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เลือกจะกลับบ้าน ทำให้กำลังทหารกองทัพเปิงเหลืออยู่ 6 หมื่นกว่านาย !

….นี่เป็นสิ่งที่ถังหยินไม่ได้คาดคิดแม้แต่น้อย

แม้ว่าทหารภายในกองทัพที่จัดตั้งขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นพวกไพร่และทาส แต่ถังหยินจะสบายใจได้อย่างไรกันเมื่ออำนาจของกลุ่มคนเหล่านี้ตกอยู่ในมือของจีหยิน ? ทว่าตอนมานี้ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากยอมรับ และแสร้งเป็นใจกว้างต่อไป

…มันสายเกินไปที่ถังหยินจะกลับคำพูด ทว่าชายหนุ่มก็ชาญฉลาดมากพอ ที่จะย้ายแม่ทัพใต้บังคับบัญชาของจีหยินออก ก่อนจะแทนที่ด้วยแม่ทัพของตนอย่างจูนัวที่ไว้วางใจได้ให้เข้าไปแทน !

ซึ่งตัวจีหยิงเองก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ เพราะจูนัวนั้นเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใด !

การต่อสู้บนภูเขาเขี้ยวพยัคฆ์จบลงโดยจีหยิงเปลี่ยนข้างก่อนการต่อสู้ศึกสุดท้าย และในคืนนั้น เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของกองทัพเทียนหยวน พวกเขาจึงพากันจัดเลี้ยงภายในค่าย เพื่อเป็นการต้อนรับจีหยิงไปด้วยในตัว !

ในงานเลี้ยงนั่น ถังหยินดูจะมีความสุขไม่น้อย เข้ากระดกจอกเหล้าและหันไปพูดคุยกับแม่ทัพโดยรอบไม่หยุด และมีเพียงจีหยิงเท่านั้นที่มีท่าทีมืดมน ด้วยอีกฝ่ายเอาแต่นั่งเงียบ ๆ และดื่มคนเดียว !

…แน่นอนว่าทุกคนมีเหตุผลที่จะมีความสุข แต่เขากลับไม่มี !!

ที่เป็นแบบนี้นั้น มันก็เพราะจีหยิงรู้ดี ว่าข่าวการยอมจำนนจะแพร่กระจายไปยังเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว และด้วยนิสัยของซ่งเทียนแล้ว มีหรือที่เขาจะไม่ระบายความโกรธทั้งหมดกับสมาชิกในครอบครัวของตน ? และเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หัวใจของเขาก็รู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง ทำให้เขากระดกจอกสุราเข้าไปหลายครั้ง ด้วยอยากให้ตัวเองลืม ๆ มันไปเสีย !!!

ในเวลานี้ ถังหยินก็ได้กล่าวอย่างยิ้มแย้มออกมา “ปัจจุบันกองทัพของข้าประกอบไปด้วย เทียนหยวน ปิงหยวน ชานชุย ฉีเฟิงและกองทัพของท่านแม่ทัพจีหยิง ..จะว่าไปแล้ว ของท่านจีหยิงนั้นมีชื่อทัพหรือไม่ ?”

“เขาเป็นคนชุนโจว ฉะนั้นกองทหารของจีหยิงจะถูกเรียกว่ากองทัพชุนโจว !”

“นั่นไม่ดีกับเขตเทียนหยวนเลย หรือควรเรียกว่ากองทัพผ่าสวรรค์ ?”

ทุกคนพูดความคิดเห็นของพวกเขา ตรงข้ามกับถังหยินที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็น เขาแค่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเท่านั้น

ชิวเจิ้นหัวเราะ “แม่ทัพจีหยิงทำการตั้งค่ายบนภูเขา และที่แห่งนี้เอง ก็เป็นที่ที่เขาให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดี ดังนั้นแล้วจึงถือได้ว่านี่เป็นชะตาฟ้ากำหนด ! อืมมม… ถ้าตั้งชื่อเป็นกองทัพอินทรีสวรรค์เล่า พวกท่านคิดเห็นเช่นไร ?!”

เมื่อได้ยินคำพูดของชิวเจิ้น ถังหยินก็พลันปรบมือและหัวเราะออกมา “ดี ๆ เป็นชื่อที่ดี ! กองทัพอินทรีสวรรค์ !” เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็หันไปมองที่จีหยิงและถามว่า “แล้วท่านคิดว่าดีไหม ท่านแม่ทัพจีหยิง ?”

