บทที่ 305 จิ้งหรีดเขย่าต้นไม้*

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 305 จิ้งหรีดเขย่าต้นไม้*

(จิ้งหรีดเขย่าต้นไม้ เปรียบได้กับทำอะไรอย่างไม่เจียมตน)

จังเฟิงหลิงตามหลังฉู่ชวิ๋นมาตลอด เพิ่งมาถึงที่นี่ก็ได้ยินฉู่ชวิ๋นประกาศเรื่องที่เขามันไร้น้ำยา

กลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่ที่นี่ตั้งมากมาย โดนแต่งเรื่องใส่ร้ายป้ายสีขนาดนี้

จังเฟิงหลิงโกรธจนควันออกหู ตากระตุกยิกๆ

“สหาย นินทาคนอื่นลับหลังแบบนี้ไม่ดีมั้ง” จังเฟิงหลิงกัดฟันกรอด ๆ หน้าดำคร่ำเครียด

ฉู่ชวิ๋นไม่รู้ร้อนรู้หนาว พูดต่อเสียงดัง “ฉันไม่ได้นินทานายนะ นายมีอะไรกับผู้หญิงทีเดียว 2 คน นานวันเข้านายต้องเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจนกลายเป็นคนไร้น้ำยาแน่ ๆ”

ไม่ทันที่จังเฟิงหลิงจะได้ตอบโต้ฉู่ชวิ๋นก็พูดต่อ “นายอย่ามาปฏิเสธ เมื่อคืนพวกเราเห็นหมดแล้ว ห้องนายมีผู้หญิง 2 คนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่ด้วย”

กลุ่มผู้แข็งแกร่งรอบข้างต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป

เมื่อคืนหยานหวูซวงสู้กับจังเฟิงหลิงใหญ่โต ฉู่ชวิ๋นตะโกนเสียงลั่นจนทุก ๆ คนเห็นสาวใช้ 2 คนของจังเฟิงหลิงนุ่งเพียงผ้าเช็ดตัว เรียกได้ว่าเป็นบุญตาสุดๆ เรื่องนี้หลายคนเองก็อยู่ในตอนนั้น

สีหน้าของจังเฟิงหลิงเจ็บปวดสุดๆ เขารู้สึกเหมือนโดนฉู่ชวิ๋นเอามีดแทงเข้าขั้วหัวใจจนแทนกระอักเลือดตาย

โฮก

พยัคฆ์ร้ายตัวยืนตระหง่านอยู่บนหินยักษ์ก้อนหนึ่ง มันเบิกปัญญาเทพเป็นที่เรียบร้อย สติปัญญาไม่ด้อยไปกว่ามนุษย์ แววตาจ้องมองฉู่ชวิ๋นอย่างดุร้าย

“คำรามทำไมว่ะ แน่จริงก็ลงมา ฉันจะทำให้แกเชื่องเหมือนแมวเอง”

ฉู่ชวิ๋นตวัดนิ้วท้าทาย

กลายเป็นแมว?

อิทธิพลรอบ ๆ หน้าตาเลิกลัก

พยัคฆ์ร้ายเองก็ไม่น้อยหน้า มันคิดในใจ เสือไม่คำรามคิดว่าเป็นแมวป่วยงั้นเหรอ มันคำรามออกไปก่อนจะกระโจนใส่ฉู่ชวิ๋น

“เวรเอ๊ย เอาจริงเหรอ” ฉู่ชวิ๋นร้องเสียงหลงและวิ่งหนี

พยัคฆ์ร้ายตัวนี้แข็งแกร่งมาก อ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยวคมแสดงแสงยานุภาพ กระโดดทีเดียวไปไกลหลายสิบเมตร ลงพื้นทีสะเทือนจนพื้นดินแยกออกจากกันอย่างน่ากลัว

ฉู่ชวิ๋นวิ่งหนีอ้อมหินผา พยัคฆ์ร้ายคำรามพร้อมกระโจนไล่ตาม หลายครั้งที่เกือบจะกัดโดนฉู่ชวิ๋น หวุดหวิดไปหลายที

หยานหวูซวงเห็นท่าไม่ดีชักกระบี่เตรียมเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกผู้หญิงผมม่วงห้ามเอาไว้

“วางใจเถอะ เขาแค่หยอกแมวโง่ตัวนั้นเล่น” ผู้หญิงผมม่วงกล่าวอย่างใจเย็น

แมวโง่? ศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้มีแต่ความคิดแปลก ๆ แบบนี้งั้นเหรอ

