หลังจากวางรากฐานเสร็จแล้วที่เหลือก็รอวัสดุก่อสร้างส่งเข้ามาและเริ่มสร้างเรือน นายช่างโหวกอดไหสุรา และนั่งดื่มในห้องของตนเอง

“หัวหน้าขอรับ” คนงานที่อยู่ข้างนอกตะโกนขึ้น “พวกเราทำเสร็จแล้วเลยอยากให้ท่านช่วยดูหน่อยว่าถูกหรือไม่”

นายช่างโหวได้ยินดังนั้นก็ตะโกนตอบกลับไป “เข้ามา”

คนงานเดินเข้ามาและปิดประตูลงแม้ว่าจะแต่งตัวต่างกัน แต่เขาก็เป็นคนเดียวกับคนรับใช้ในคืนนั้นอย่างชัดเจน

“นายท่านผ่านไปแต่ละวันด้วยความสบายใจจริงๆ!” เขาพูดเสียงเบาด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย “มีสุรามีอาหารดีๆ ท่านต้องการอะไรก็ได้อย่างนั้น”

ชีวิตของนายช่างโหวเป็นไปอย่างราบรื่น และที่อาสวนบอกว่าคุณชายไม่ใช่คนขี้เหนียวซึ่งเขาก็พูดจริงทุกอย่าง

เมื่อเห็นว่าตนมีความสามารถจริงๆ งานควบคุมการก่อสร้างก็มอบหมายให้เขาเป็นคนรับหน้าที่นี้อย่างสมบูรณ์ ของกินของใช้ก็ให้เขาอย่างดีที่สุดขอเพียงแค่เขาเอ่ยปากก็เตรียมให้ทันที

นายช่างโหวรู้สึกว่าตอนอยู่ในค่ายเขาไม่มีทางมีชีวิตที่ดีเช่นนี้แน่

ท้ายที่สุดแล้วโจรพวกนั้นไม่มีขื่อมีแปพวกเขาจะเชื่อฟังตนได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกในชีวิตหรือสิ่งของเหล่านี้เลย

อย่างไรก็ตามนายช่างโหวเห็นท่าทางของคนงานผู้นี้ก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาลูบเคราแล้วรินสุราให้อีกฝ่าย “ถึงสะดวกสบายแค่ไหน แต่จะสบายเทียบเท่าฐานะเจ้านายได้หรือ”

ประโยคนั้นขจัดความสงสัยของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีเขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ก็จริงขอรับ”

อีกฝ่ายจิบสุราไปจิบเดียวแล้วเทที่เหลือกรอกใส่ปากตนเองอีกครั้ง รสชาติค้างอยู่ในลำคอ “สมแล้วที่เป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์จากเมืองหลวงพวกเราไม่เคยดื่มสุราดีๆ เช่นนี้มาก่อนในชีวิตคนที่สามารถดื่มสุรานี้ได้มีเพียงนายท่านคนเดียวเท่านั้น!”

พูดแล้วก็รีบถามต่อว่า “นายท่านจะลงมือเมื่อไรหรือคนของพวกเราแฝงตัวเข้ามาหมดแล้วขอรับ”

นายช่างโหวเลิกคิ้ว “ยังไม่ถึงสองเดือนเลยให้ลงมือตอนนี้เร็วเกินไป”

อีกฝ่ายไม่พอใจก่อนเอ่ย “สองเดือนก็พอแล้วไม่ใช่หรือขอรับ ตอนที่พวกเราวางแผนสำหรับที่ว่าการอำเภอก็ใช้ช่วงเวลาสั้นๆ คนยังไม่เยอะถึงเพียงนี้”

นายช่างโหวไม่พอใจ “เจ้าคิดว่าที่นี่ง่ายกว่าที่ว่าการอำเภอหรือ เห็นขุนศึกที่คุณชายพามาหรือไม่พวกเขาเหล่านั้นล้วนมาจากตระกูลทหารมีทักษะวรยุทธ์สูงส่ง มีวินัยที่เคร่งครัด หากต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ ทหารหลายร้อยคนอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”

อีกฝ่ายพูดว่า “เหตุใดนายท่านถึงเพิ่มความแข็งแกร่งให้ฝ่ายตรงข้ามแต่ลดความแข็งแกร่งของฝ่ายตนเองลงเล่า ถึงพวกเขาจะเก่งกาจแค่ไหนแต่ก็มีแค่ยี่สิบสามสิบคน ส่วนคนเลี้ยงสัตว์ และพวกแรงงานจะทำอะไรได้ พวกเรามีตั้งร้อยคน เข้าโจมตีพร้อมกันจะสู้พวกเขาไม่ได้เชียวหรือ”

“เรื่องนี้มันไม่แน่นอน!”

