ตอนที่ 577 เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“เจ้าค่ะ ท่านปู่โปรดวางใจ เรื่องนี้ข้าจะสั่งคนไปบอกเอง”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าไปก่อนละ” เขาถึงค่อยสาวก้าวเดินออกไป เตรียมตัวเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ
หลังจากเห็นเขาออกไปแล้ว เฟิ่งจิ่วถึงถามขึ้น “ท่านพ่อ เรื่องที่ท่านปู่แต่งงาน ท่านมีแผนจะส่งคำเชิญไปแต่ละแคว้นโดยรอบรวมถึงพวกตระกูลในเมืองหรือไม่เจ้าคะ”
“แน่นอน ท่านผู้เฒ่าแต่งงาน ซ้ำยังเป็นจักรพรรดิหลวงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวง ต้องส่งคำเชิญไปให้ทุกแคว้นรอบๆ เป็นธรรมดา แต่ข้ากังวลเล็กน้อยว่าถึงเวลานั้นพวกคนจากต่างแคว้นจะสบโอกาสนี้สร้างปัญหา”
เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “พ่อลองคิดแล้ว ราชวงศ์เฟิ่งหวงเราก่อตั้งไม่นาน แม้บอกว่ากลุ่มอำนาจองครักษ์ตระกูลเฟิ่งไม่อ่อนแอไปกว่าพวกเขา แต่ถึงอย่างไรรากฐานก็ไม่มั่นคง หากพวกเขาคิดจะใช้โอกาสนี้ก่อเรื่อง ข้าเกรงว่าจะทำให้เสียเรื่องมงคล ถึงเวลานั้นหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรคงแก้ยาก หนำซ้ำ…”
เสียงเขาชะงักไป ดูลังเลเล็กน้อย “พวกเราจะเอาแต่พึ่งโม่หานเป็นคนสนับสนุนเราไม่ได้ด้วย ถึงอย่างไรเราก็เป็นแคว้นหนึ่ง ปกครองแคว้นหากพึ่งพาคนนอกเสียทุกเรื่อง กลุ่มอำนาจคงโดนคนดูถูกเอา หนำซ้ำโม่หานไม่มีทางปกป้องเราไปได้ตลอด ด้วยเหตุนี้เรื่องคำเชิญจึงบอกได้ว่าลำบากใจทั้งสองด้าน”
ได้ยินเช่นนี้ แววตาเฟิ่งจิ่ววูบไหว มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “ไม่เป็นไร เชิญไปเถอะเจ้าค่ะ! ถึงเวลานั้นหากพวกเขาเข้าร่วมงานแต่งของท่านผู้เฒ่าอย่างสงบจนเสร็จสิ้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง หากก่อเรื่องในงานจริง เช่นนั้นจะได้สั่งสอนพวกเขาพอดี ทำให้พวกเขารู้ว่าจะมารังแกเราไม่ได้ง่ายๆ มิเช่นนั้น ถ้าปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปต้องเป็นปัญหาภายหลังแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จัดการให้เรียบร้อยเสียทีเดียวยังดีกว่า”
“เสี่ยวจิ่ว เจ้าต้องคิดให้แจ่มแจ้ง หากตัดสินใจแล้วจริงๆ ถึงเวลานั้นคนที่ออกหน้ามาทำให้ลำบากใจจะไม่ใช่ผู้ครองแคว้นพวกเขา คงเป็นเพียงเหล่าองค์ชายองค์หญิง พ่อไม่อาจออกหน้าจัดการ ได้แต่ต้องให้เจ้าแก้ปัญหา เจ้าคิดดีแล้วจริงหรือ แน่ใจหรือไม่?”
“ท่านพ่อโปรดวางใจ!” เธอยิ้มๆ เอ่ยว่า “ข้าต้องกลับไปแล้ว เรื่องสินสอด งานแต่ง และคำเชิญต้องให้ท่านพ่อไปจัดการ ท่านปู่เก็บตัวฝึกบำเพ็ญ ข้ายังต้องเร่งเวลาปรุงยาอีก ช่วงนี้คาดว่าคงไม่ค่อยได้ออกมา”
“เจ้ายุ่งกับการปรุงยา แล้วโม่หานเล่า เขาอยู่ในวังหรือจวนตระกูลเฟิ่ง?”
