บทที่ 341
บทที่ 341

หลังจากได้ยินชื่อถังหยิน ใบหน้าของพวกทหารเปิงโดยรอบก็พากันเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว พวกเขาถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะมองหน้ากันและวิ่งหนีขึ้นไปบนภูเขา

เมื่อมองทหารเปิงที่วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ถังหยินก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วหัวเราะ ข้าไม่ใช่เสือเสียหน่อย ทำไมถึงต้องกลัวกันขนาดนี้กัน ?

เขาไม่ใช่เสือ แต่ในสายตาของกองทัพเปิงถังหยินน่ากลัวยิ่งกว่าเสือเสียอีก !!!

ทหารเปิงที่วิ่งกลับมายังค่ายบนยอดเขารีบรายงานไปยังจีหยิงในทันที

เมื่อจีหยิงได้ยินว่าถังหยินมา เขาก็ตกใจเช่นกัน ด้วยเขาไม่ได้คาดหวังว่าถังหยินจะให้ความสำคัญกับเขามากขนาดนี้ !

…ว่าแล้วก็ไม่รอช้า จีหยิงรีบยืนขึ้นจัดการชุดเกราะบนร่างกายตัวเองแล้วหันไปถามทหารพวกนั้นว่า “ถังหยินนำทหารมากี่คน ?”

ไม่มีใครในทหารพวกนั้นที่เอ่ยคำใดออกมา…

เมื่อเห็นเช่นนั้นจีหยิงก็ขมวดคิ้วและถามอีกครั้ง “นำทหารมากี่คน ?”

“อ่อ… นายท่าน ! ผู้ติดตาม… มีไม่ถึง 20 คน.. ขอรับ”

“อะไรนะ ?” หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ไม่เพียงแต่จีหยิงเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่แม่ทัพคนอื่นก็ทำสีหน้าปั้นยาก ถังหยินกล้าที่จะขึ้นมาบนภูเขาพร้อมกับคนเพียงไม่กี่สิบคน ? เขาบ้าหรือโง่ ? บางทีความกล้าของเขาจะมากเกินไปหน่อยแล้ว ?

“นี่ …แน่ใจนะว่าพวกเจ้าไม่ได้ตาฝาด ?” รองแม่ทัพถามด้วยความไม่เชื่อ

ทหารหลายคนพยักหน้าตอบ “แน่นอนขอรับ !”

หลังจากนั้นสักพัก พวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มคนที่กำลังขึ้นมา โดยหนึ่งในนั้นก็เป็นเจียงหลูที่กลับขึ้นมาเช่นกัน ! …และจากสิ่งนี้ ก็สามารถบอกได้ว่าตัวตนของอีกฝ่ายไม่ใช่ของปลอม ทำให้จีหยิงรู้สึกประหลาดใจที่ถังหยินกล้าหาญถึงขนาดมาหาพวกเขาด้วยตัวเองแบบนี้ !!!

จีหยิงจ้องภาพตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และหยิบตราประจำตัวแม่ทัพขึ้นมาจากโต๊ะ จากนั้นจึงหันไปพูดกับคนรอบข้าง “ไปพบถังหยินผู้โด่งดังกัน !”

“ขอรับ ท่านแม่ทัพ !”

ฝ่ายถังหยินนำคนมาด้วยเพียงไม่กี่สิบคน แต่จีหยิงและคนอื่น ๆ กลับนำทหารเปิงกว่าหมื่นคนออกจากค่ายหลัก !!!

ภาพตรงหน้าทำให้ถังหยินและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ระหว่างครึ่งทางบนภูเขารู้สึกกดดัน พวกเขาพากันตึงเครียดขึ้น ก่อนเป็นอู่กวนที่ขยับเข้ามาใกล้ถังหยินและพูดด้วยเสียงต่ำ “นายท่าน มีบางอย่างผิดปกติ เราควรถอยก่อนไหม ?”

โดยไม่รอให้เขาพูดจบ ถังหยินโบกมือ พูดด้วยรอยยิ้ม “สบายใจเถอะ ถ้าศัตรูต้องการทำร้ายเราจริง ๆ พวกเขาจะไม่ส่งกองกำลังแบบนี้ออกมาหรอก” อาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่กองทัพเปิงคือรถศึก หากพวกเขาต้องการให้พวกเทียนหยวนตายจริง ๆ ใช้แค่สองอย่างนี้ก็เพียงพอแล้วในเวลานี้ !!

อู่กวนคิดอย่างรอบคอบ ก่อนพบว่าสิ่งที่ถังหยินพูดนั้นสมเหตุสมผล แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะวางใจมากนัก จึงยกมือขึ้นวางบนดาบที่เอวและหันศีรษะไปส่งสัญญาณให้จ้านหู พี่น้องชางกวนและคนอื่น ๆ ด้วยสายตา บอกให้พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ เมื่อเห็นท่าไม่ดี !!

เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่รอช้า พี่น้องชางกวนพากันไปยืนที่ด้านซ้ายและขวาของถังหยินทันทีปกป้องเขา ในขณะที่จ้านหูยกค้อนขนาดใหญ่ของเขาขึ้นและรีบไปที่ด้านข้างของถังหยินราวกับนายทวารบาล

หลังจากนั้นไม่นานจีหยิงก็นำพวกของเขามาหยุดอยู่ที่จุดกึ่งกลางของภูเขาและเงยหน้าขึ้นมอง

…มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ตรงหน้าเขา ประกอบไปด้วยเจียงหลูที่มาเจรจาเมื่อก่อนหน้า นอกจากนั้นคนอื่น ๆ ก็ดูท่าทางจะเป็นแม่ทัพ พวกเขาต่างสวมใส่ชุดเกราะเต็มยศ โดยมีชายหนุ่มสวมชุดผ้าไหมหน้าตาหล่อเหลาและสง่างาม ผู้มีรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติยืนอยู่ตรงกลาง

ถึงจะเห็นเช่นนั้น แต่ปราณชั่วร้ายที่ไหลออกมาจากร่างกายของชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่อาจเพิกเฉยได้เลย !

เป็นไปหรือว่าชายคนนี้เป็นผู้บัญชาการกองทัพเทียนหยวน ถังหยินคนนั้น ?

จีหยิงรีบก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว และเมื่อเขาอยู่ห่างจากถังหยินราว 1-2 จั้ง เขาก็หยุดจ้องไปที่ถังหยินสักครู่ จากนั้นก็ยกเสื้อคลุมและชุดเกราะขึ้นก่อนนั่งคุกเข่าลง “ข้าน้อยจีหยิง ยินดีที่ได้พบท่านถัง !”

เมื่อจีหยิงสังเกตถังหยิน ถังหยินก็สังเกตอีกฝ่ายเช่นกัน ในตอนแรกถังหยินคิดว่าในเมื่อจีหยิงเชี่ยวชาญกลยุทธ์สู้รบแบบนี้ เขาจะต้องเป็นแม่ทัพทัพแก่ชรา เป็นจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์อย่างแน่นอน แต่ที่ไหนได้ อีกฝ่ายกลับอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น !

ดังนั้นในเวลาเดียวกันที่จีหยิงคุกเข่าลง ถังหยินก็ได้เดินเข้าไปหา พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างเพื่อพยุงแขนของจีหยิงขึ้น “แม่ทัพจีหยิงลุกขึ้นเถอะ ท่านสุภาพมากเกินไปแล้ว !”

เขาไม่เคยคิดเลยว่าถังหยินที่มีข่าวลือว่าโหดร้ายและชั่วช้าสามานย์จะสุภาพขนาดนี้ ภาพตรงหน้าทำให้จีหยิงตกอยู่ในอาการตกใจ ได้แต่ยืนอยู่แบบนั้น พูดไม่ออก

ถังหยินหัวเราะ “ในสนามรบ เราถือเป็นศัตรูกัน แต่ในเวลานั้น ท่านและข้าถือเป็นคนกันเอง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถ่อมตัวขนาดนั้น”

คำพูดของเขาทำให้จีหยิงทำตัวไม่ถูก “ท่านใจกว้างยิ่ง ตัวข้านั้นเป็นแค่คนธรรมดาที่ต่ำต้อยเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมควรแล้วที่ข้าน้อยจะให้ความเคารพท่านเช่นนี้ ! และยิ่งไปกว่านั้น…”

จีหยิงยอมจำนนต่อกองทัพเทียนหยวน ตอนนี้เขาจึงอยู่ในฐานะของเชลย เขาต้องการอธิบายเรื่องนี้ แต่ถังหยินกลับหัวเราะและจับมือเขาพลางกล่าวว่า “ในความคิดของข้า ท่านไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นแม่ทัพที่ชาญฉลาด ผู้ให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวม และให้ความสำคัญกับผู้คนนับหมื่นในแคว้นเฟิงเหนือสิ่งอื่นใด !!!”

ถังหยินได้เห็นความสามารถของจีหยิงแล้ว ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายยอมจำนนแบบนี้ มีหรือที่ถังหยินจะยอมพลาดซื้อใจในครั้งนี้ไป !

เมื่อได้ยินคำสรรเสริญของถังหยิน จีหยิงก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง ทำตัวไม่ถูก และไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ถังหยินหัวเราะเบา ๆ กับท่าทีของคนตรงหน้า ก่อนที่สายตาของเขาจะเห็นเข้ากับตราประจำตัวแม่ทัพของจีหยิงทีอีกฝ่ายถืออยู่ในมือ และคิดว่าตนควรจะทำเช่นไรกับตราประจำตัวอันนี้ดี ?!