อีกฝ่ายพูดอย่างไม่มีความสุข “นายท่านโปรดอย่าหลงระเริงไปกับช่วงเวลานี้ ท่านไม่อยากเสี่ยงแล้วหรือท่านมีชีวิตที่ดี แต่พี่น้องของพวกเราลำบากทุกวัน”

ประโยคนี้น่าสงสัยนายช่างโหวรู้สึกโกรธ แต่เขารู้ว่าตนเองไม่มีอำนาจและต้องพึ่งพาคนเหล่านี้ดังนั้นเขาจึงสงบลงและพูดว่า “เจ้าพูดอะไรกัน ที่ข้าทำไม่ใช่เพื่อให้พี่น้องของเราบาดเจ็บน้อยลงหรือ หากตายก่อนที่จะมั่งคั่งไม่น่าเสียดายหรืออย่างไร”

“แต่นายท่านกลับคิดเช่นนั้น” อีกฝ่ายรินสุราและดื่มอีกแก้ว “นายท่านมีทักษะที่หายาก สามารถวางแผนที่ไม่มีวันพลาดได้แน่นอน พวกเราจะรอข่าวจากท่านนะขอรับ”

เขายืนขึ้นเช็ดริมฝีปากแล้วพูดว่า “สุรายังสามารถลิ้มลองได้ไม่รู้ว่าหากได้สัมผัสสตรีจะเป็นอย่างไร”

นายช่างโหวได้ยินก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ก่อนจะสำเร็จเจ้าต้องใจเย็น สตรีที่นี่ข้าเห็นว่าไม่ดีที่จะแตะต้องพวกเจ้าอย่าทำอะไรบ้าๆ ล่ะ!”

“เข้าใจแล้วขอรับ!” อีกฝ่ายโบกมืออย่างหงุดหงิดแล้วเปิดประตูเดินออกไป

นายช่างโหวนั่งอยู่คนเดียวสักพักแล้วถอนหายใจ นี่เป็นข้อเสียของการอยู่ใต้การควบคุมของผู้อื่น! ไม่ว่าเขาจะฉลาดแค่ไหนมีกำลังคนอยู่ในมือแต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวล เมื่อไม่มีความขัดแย้งอีกฝ่ายก็สุภาพต่อเขามาก แต่หากไม่พอใจอีกฝ่ายก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือจนจำไม่ได้เลย

ในฐานะยอดกุนซือที่ภาคภูมิใจ สิ่งที่เศร้าที่สุดคงไม่ใช่การไม่ได้พบเจ้านายที่ใจดี ถ้าเจียงไท่กงไม่เคยพบเหวินหวาง ข่งหมิงไม่ได้พบหลิวเป้ย บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้ทิ้งชื่อไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ก็เป็นได้

นายช่างโหววางความรู้สึกนี้ไว้เบื้องหลังเขาหยิบแผนผังของสนามเลี้ยงม้าขึ้นมาและคิดแผนอย่างตั้งใจ

โจรก็คือโจรในเมื่อพวกเขามาเตือนตนนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว การขัดขืนมีแต่จะทำให้พวกเขาสงสัยมากขึ้นเท่านั้นเมื่อถึงเวลานั้นอาจเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นได้

ช่างเถอะเขาทำได้แค่วางแผนอย่างระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้น จะต้องคิดหาวิธีที่จะย้ายเสวียนชื่อคนนั้นออกไป….ควันพวยพุ่งเข้ามาในห้องโถงกลายร่างเป็นงูขาวตัวน้อย

“โจรก็คือโจรถูกยั่วยุนิดหน่อยก็ทนไม่ได้แล้ว” หมิงเวยพูดหากนายช่างโหวได้ยินเข้าคงต้องมองนางในฐานะเพื่อนรู้ใจเป็นแน่ อาหว่านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเหลือบมองนางแล้วคิดในใจทนได้ก็แปลกแล้ว

