ตอนที่ 1400 นักบุญหญิง (5) / ตอนที่ 1401 นักบุญหญิง (6)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1400 นักบุญหญิง (5)

 

 

นางไม่อยากได้ความช่วยเหลือในสิ่งที่นางทำเองได้…

 

 

จีจิ่วเทียนหัวเราะ “เจ้าเป็นผู้สืบทอดของเจวี๋ยเชียนจริงๆ แน่นอนอยู่แล้ว ข้าไม่แก้ปัญหาให้เจ้าทุกอย่างหรอก ข้ามาเพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าจะปลอดภัย แล้วข้าก็ไม่อยากให้เจ้าถูกสังหารก่อนจะแข็งแกร่งมากพอ!”

 

 

 

 

เผ่าผู้ใช้เวทอาศัยอยู่บนยอดหุบเขาผู้ใช้เวท สามวันที่ผ่านมาตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ในเมือง นอกจากจะรักษาหวงอิงอิงแล้ว นางก็ได้รู้เรื่องหุบเขาผู้ใช้เวทโดยละเอียดและเตรียมตัวมาอย่างดี แต่ทันทีที่นางก้าวเท้าเข้ามาในหุบเขาผู้ใช้เวท นางก็ได้ยินใครบางคนคุยกัน

 

 

“ทำไมหัวหน้าเผ่าต้องส่งพวกเราไปแดนลับแลเพื่อสังหารไอ้บ้าพวกนั้นด้วย ข้าไม่อยากกลับไปที่แบบนั้นอีกแล้ว”

 

 

“ชู่ เบาๆ หน่อย อย่าให้ท่านนักบุญหญิงได้ยิน ข้าได้ยินว่ามีคนจากแดนลับแลหาเรื่องนาง นางก็เลยสั่งให้หัวหน้าเผ่าส่งคนไปแก้แค้น เอาเถอะ อย่างไรก็เป็นแค่ขั้วอำนาจเล็กๆ ไม่นานพวกเราก็ทำภารกิจเสร็จ”

 

 

แดนลับแล? นักบุญหญิง?

 

 

ตูม!

 

 

ทันใดนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังออกมา ดวงตาร้ายกาจของนางเป็นประกายสังหารและเย็นเยียบ

 

 

 

 

ตอนที่คนพวกนี้ยังสนทนากันอยู่ ร่างสีขาวดุจหิมะก็ร่วงจากฟ้าลงมายืนด้านหน้าพวกเขา เมื่อเห็นสตรีงดงามด้านหน้า พวกเขาก็หยุดคุยกันแล้วเอ่ยถาม “แม่นาง เจ้ากำลังทำอะไร”

 

 

“พวกเจ้ากำลังจะไปแดนลับแลใช่หรือไม่” เด็กสาวดูเย็นชาด้วยกลิ่นอายสังหารเย็นเยียบ “ข้าขอถามไหมว่าพวกเจ้ากำลังจะไปสังหารใคร”

 

 

เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารที่นางปล่อยออกมา พวกเขาก็หยุดไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะดังลั่น

 

 

“เจ้าเป็นแค่ผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับต่ำ กล้ามาลองดีกับพวกเราได้อย่างไร เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร ให้ข้าบอกเจ้าเถอะ นางตัวดีบางคนในแดนลับแลหาเรื่องนักบุญหญิงของพวกเรา แล้วพวกเราก็รู้มาว่านางเป็นนายหญิงของหอแพทย์! ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปทำลายหอแพทย์ตามบัญชาของนักบุญหญิง!”

 

 

ปัง!