ฉู่ชวิ๋นร้องเสียงหลง เพิ่มความเร็วขึ้นกว่าเดิมอีกมาก เขาสลัดพยัคฆ์ตัวนั้นได้ก็เข้าไปหลบหลังหินผาก่อนจะยื่นขาออกไป 1 ข้าง

เอิ่ม

ทุกคนมีสีหน้าแปลกประหลาด

นี่จะทำอะไรน่ะ จะขัดขาพยัคฆ์ร้ายตัวนี้งั้นเหรอ

บางคนกลั้นขำไว้ไม่ไหว ตลกจริง ๆ มดตัวหนึ่งจะขัดขาให้ช้างล้มได้เหรอ จิ้งหรีดจะสั่นไหวต้นไม้ใหญ่ได้อย่างไร

พยัคฆ์ร้ายเร็วปานสายลม เลี้ยวเพียงครั้งเดียว กรงเล็บขวาก็คว้าเข้าไปที่ขาขวาของฉู่ชวิ๋นพอดิบพอดี

ตู้ม !!!

ร่างยักษ์ปานภูเขาล้มกลิ้งหลุน ๆ ออกไป

ป๊าด

ทุกคนแข็งทื่อเป็นหิน สีหน้าเลิกลัก มีเพียงคำ ๆ นี้ที่จะแทนความในใจของพวกเขาตอนนี้ได้

บางคนขยี้ตาแรง ๆ ด้วยความเหลือเชื่อ

มดตัวหนึ่งขัดขาช้างให้ล้มได้จริง ๆ จิ้งหรีดเขย่าต้นไม้ใหญ่ได้จริง ๆ

นี่ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์เลยนะเนี่ย

พยัคฆ์ร้ายกลิ้งออกไปไกล 10 กว่าเมตร คำรามอย่างเกรี้ยวกราด

ฉู่ชวิ๋นก้าวไล่ตาม 2 มือจับขนอันคมกริบของมันเอาไว้ ฉู่ชวิ๋นคำรามออกมาเสียงดังก่อนจะทุ่มพยัคฆ์ร้ายด้วยท่าซูโม่

ตู้ม!

ร่างยักษ์ปานภูเขากระแทกลงกับพื้นดิน ปรากฏเป็นรอยแยกคืบคลานออกไป พยัคฆ์ร้ายคำรามด้วยความโมโหถึงขีดสุด

คนอื่น ๆ ดวงตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น พวกเขาต้องตาฝาดไปแน่ ๆ

พยัคฆ์ร้ายคำราม ดิ้นรนพยายามลุกขึ้นมา

ฉู่ชวิ๋นกระโจนไปมาราวกับสายลมไม่ยอมหยุด ท้ายสุดกระโจนขึ้นบนหลังเสือขี่คอมันไว้

“ไป ๆ มาให้ฉันขี่หน่อยมา”

ทุกคนแทบล้มลง ไอ้บ้านี้มันขี่เสือยักษ์ราวกับวัวกับม้าเลยนะ

พยัคฆ์ร้ายคำรามต่อเนื่อง สะเทือนจนหินประหลาดทั่วขุนเขาสั่นไหว มันคลุ้มคลั่งแล้ว มันเป็นถึงสัตว์อสูรขั้นจักรพรรดิ สามารถควบคุมสัตว์ได้เป็นหมื่น ๆ ตัว กลับถูกไอ้มนุษย์ตัวเท่าถั่วขี่เหมือนเป็นม้า

มันทั้งคำรามและกระโจนไปมาหวังจะสะบัดให้ฉู่ชวิ๋นร่วงลงมา แต่ก็ไม่เป็นผล

มันกระโจนอีก 1 ทีก่อนจะใช้หลังกระแทกหินยักษ์ก้อนหนึ่งจนแตกละเอียด

ตู้ม

หินยักษ์ถูกโหม่งจะระเบิด เศษหินกระจาย พยัค์ร้ายเองก็กลิ้งไปมา

ฉู่ชวิ๋นกระโดดลงจากหลังเสือตอนที่มันเอาหลังกระแทกหิน พอเห็นมันกลิ้งไปมาและกำลังจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง ฉู่ชวิ๋นก็พุ่งเข้าไปขี่คอมันอีก

“ไอ้แมวบ้า อย่าดิ้นให้มันมากนัก ฉันแค่จะตัดอัณฑะ แกไปขายให้กับคุณชายจังเฟิงหลิงผู้ไร้น้ำยาก็เท่านั้นเอง” ฉู่ชวิ๋นเจรจากับมัน

โฮก

พยัคฆ์ร้ายคำรามอย่างเกรี้ยวกราด มันเริ่มคลุ้มคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