เป็นในตอนนี้เอง ที่ถังหยินสังเกตเห็นว่าใบหน้าของจีหยิงที่กำลังดื่มสุรานั้นดูเศร้าหมองเป็นอย่างมาก

จีหยิงสะดุ้งทันทีเมื่อถังหยินยิงคำถามใส่ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างกังวลและถามว่า “ท่านเรียกข้าหรือขอรับ ?”

“ใช่ !” รอยยิ้มบนใบหน้าของถังหยินหายไป เขาถามกลับด้วยความกังวล “ท่านดูซึม ๆ นะ มีอะไรไม่ดีอย่างนั้นเหรอ ?

“ไม่ ! ไม่ ! ไม่เลยขอรับ !” จีหยิงโบกมือและกล่าวว่า “ข้าพอใจกับสิ่งที่ท่านมอบให้ข้ามากเลย”

“ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมเจ้าถึงดูซึม ๆ?”

“นั่นก็…”

“เราเป็นพี่น้องกันแล้ว ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดไปเถอะ” ถังหยินกล่าวขณะที่เงยหน้าขึ้น

จีหยิงพึมพำกับตัวเองสักครู่ “ครอบครัวของข้ายังคงอยู่ในเมืองหลวง หากมีข่าวว่าข้าหักหลังซ่งเทียนหลุดไป ครอบครัวของข้าก็คง….” หลังจากพูดอย่างนั้น จีหยิงก็เงียบไป ผิดกับดวงตาของเขา ที่มาตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงไปแล้ว !

ถังหยินรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาในทันที ด้วยเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เพราะเดิมทีจีหยิงเป็นแม่ทัพภายใต้คำสั่งของซ่งเทียน ดังนั้นครอบครัวของเขาจึงต้องอยู่ในเมืองหยาน !!

…ถังหยินเคาะหน้าผากของเขาเบา ๆ ขณะที่กำลังพิจารณาวิธีการช่วยครอบครัวของจีหยิง

จากนั้นก็เป็นหลีเทียนที่ลุกขึ้นยืน เขาจับมือถังหยินแล้วพูดว่า “ปัจจุบันท่านแม่ทัพเพิ่งเข้าร่วมกองทัพของเราเท่านั้น ดังนั้นข่าวคงจะยังไปไม่ถึงเมืองหลวง ..ทำให้ตอนนี้ครอบครัวของท่านยังปลอดภัยอย่างแน่นอน !”

“แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง พวกเรานั้นมีสายลับมากมายในเมืองหยานและแม้ว่าเราจะไม่สามารถช่วยสมาชิกครอบครัวของแม่ทัพจีหยิงจากเมืองได้ แต่การซ่อนพวกเขาเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป !”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของถังหยินและจีหยิงก็พลันสว่างขึ้นโดยเฉพาะฝ่ายหลัง ที่ใบหน้าของเขาแดงขึ้นทันทีและไม่ดูซีดเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

ถังหยินกล่าวอย่างมีความสุข “นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน”

“แต่….” หลีเทียนพูดอย่างเชื่องช้า

“แต่ว่าลำพังพวกสายลับย่อมไม่มีทางที่จะได้รับการไว้ใจจากครอบครัวของท่านอย่างแน่นอน ข้าต้องการให้ท่านแม่ทัพเขียนจดหมายกลับไป จะได้ไม่มีการเข้าใจผิด”

“ได้ ข้าจัดการเอง” เมื่อรู้ว่าสมาชิกตระกูลยังคงมีทางให้รอด ใบหน้าของจีหยิงก็ดูดีขึ้นในทันที เขาพยักหน้าอย่างตื่นเต้น

แต่แล้วความตื่นเต้นก็พลันหดหายลงไปอย่างรวดเร็ว “เมืองหยานถูกปิด ถ้าอย่างนั้นข้าจะส่งจดหมายได้อย่างไร ?!”

“ฮิฮิ ! ไม่ต้องกังวลในเรื่องนั้น” หลีเทียนหัวเราะ พูดอย่างสบาย ๆ ออกมาว่า “ทุก ๆ วันข้าได้รับข่าวสารจากเมืองหยาน ถ้าสามารถส่งข่าวมาได้ ก็ย่อมส่งจดหมายกลับไปที่เมืองได้เช่นกัน !”