 

 

ทันใดนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็ยกมือขึ้นแล้วปล่อยสายลมแรงเย็นเยียบเหมือนค้อนที่ล่องหนไปโจมตีชายที่กำลังพูดอยู่

 

 

ด้วยไม่ทันระวังตัว ชายผู้นั้นเลยถอยหลังไปสองสามก้าว เขาแสดงสีหน้าโกรธจัด “เจ้ากล้าโจมตีข้างั้นหรือ พี่ชายมาเร็ว! สังหารนางนี่กันเถอะ!”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบตาขึ้นมองเล็กน้อย แล้วเสียงชั่วร้ายของนางก็ดังไปตามสายลมทั่วทั้งตีนเขาผู้ใช้เวท “ขอโทษที ข้าบังเอิญเป็นนายหญิงหอแพทย์ที่เจ้าพึ่งพูดถึงพอดี”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที พวกเขาไม่เสียเวลาพูดอะไรแล้วพุ่งเข้ามาหาอวิ๋นลั่วเฟิงทันที

 

 

สายลมพัดแรงขึ้นจนทำให้ชุดคลุมสีขาวของนางปลิวสะบัด อวิ๋นลั่วฟิงยืนอยู่ด้านหน้ากลุ่มคนด้วยสีหน้าเฉยชา ดวงตาแสดงความบ้าคลั่ง นางดูเย่อหยิ่งเหมือนไม่เห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตา

 

 

เมื่อเห็นฉากอันตรายเบื้องหน้า หวงอิงอิงก็กังวลจนพูดไม่ออก นางกำหมัดเล็กๆ ของนางแล้วจ้องอวิ๋นลั่วเฟิงตาไม่กะพริบ

 

 

เสี่ยวโม่ก็เงียบไปเหมือนกัน สายตาเขาหยุดอยู่อวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

มีแค่จีจิ่วเทียนที่ดูค่อนข้างผ่อนคลาย เขาหยิบเก้าอี้ยาวออกมาจากธำมรงค์มิติแล้วนอนลงก่อนหยิบจานผลไม้ออกมาด้วย เขาใช้นิ้วเรียวยาวงดงามของเขาหยิบองุ่นขึ้นใส่ปากแล้วมองฉากต่อสู้ตรงหน้าอย่างสบายใจ

 

 

ในลานต่อสู้ เด็กสาวปล่อยกลิ่นอายสังหาร กระบี่ยาวในมือนางส่องประกายเย็นเยียบออกมา

 

 

ก่อนที่คนพวกนั้นจะมาถึงตัวนาง นางก็เริ่มลงมือแล้ว…

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1401 นักบุญหญิง (6)

 

 

นางเคลื่อนตัวผ่านพวกเขาด้วยความเร็วดุจสายลม นอกจากเสียงที่หู พวกเขาได้ยินก็ไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของนาง ทุกคนตะลึงและไม่คาดคิดว่าผู้ฝึกฌานขั้นราชันเซียนระดับต่ำอย่างอวิ๋นลั่วเฟิงจะเคลื่อนที่ได้ไวขนาดนี้…

 

 

ก่อนที่พวกเขาจะกลับมามีสติ เด็กสาวก็ปรี่เข้าไปอยู่ที่ข้างหลังพวกเขาเรียบร้อยแล้ว

 

 

กระบี่ในมือนางเป็นประกายเย็นเยียบ นางลงมืออย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว ถ้าชายคนนั้นตอบสนองไม่เร็วพอแล้วหันหลังหลบการโจมตีของนาง ศีรษะเขาก็คงหลุดออกจากบ่าโดยกระบี่คมของนางแล้ว

 

 

“บ้าเอ๊ย!” ชายคนนั้นเหงื่อตก ในฐานะผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับกลาง เขาจะแพ้ให้กับคนที่ยังอยู่ระดับต่ำได้อย่างไร แต่ก่อนที่เขาจะฟื้นจากอาการตกใจ อวิ๋นลั่วเฟิงก็ลงมือโจมตีเหมือนฝนดาวตก นางฟาดฟันเขาไม่หยุดและไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตอบสนอง

 

 

เคร้ง!

 

 

เมื่อกระบี่ทั้งสองปะทะกันพลังร้ายกาจก็พุ่งเข้าร่างเขา ทำให้เขาถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะกระอักเลือดออกมา เขาหน้าซีดแล้วมองเด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาด้วยความตะลึงอีกครั้ง

 

 

หวืด!