“เขาอยู่จวนตระกูลเฟิ่งเจ้าค่ะ บอกว่าช่วงนี้ไม่มีธุระอะไร อยู่ที่นี่ได้อีกสักพัก เดาว่ารอหลังจัดงานแต่งท่านปู่เสร็จเขาก็ต้องกลับไปเช่นกัน” เฟิ่งจิ่วพูดพลางโบกๆ มือให้อีกฝ่าย “ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ข้ายังมีธุระต้องไปหาเหลิ่งหวา”
ยามมองนางออกไปจากท้องพระโรง เฟิ่งเซียวส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ยังอยากถามเสียหน่อยว่านางกับโม่หานเป็นอย่างไรกันแน่ แม่หนูคนนี้ก็เผ่นแน่บไปเสียแล้ว
เฮ้อ! ช่างเถอะ ลูกสาวโตแล้วย่อมมีความคิดและแผนการของตัวเอง คนเป็นพ่ออย่างเขายุ่งน้อยๆ หน่อยจะดีกว่า ปล่อยพวกเขาไปเถอะ!
ออกจากท้องพระโรงมา เฟิ่งจิ่วไม่ได้ไปยังตำหนัก แต่หลังจากสั่งการพวกองครักษ์ก็กำชับเหลิ่งหวาให้อยู่ในวัง ส่วนตนพาเหลิ่งซวงกลับจวน วางแผนว่าจะไปปรุงยาที่จวนตระกูลเฟิ่ง อีกอย่าง เซวียนหยวนโม่เจ๋อยังรอเธออยู่ในจวนด้วย!
ทว่าเธอยังไม่ทันออกจากประตูวัง ก็เห็นร่างสีดำปรากฏตัวต่อหน้า ครั้นตั้งใจมองไป จึงเห็นว่าเป็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อนั่นเอง ด้านหลังเขามีฮุยหลางกับอิ่งอีตามมา แต่ยามนี้สีหน้าท่าทางของฮุยหลางกับอิ่งอีต่างหนักใจอยู่บ้าง
เห็นเช่นนี้ แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย มองทางเขาที่ยืนอยู่ตรงหน้า ถามว่า “เป็นอะไรไป?”
เขาต้องรอเธออยู่ในจวนตระกูลเฟิ่งไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาที่นี่? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
………………………………………………….
ตอนที่ 578 ข้าต้องไปแล้ว
ทว่าเพิ่งเอ่ยออกไป เซวียนหยวนโม่เจ๋อก็โอบเอวเฟิ่งจิ่ว เรียกพลังพุ่งตัวขึ้น และหายไปต่อหน้าสองคนด้านหลัง
ฮุยหลางกับอิ่งอีมองหน้ากัน แต่ไม่ได้ตามไป
เซวียนหยวนโม่เจ๋อโอบเธอไว้ในอ้อมแขน ยามร่างกายแนบชิดติดกับอกแกร่งของเขา ได้กลิ่นกลิ่นอายบนร่างที่เป็นเอกลักษณ์ หัวใจเฟิ่งจิ่วค่อยๆ ผ่อนคลายลง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร เหมือนว่าขอเพียงมีเขาข้างกาย เธอก็จะรู้สึกสงบใจได้
แม้เธอจะไม่ยอมรับ ในหัวใจก็มีบางอย่างกำลังเปลี่ยนไปอย่างเงียบเชียบ…
หมุนร่างบินวนคราหนึ่ง ชุดคลุมสีดำกับสีขาวเกี่ยวพันกันอยู่ท่ามกลางสายลม เขาโอบเธอลงมาเหนือยอดตำหนักที่สูงที่สุดในพระราชวัง ยามนี้ยังเป็นตอนเช้า แสงอาทิตย์จึงไม่แยงตา สายลมแผ่วกระทบใบหน้าช่างสบายยิ่ง
เห็นเขาโอบเธอมายืนตรงนี้เงียบๆ แต่กลับไม่ได้เอ่ยปากอะไร เพียงใช้ดวงตาดำลึกล้ำจับจ้อง ราวกับอยากจะจดจำรูปโฉมเธอไว้ในห้วงความทรงจำ หัวใจเฟิ่งจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ก่อนจะถอยออกจากอ้อมแขนเขา และนั่งลงตามแต่ใจ ถามว่า “ท่านต้องไปแล้วหรือ?”