“ใช้วิธีอะไรกัน ?” จีหยิงถามด้วยความงงงวย

“นกพิราบ” หลีเทียนตอบอย่างง่าย ๆ

“อย่างนี้นี่เอง !” ไม่น่าแปลกใจเลยที่กองทัพเทียนหยวนจะคุ้นเคยกับการทำงานภายในของเมืองหยานเป็นอย่างดี ที่แท้กองทัพเทียนหยวนได้ส่งสายลับแฝงตัวไว้ในเมืองหยานนี่เอง !

จีหยิงที่รู้แบบนี้ก็ถึงกับถอนหายใจ แต่ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคร่ำครวญ และเพราะเขาไม่มีเวลาให้ชักช้าอีกแล้ว ดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นยืนทันที เพื่อเตรียมที่จะกลับไปเขียนจดหมาย ณ ที่พัก

ขณะที่จีหยิงกำลังจะจากไป เจียงหลูก็พลันลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินไปหยุดอีกฝ่ายเอาไว้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำจากการดื่มและลิ้นของเขาก็แข็ง ทำให้พูดไม่ค่อยชัดเจนนัก “ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องรีบหรอก ตอนนี้ยังอยู่ในงานเลี้ยง พวกเราก็กำลังสนุกกันอยู่ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลไป !!”

สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย ตอนนี้ครอบครัวของจีหยิงตกอยู่ในอันตราย พวกเขาอาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ แล้วแบบนี้จีหยิงจะยังสามารถสบายใจได้อย่างไรกัน ?

ทว่าจีหยิงก็ยังคงเคารพเจียงหลูมาก เขาจึงเข้าจับมือของอีกฝ่ายและพูดว่า “เจียงหลู โปรดอย่าโกรธเคืองกันเลย” หลังจากพูดจบเขาก็เดินอ้อมเจียงหลู และเดินจากไป

แต่ใครจะรู้ว่าเจียงหลูกลับไปคว้าแขนเสื้อของเขาและพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “ในฐานะแม่ทัพที่พึ่งเข้าร่วม ในวันแรกท่านก็ละเลยเรื่องของท่านแล้ว แบบนี้ท่านจะไม่ผิดกฎในอนาคตหรือ ?”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ใบหน้าของจีหยิงเปลี่ยนไป และทำให้คนอื่น ๆ ขมวดคิ้ว ด้วยมันเป็นความจริงที่เจียงหลูได้บรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในตอนนี้ แต่การแสดงในปัจจุบันของเขานั้นดูเอาแต่ใจเกินไปแล้ว !

“นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะรอคอยได้ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจนะ…!”

ในขณะที่ จีหยิงก็พลันสะบัดมือของเจียงหลูที่กำแขนเสื้อของเขาแล้วเดินไป

“เดี๋ยวก่อน ?” เจียงหลูยังคงตั้งท่าจะเข้าไปกวนจีหยิงอีก ทว่าก็เป็นถังหยินที่ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังอีกฝ่าย และเอื้อมมือไปกดที่ไหล่ของเจียงหลู ทำให้ก้าวไปข้างหน้าไม่ได้

“ใครกล้าจับตัวข้า !!” เจียงหลูคำรามลั่น พร้อมกับหันหน้าไปมองอย่างโกรธจัด ก่อนที่จะกลืนคำพูดกลับไปแทบไม่ทัน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือถังหยิน

…ความโกรธบนใบหน้าของเขาหายไป และถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม “นายท่าน ! ไอ้หมอนั่นมันกล้าฉีกหน้าข้า ! มันสมควรที่จะรู้ซะบ้าง !”

ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของถังหยินอีกต่อไป จะมีก็แต่สายตาที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งขณะที่เขาจ้องมองเจียงหลู

…เจียงหลูดื่มมากเกินไปแล้ว !

นี่คือความแตกต่างระหว่าง เจียงหลู ชิวเจิ้น ซงหยวน และกุนซือนักยุทธศาสตร์คนอื่น ๆ ..อีกฝ่ายเห็นเพียงด้านที่ถังหยินให้รางวัล แต่เขาไม่เห็นความโหดร้ายและเฉียบขาดของถังหยิน !!

ถังหยินจ้องไปที่เจียงหลูเป็นเวลานาน จนกระทั่งเจียงหลูรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“นายท่าน… ข้า… ?”

หลังจากจ้องมองอยู่นาน ในที่สุดถังหยินก็ถอนสายตาออก ก่อนจะโบกมือเรียกทหารยาม “เจียงหลู เจ้าเมาแล้ว ..ใครก็ได้ ช่วยพาเขากลับไปที่ค่ายพักที !”