หลังจากคิดอยู่ครู่ ดวงตาของถังหยินก็พลันสว่างวาบ เขาดันตราในมือกลับไปและพูดว่า “เก็บมันไว้เถอะ !”

อา ? จีหยิงตกใจ เขาไม่เข้าใจความหมาย อีกฝ่ายไม่ใช่ว่าต้องการให้ตนยอมจำนนหรือ ?

ถังหยินที่เห็นอีกฝ่ายกำลังคิ้วขมวดเช่นนั้น เขาจึงได้กล่าวไปว่า “เนื่องจากท่านแม่ทัพเป็นผู้นำกองทหารทหารเหล่านี้ พวกเขาก็ควรอยู่ภายใต้คำสั่งของท่านต่อไป”

หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ จีหยิงและนายทหารโดยรอบก็พากันหายใจเข้าลึก ๆ …พวกเขายอมจำนนต่อถังหยิน แต่ถังหยินกลับไม่ได้แย่งอำนาจไปจากพวกเขา นี่อีกฝ่ายไว้วางใจพวกตนมากขนาดนั้นเชียวหรือ ?

” … ท่านต้องล้อเล่นแน่ ๆ!”ไม่ว่าถังหยินจะใจกว้างแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำถึงขนาดนี้ เลยทำให้ตอนนี้จีหยิงมองไปที่ถังหยินด้วยสายตาที่แคลงใจอย่างถึงที่สุด

ถังหยินหัวเราะ “ในกองทัพ ไม่มีเรื่องล้อเล่น นอกจากนี้ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุด ข้าย่อมไม่มีทางล้อเล่นอยู่แล้ว”

จีหยิงตกใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบส่งตรากลับไปที่ถังหยินและกล่าวอย่างเคร่งเครียด “ข้าซาบซึ้งในบุญคุณของท่าน แต่ข้าน้อยคงรับเอาไว้ไม่ไ… !”

อย่างไรก็ตามจีหยิงไม่ได้พูดในช่วงครึ่งหลังของประโยคนั้น ด้วยเขาถูกขัดจังหวะโดยชายหนุ่มที่กำลังยิ้มแย้มตรงหน้า “ตอนนี้เราอยู่ในช่วงวิกฤต มีผู้คนมากมายที่ได้รับผลกระทบจากเปลวไฟสงครามและเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ ท่านเป็นคนที่กังวลเกี่ยวกับชีวิตและความตายของผู้คน แล้วแบบนี้ ท่านยังคิดที่จะยืนเฉยและเฝ้าดูช่วงเวลาวิกฤตโดยไม่ทำอะไร ?”

คำพูดนี้ทำเอาจีหยิงพูดไม่ออก ก่อนถังหยินจะผลักตรากลับไปและกล่าวซ้ำ “ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพจีหยิงไม่ใช่คนแบบนั้นอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าจึงเชื่อว่าท่านจะเข้าต่อสู้เคียงข้างข้า เพื่อประชาชน เพื่อแคว้นเฟิง ในฐานะชาวเฟิงคนหนึ่ง !”

“เฮ้อ !” จีหยิงถอนหายใจยาว ๆ และรู้สึกละอายในใจอย่างบอกไม่ถูก ตัวเขาอายุมากกว่าถังหยินเสียอีก แต่มันช่างต่างราวฟ้ากับดินเสียหรือเกิน ! ด้วยตัวเขามีความภักดีต่อคนเพียงคนเดียว ส่วนถังหยินนั้นกลับภักดีต่อแคว้นและผู้คน …ที่ถือเป็นความชอบธรรมที่ยากจะหาที่เปรียบได้ !!

ถ้าบอกว่าเขารู้สึกประหลาดใจกับการกระทำที่ไม่คาดคิดของถังหยินก่อนหน้านี้ มาตอนนี้เขาก็ได้เชื่อมั่นในความจริงใจของอีกฝ่ายแล้ว

จีหยิงไม่ทำตัวเจียมเนื้อเจียมตัวอีกต่อไป เขานำตราประทับกลับเข้าไปในชุดเกราะอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงคุกเข่าลงอีกครั้งต่อหน้าถังหยินและพูดออกมา “ข้าจีหยิง ยินดีอย่างยิ่งที่จะรับใช้ท่านขอรับ !”

ผู้ใต้บังคับบัญชาของจีหยิง ต่างพร้อมใจกันคุกเข่าลงกับพื้น และตะโกนพร้อมเพรียงกันว่า “พวกเราก็ด้วย !”

เมื่อเห็นเช่นนั้น ถังหยินก็มีความสุขมาก เขายื่นมือไปจับจีหยิง และในขณะเดียวกันก็โบกมือให้คนอื่น ๆ ไปด้วย “ลุกขึ้นเถอะ !”