นายช่างโหวผู้นั้นต้องการสิ่งใดพวกเราก็หามาให้ตามต้องการ ส่วนพวกโจรที่เข้าทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ กินข้าวหม้อใหญ่ ดื่มสุราไม่ได้ นอกจากจะได้ค่าจ้างมากพอแต่ก็ถือว่ายังลำบากอยู่ดี

สำหรับแรงงานที่แท้จริงการที่ได้รับค่าแรงมากคือความสะดวกสบายสูงสุด แต่ถ้าพวกโจรพอใจกับสิ่งนี้พวกเขาก็ไม่ใช่โจรแล้ว นอกจากนี้คุณชายปรากฏตัวขึ้นสองสามครั้ง ความฟุ่มเฟือยที่ไม่เข้ากับเมืองเล็กๆ ในซีเป่ยแห่งนี้จะไม่ทำให้พวกเขารำคาญใจได้อย่างไร

“คุณหนูทานน้ำแข็งใสหน่อยเจ้าค่ะ” ตัวฝูนำจานเงินมาให้ราวกับถวายสมบัติ น้ำแข็งบดราดนมแพะถูกปกคลุมด้วยผลไม้หายากในซีเป่ย

อาหว่านพูดอย่างขมขื่นว่า “กินน้ำแข็งใสตั้งแต่เดือนห้าไม่กลัวปวดท้องหรืออย่างไร” ตัวฝูเหลือบมองนางแล้วเมินเฉย

นางได้เรียนรู้เคล็ดลับในการจัดการกับอาหว่านไม่ว่านางจะพูดอะไรแค่ทำเป็นไม่ได้ยินแค่นั้นก็ทำให้อาหว่านโกรธแล้ว และแน่นอนอาหว่านเห็นนางไม่พูดอะไรก็ดึงผ้าเช็ดหน้าด้วยความโกรธ

หยางชูเห็นก็ตะโกนขึ้นว่า “เสี่ยวถง ทำน้ำแข็งใสมาเพิ่มอีกสองถ้วยข้าจะกินด้วย” พวกเขาได้ยินเสียงตอบรับของเสี่ยวถงมาแต่ไกล อาหว่านอารมณ์ดีขึ้นมาในทันที

หยางชูถอนหายใจในใจแล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าเขาระวังศิษย์พี่มากเกรงว่าเขาจะถูกโจมตีได้”

หมิงเวยกัดน้ำแข็งบด “ก่อนอื่นเขาคงคิดหาวิธีที่จะย้ายอาจารย์ออกไป หากไม่สำเร็จก็จะวางกลยุทธ์เพื่อดักจับเขา นายช่างโหวเป็นคนที่ระมัดระวังมากเขาสามารถรับรู้ได้ว่าอาจารย์เป็นเสวียนชื่อที่เก่งกาจกว่าเขา”

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราย้ายศิษย์พี่ออกไปก่อนเขาจะได้ไม่ต้องออกอุบายอะไรดีหรือไม่”

หมิงเวยเหล่มองเขาแล้วยิ้ม “ท่านเป็นห่วงว่าอาจารย์จะเผลอพลั้งติดกับดักพวกเขาหรือเจ้าคะ”

เมื่อถูกนางมองออกหยางชูรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเขาพูดปากอย่างใจอย่าง “ข้าจะเป็นห่วงเขาทำไมกัน เขาไม่ได้เก่งกาจหรอกหรือ”

หมิงเวยไม่ตีฝีปากกับเขาเพียงแต่ตอบไปว่า “ก็จริงเจ้าค่ะ กองคาราวานใหม่จะมาที่เกาถางในอีกไม่กี่วันให้อาจารย์เข้าเมืองไปก็ดี”

อืม…ย้ายคนออกไปเพื่อให้นายช่างโหวสามารถดำเนินการด้วยความมั่นใจได้ ช่วงเวลาสองเดือนนี้อีกฝ่ายดูกระวนกระวายใจมากเห็นได้ชัดว่าเป็นเคล็ดวิชา แต่เขาไม่กล้าใช้เพราะกังวลว่าจะถูกค้นพบ ตราบใดที่หนิงซิวออกไปเขาก็จะกล้าทำและกระโดดลงไปในกับดักง่ายขึ้น