ป้าบ

ฉู่ชวิ๋นต่อยออกไปอย่างไม่เกรงใจ หมัดเดียวก็ต่อยจนมันล้ม

ป้าบ ๆ

เขาต่อยรัว ๆ ไปอีกหลายหมัด พยัคฆ์ร้ายตัวนี้โดนฉู่ชวิ๋นต่อยจนขาหน้าฟุบคุกเข่าลงไป

ทุกคนระทึก หมัดนี้ต้องหนักขนาดไหนกันนะ

พยัคฆ์ร้ายเองก็ตกใจมาก หมัดแรกที่กระแทกโดนหัวมัน ทำให้มันถึงกับรู้สึกว่าหัวแทบระเบิด

หมัดหลังจากนั้นมันแทบจะทนรับไม่ไหว

โดนหลอกแล้ว มนุษย์ผู้นี้แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้ามนุษย์ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

“ยอมเชื่อฟังซะดี ๆ ฉันขอถามหน่อย ในหัวแกมีแกนจิตวิญญาณรึเปล่า” ฉู่ชวิ๋นถามเสียงแผ่ว

พยัคฆ์ร้ายตัวสั่น ที่แท้ไอ้สารเลวนี่คิดจะชิงแกนจิตวิญญาณของมันไป

เสียอัณฑะไปยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ถ้าต้องเสียแกนจิตวิญญาณมันยอมตายซะดีกว่า

ฉู่ชวิ๋นดีใจขึ้นมาเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพยัคฆ์ร้าย “ที่แท้ก็มีจริง ๆ ด้วย ขอฉันยืมใช้หน่อยนะ”

พูดเสร็จฉู่ชวิ๋นก็ยกกำปั้นขึ้นอีกครั้ง

ตู้ม

ทันใดนั้นบนตัวของพยัคฆ์ร้ายก็มีคลื่นลำแสงระเบิดออก รวดเร็วดุดันยิ่งกว่าสายฟ้าเสียอีก ฉู่ชวิ๋นไม่ทันตั้งตัว โดนกระแทกจนกระเด็นออกมา

ตู้มๆ

คลื่นพลังเจิดจรัสระเบิดออกปะทะเข้ากับหินประหลาดรอบๆ หินพากันระเบิดจนน่าระทึก

พอกระแทกฉู่ชวิ๋นจนกระเด็นออกไปได้ พยัคฆ์ร้ายก็กระโจนเข้าไปในป่า เพื่อพรางตัวและหายลับไป

เผ่าพันธุ์สัตว์เองก็ไม่ใช่ย่อย พวกมันแข็งแกร่งขั้นเรื่อย ๆ

ใบหน้าของฉู่ชวิ๋นรู้สึกเศร้าใจมาก ๆ แกนจิตวิญญาณหลุดมือไปยังไง

ต่อให้เขาแข็งแกร่งแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามตามเข้าไป ใครจะไปรู้ว่าในป่าหินประหลาดมีสัตว์อสูรขั้นจักรพรรดิซ่อนอยู่กี่ตัว ไม่ใช่ว่าเข้าไปปุ๊บก็โดนฝูงสัตว์ถล่มเละหรอกนะ

คนอื่น ๆ รอบ ๆ อึ้ง สัตว์อสูรขั้นจักรพรรดิที่แข็งแกร่งขนาดนั้นหนีไปอย่างน่าอนาถขนาดนี้เลยเหรอ

คนที่ผิดหวังที่สุดเห็นจะเป็นจังเฟิงหลิง เมื่อกี้เขาแอบเชียร์พยัคฆ์ร้ายในใจอยู่ตลอดเวลา หวังว่ามันจะกัดหงับเข้าให้ที่หัวของฉู่ชวิ๋นให้ขาดของเป็น 2 ส่วน

แต่ทุกคนต้องประเมินพลังของฉู่ชวิ๋นใหม่ซะแล้ว เนื้อกายไร้เทียมทานไม่ใช่แค่พูดเล่น ๆ เท่านั้น

“คุณชายจัง อัณฑะเสือของนายหายไปแล้ว โทษทีนะ” ฉู่ชวิ๋นตะโกนลั่น

จังเฟิงหลิงโกรธจนจมูกแทบเบี้ยว จ้องฉู่ชวิ๋นเขม็งด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว พยัคฆ์ร้ายตัวเมื่อกี้ไม่เอาไหนเลย ทำไมถึงฆ่าไอ้บ้านนอกนี่ไม่ได้กันนะ