“ใช่ เพิ่งได้รับข่าว ต้องรีบกลับไปเดี๋ยวนี้เลย”
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและมีแรงดึงดูดขานรับ เขามองเธอ เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากชะงักไปสักพักเขาแค่บอกว่า “กลับไปครั้งนี้อยากจะมาหาก็ไม่ง่ายดายเพียงนั้นแล้ว”
“จะกลับไปจักรวรรดินั้นหรือ”
จำได้ว่าครั้งก่อนฮุยหลางเคยบอกไว้ พวกเขาแค่จะกลับไปจัดการธุระที่ฐานทัพในแคว้นระดับหนึ่ง หากกลับไปจักรวรรดิ หนทางยาวไกลนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง สิ่งที่สำคัญกว่าคืออยากจะกลับมาอีกก็ยากยิ่ง หากไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องการสร้างกลุ่มอำนาจไว้ที่นี่ เดาว่าคงไม่จากจักรวรรดิมาถึงตรงนี้
“อืม”
เขาขานรับ ดวงตาสีดำมองนางพลางบอก “กลับไปครั้งนี้ ข้าไม่อาจมาหาได้อีกหลายปี เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ เดิมทียังอยากร่วมงานแต่งปู่เจ้า และส่งเจ้าเข้าเรียนยังสำนักศึกษาหกดารา ยามนี้ทำไม่ได้เสียแล้ว”
“อืม ข้าจะทำตาม” เธอพยักหน้าให้ น้ำเสียงชะงักไป ก่อนบอกอีกว่า “ไม่เป็นไร สำนักศึกษาหกดาราข้าจะไปเอง ส่วนทางท่านปู่ข้าจะบอกพวกเขาเสียหน่อย”
ดวงตาดำขลับของเขาสั่นไหวเล็กน้อย มองนางที่สีหน้าสงบ ถามว่า “เจ้าไม่มีอะไรจะบอกข้าหรือ?”
เฟิ่งจิ่วหันหน้ามองเขาเล็กน้อย เผยรอยยิ้มออกมา “ดูแลตัวเองด้วย”
ได้ยินเช่นนี้ ใจเขาไร้เรี่ยวแรงไปชั่วขณะ ถามว่า “ข้าคิดอย่างไรกับเจ้า หรือว่าที่ผ่านมานี้เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด?” กล่าวจบ ไม่รอเธอเอ่ยปากก็บอกอีกว่า “จากไปครั้งนี้ข้าไม่อาจมาหาได้อีก คำถามนี้เจ้าอย่าเก็บซ่อนความรู้สึกอีกเลย ตอบข้ามาเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดช่วงท้ายที่ทั้งแข็งกร้าวและเอาแต่ใจ เธอเงยหน้ามองเขา ถามว่า “หากข้าบอกว่าไม่รับ ท่านจะปล่อยไปเช่นนี้หรือ?” คำพูดนี้เหมือนเฟิ่งจิ่วเคยถามไปแล้ว
ทว่า หลังจากเซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินคำพูดนี้ก็มองลึกซึ้งที่นาง เอ่ยอย่างเอาแต่ใจว่า “ไม่มีทาง! เจ้าเป็นผู้หญิงที่ข้าถูกใจ จะเป็นได้เพียงผู้หญิงของข้าเท่านั้น!”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ ใบหน้าที่งดงามไร้คนเทียบแย้มยิ้มออกมา นั่นเป็นรอยยิ้มที่แสนสุขสบายใจ เป็นรอยยิ้มที่มาจากหัวใจ ทั้งงดงามและเจิดจรัสชวนให้หวั่นไหว
เขามองเฟิ่งจิ่วเงียบๆ จ้องมองนาง พร้อมทั้งจดจำใบหน้ายิ้มแย้มไว้ในห้วงความทรงจำ มองรอยยิ้มที่เบ่งบาน มองดวงตาโค้งยิ้มที่ฉายประกายบางๆ ความตึงเครียดบนร่างเขาค่อยๆ จางหายไป รู้สึกเพียงว่ารอยยิ้มที่งดงามที่สุดในโลกหล้าก็คือรอยยิ้มตรงหน้านี้…