 

 

หวืด! หวืด! หวืด!

 

 

คนอื่นก็พุ่งเข้าทางด้านหลังของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วโจมตีนางอย่างเต็มแรง แต่นางเหมือนมีตาหลังเพราะอยู่ๆ เด็กสาวก็หันหลังโบกกระบี่ในมือ! ด้วยไม่ทันตั้วตัว หนึ่งในนั้นจึงถูกกระบี่ฟันที่อก เลือดไหลจากแผลทำให้เขาเจ็บจนตัวสั่น

 

 

“เด็กคนนี้ไม่เหมือนผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับต่ำเลย ความแข็งแกร่งของนางอย่างน้อยก็ต้องระดับกลางหรือสูงแล้ว ดูสิว่านางเร็วขนาดไหน! ข้าไม่คิดว่าเราจะสู้นางได้”

 

 

อีกคนพยักหน้าแล้วพูด “เร็วเข้า พวกเรารีบกลับไปเรียกกำลังเสริม”

 

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น คนที่เหลือก็ไม่มีความคิดจะสู้ต่อแล้วหันหลังหนีทันที แต่เมื่อพวกเขาก้าวไปได้แค่ไม่เท่าไหร่ ร่างสีขาวก็มายืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาอีกครั้ง

 

 

เด็กสาวปล่อยกลิ่นอายสังหารโดยไม่หุบยิ้ม “เจ้าอยากจะจากไปหรือ ข้าถามได้หรือไม่ว่าพวกเจ้าคิดจะไปที่ไหน”

 

 

“สาวน้อย พวกเรามาจากเผ่าผู้ใช้เวทมนตร์” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นแล้วพยายามกดความตระหนกในใจไว้ “ถ้าเจ้าสังหารพวกเรา เจ้าจะต้องกลายเป็นศัตรูของเผ่าผู้ใช้เวท เจ้าควรจะคิดให้ดี”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “เจ้าหมายความว่าถ้าเจ้าปล่อยพวกเจ้าไป หุบเขาผู้ใช้เวทจะหยุดตามล่าข้างั้นสิ”

 

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายคนนั้นก็คิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงตั้งใจจะปล่อยพวกเขาไป จึงรีบพยักหน้า “ใช่แล้ว ถ้าเจ้าปล่อยพวกเราไป หุบเขาผู้ใช้เวทจะไม่ยุ่งกับเจ้าอีก”

 

 

“ถ้าอย่างนั้น…” อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองพวกเขา “พวกเจ้าก็ไปได้แล้ว”

 

 

คนจากหุบเขาผู้ใช้เวทได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อย ในเมื่อครั้งนี้เจ้าปล่อยพวกเราไป หุบเขาใช้เวทก็จะไม่ยุ่งกับเจ้าอีกต่อไป พี่น้อง พวกเราไป”

 

 

เมื่อพวกเขากลับไปถึงหุบเขาผู้ใช้เวท พวกเขาต้องส่งคนที่แข็งแกร่งกว่านี้มาตามล่าสังหารนาง!

 

 

อาจเป็นเพราะคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้พวกเขาเลิกระแวงแล้วเดินขึ้นเขาไปเหมือนปกติ ทั้งสนทนากันและหัวเราะไปด้วย พวกเขาเดินผ่านนางโดยไม่หันมามองอวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

แต่ทันทีที่พวกเขาเดินผ่านอวิ๋นลั่วเฟิง อยู่ๆ กระบี่ยาวก็แทงหนึ่งในพวกเขาจากด้านหลัง เขาเบิกตากว้างแล้วสิ้นใจทันทีโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว

 

 

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายได้อย่างไร…

 

 

“นางสารเลว เจ้าทำบ้าอะไร” คนที่เหลือที่เห็นเหตุการณ์ก็หน้าซีดแล้วตะโกน “เจ้าบอกว่าจะปล่อยพวกเราไป ทำไมไม่รักษาคำพูด”