ฟ่อ ๆ…

งูหลายักษ์สีเขียวตัวหนึ่งขดตัวจนเป็นภูเขางู ตัวหนาเท่าแท้งค์น้ำ ลิ้นงูแลบแปลบไปมา กำลังจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาเย็นเฉียบ

“มองอะไร เจ็บใจก็เข้ามาสิ จะสอนการเป็นไส้เดือนให้เอง” ต้องยอมรับว่าฉู่ชวิ๋นปากร้ายจริงๆ เขาท้าทายคนอื่่นไปทั่ว “ตอนที่ผ่านทางมาฉันกินหางงูหลามยักษ์ย่างไป เดี๋ยวว่าจะลองชิมแกงงูดูหน่อย ได้ยินว่ารสชาติไม่เลวเลย”

ทุกคนตกใจระคนอึ้ง ช่างเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรเอาซะเลย

น่าเสียดายที่งูหลามเขียวยักษ์นี่ไม่ได้สนใจฉู่ชวิ๋น มันมองอย่างหยิ่งผยองราวกับไม่ใส่ใจฉู่ชวิ๋นเลยสักนิด

ฉู่ชวิ๋นเองก็ขี้เกียจจะสนใจมัน ญาณเทพของเขาคืบคลานเข้าไปภายในหินผารูปพัดทะลุยันใต้ดิน ทะลุชั้นน้ำแข็งหนาปึก ข้างใต้เป็นกระแสน้ำเชี่ยว ไม่มีอะไรผิดปกติ

แปลกจริง ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจ สถานที่นี้จะมีซากโบราณสถานจริง ๆ เหรอ หรือว่า… เขาทอดสายตาไปยังหินผารูปพัดข้างหน้า

แต่ญาณเทพของเขาแทรกซึมเข้าไปภายในหินผารูปพัดละเอียดยิ่งกว่าเครื่องเอ็กซเรย์ แต่ก็ไม่พบอะไร มันเป็นแค่หินผาธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ

ฉู่ชวิ๋นไม่ตายใจ ตรวจสอบอีกหลายครั้งก็ยังไม่พบอะไร จนสุดท้ายเขาได้แต่ถอดใจอย่างอดไม่ได้ รอให้ซากโบราณสถานปรากฏแล้วค่อยว่ากันเถอะ

“พี่หลิว พบอะไรไหม” หยานหวูซวงถามเมื่อเห็นฉู่ชวิ๋นกลับมา

ฉู่ชวิ๋นส่ายหัว

“เห็นไหม ๆ ฉันบอกแล้วว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น พี่ดันไม่เชื่อ” หยานหวูซวงเอ่ย เขาคิดแล้วไม่ใช่เขาโง่ แต่ที่นี่มันไม่มีอะไรจริงๆ

“…..” ฉู่ชวิ๋นได้แต่คิดว่าไอ้หยานหวูซวงนี้มันปัญญาอ่อนจริง ๆ ไม่มีอะไรที่จะเป็นทางไปหาสมบัติแล้วแกจะดีใจไปทำไม กินยาไม่เขย่าขวดแน่ ๆ ไอ้หมอนี้

ตอนนี้ทุกคนได้แต่อยู่เฉย ๆ รอให้ซากโบราณสถานปรากฏ ไม่มีใครรู้ว่ามันจะปรากฏเมื่อไหร่

เมื่อไม่มีอะไรให้ทำ ฉู่ชวิ๋นก็เริ่มหยอกจังเฟิงหลิงอีกครั้ง

“พี่จัง ถ้าฉันเอาอัณฑะของไอ้แมวโง่ตัวเมื่อกี้มาได้ นายจะยอมออกเงินเท่าไหร่”

จังเฟิงหลิงรำคาญใจเป็นอย่างมาก เขาคิดจะเมินแต่ทุกคนก็กำลังมองเขาอยู่ หากเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่นานในยุทธภพคงลือกันหึ่งว่าเขาไร้น้ำยา

“ฉันจะบอกแค่ครั้งเดียว ฉันไม่ได้ไร้น้ำยา” จังเฟิงหลิงคำรามเสียงต่ำ

“ไม่ต้องปิดบังหรอก นายมีสาวสวย 2 คนติดสอยห้อยตามอยู่ตลอดเวลา แถมยังไม่ใส่เสื้อผ้า นายบอกไม่ไร้น้ำยาใครแล้วจะเชื่อ” ฉู่ชวิ๋นโวยวายเสียงดัง “ไม่มีอะไรน่าขายหน้าสักหน่อย นายถามทุกท่านในที่นี้สิ ใครจะมีดวงเรื่องผู้หญิงได้เท่าคุณชายไร้น้ำยา”

คุณชายไร้น้ำยา?

คนอื่น ๆ ทุกคนกลั้นขำเอาไว้ ถ้าชื่อนี้เผยแพร่ออกไป ยุทธภพคงได้มีเรื่องเล่าให้พูดหลังอาหารเพิ่มขึ้นแล้ว

จังเฟิงหลิงโกรธจนแทบบ้า คำรามเสียงดัง “ฉันไม่ไร้น้ำยา แกสิไร้น้ำยา แกมันไร้น้ำยาทั้งบ้าน ไอ้สารเลวเอ๊ย ใส่ร้ายฉัน ฉันจะฆ่าแกให้ได้”

เอิ่ม

ฉู่ชวิ๋นทำสีหน้าไร้เดียงสา ราวกับไม่คาดคิดว่าจังเฟิงหลิงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้

“พี่หลิว พี่นี่จริง ๆ เลย” หยานหวูซวงเอ่ย

“ฉันทำผิดอะไรงั้นเหรอ” ฉู่ชวิ๋นแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ

“โรคลับ ๆ แบบนี้ของน้องจังมาพูดต่อหน้าแบบนี้ได้ยังไง” หยานหวูซวงพูดด้วยใบหน้าจริงจัง

“อ๋อ” ฉู่ชวิ้ถึงบางอ้อ หันไปตะโกนใส่จังเฟิงหลิง “ฉันต้องขอโทษด้วยนะคุณชายไร้น้ำยา ฉันเป็นคนพูดตรง ๆ ขออภัยด้วยจริง ๆ”

จังเฟิงหลิงอยากจะบ้าตายจริง ๆ ใครจะไปคิดว่าคุณชายสง่างามอย่าง

หยานหวูซวงจะร้ายลึกได้ขนาดนี้ มันกล้าร่วมมือกันใส่ร้ายเขา

“ทุกท่าน เมื่อกี้ฉันพูดมั่วไปงั้น คุณชายไร้น้ำยาไม่ได้ไร้น้ำยา ทุกคนอย่าเอาเรื่องนี้ประกาศไปทั่ว อย่าไปบอกเพื่อน อย่าไปโพสต์บนเว็บบอร์ดของยุทธภพ และอย่าโพสต์ในกลุ่มเพื่อน โดยเฉพาะกลุ่มวีแชท” ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวไปรอบๆ ประกาศด้วยเสียงอันดัง

คนรอบ ๆ หัวเราะจนแทบชัก

“คุณชายไร้น้ำยา งั้นพวกเราค่อยคุยกันส่วนตัว ถึงแม้อัณฑะเสือจะเป็นของไม่เลว แต่ฉันมีสูตรรักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศอยู่หลายสูตร ถ้านายสนใจคุยกับฉันได้” ฉู่ชวิ๋นบอกจังเฟิงหลิงเสียงต่ำ

“ไสหัวไป!!” จังเฟิงหลิงคำรามด้วยเสียงที่เปี่ยมไปด้วยเต็ม ราวกับจะพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ไร้น้ำยา

“พี่หลิว ในเมื่อคุณชายไร้…คุณชายจังไม่อยากได้ความหวังดีจากพี่ งั้นเราอย่าไปรบกวนเขาเลย” หยานหวูซวงดึงตัวฉู่ชวิ๋นไว้พลางลากไปด้านหลัง ขืนปล่อยให้เขาพูดต่อไปจังเฟิงหลิงได้เป็นบ้าแน่

“คุณชายไร้น้ำยา อย่าลืมติดต่อฉันมานะ เบอร์มือถือของฉัน….”

จังเฟิงหลิงโกรธจนควันออกหู พ่นลมออกจากจมูก ใบหน้าอันหล่อเหลาบิดเบี้ยว ชุดแดงที่สวมไว้เสียงดังเปรี๊ยะๆ สายตาอย่างกับจะกินคนได้ทั้งเป็น แม้แต่จอมยุทธ์ตระกูลจังข้างกายเขายังถอยหลังออกไป 2 ก้าวโดยสัญชาตญาณ

“เฮ้ สหายจากหอคอยอาภรณ์ม่วง นายยังไม่บอกฉันเลยว่าลิปสติกของพวกนายซื้อจากที่ไหน”

เสียงฉู่ชวิ๋นดังลั่นจนสายตาของทุกคนมุ่งไปที่คนของหอคอยอาภรณ์ม่วง

พวกพันเฉิงเฟิงเมื่อกี้ยังหัวเราะจังเฟิงหลิงอยู่เลย พอได้ยินคำนี้รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งทื่อไป สีหน้าอย่างกับขี้ไม่ออก