ตอนที่ 94 แสงดาวทอประกาย

Perfect Superstar

ตอนที่ 94 แสงดาวทอประกาย

นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง เข็มยาวชี้ตรงไปที่เลข 6

เวลา 6.30 น. การแข่งขันประกวดรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ รอบคัดเลือกความสามารถได้เริ่มอัดรายการอย่างเป็นทางการ!

บรรยากาศเบื้องหลังของสตูดิโอตึงเครียดขึ้นมาทันที

บนจอขนาดยักษ์ถ่ายทอดภาพในสตูดิโอทั้งหมด พิธีกรปรากฏตัวขึ้นบนเวที

สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งใจกล้า เลือกใช้จ้าวเจ๋อซึ่งเป็นพิธีกรหน้าใหม่มาเป็นผู้ดำเนินรายการการคัดเลือกผู้เข้าประกวดที่มีคนดูมากมาย เขาเครียดและตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ก็เข้าสู่ภาวะปกติในเวลาอันรวดเร็ว

กล่าวเปิดรายการอย่างอลังการจบแล้ว จ้าวเจ๋อนิ่งค้าง ดวงตาจับจ้องไปที่เบื้องหน้า

“ต่อไป ผมขอเสียงปรบมือต้อนรับ กรรมการผู้ตัดสินรายการขับร้องให้ก้องจีนท่านแรกของค่ำคืนนี้!”

แกรนด์สตูดิโอที่จุคนได้ 1500 ที่นั่งมีผู้ชมนั่งจนเต็ม เสียงพิธีกรเพิ่งพูดจบ ทั้งสตูดิโอก็กึกก้องไปด้วยเสียงปรบมือเพื่อต้อนรับกรรมการ

กรรมการของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งคนแรกเลือกวิธีการเปิดตัวที่ไม่ธรรมดา ไม่เหมือนกับรายการอื่นที่ประกาศออกไปตรงๆ แต่หยิบยืมชื่อเสียงของกรรมการมาเพิ่มความโด่งดัง จงใจมอบความรู้สึกลึกลับน่าค้นหาให้แก่ผู้ชม

ไม่มีใครสงสัยอำนาจและเส้นสายของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง กรรมการที่เชิญมาต้องมีความน่าเชื่อถือสูงแน่ สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งเก็บงำความลับได้ดีมาก ผู้ชมต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา เว็บบล็อกหรือบทวิจารณ์ทั้งหลายในอินเทอร์ต่างวิเคราะห์กันเอง จนกลายเป็นหัวข้อใหญ่ที่ได้รับความนิยม!

การประกาศจากสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งนั้น แม้จะเป็นการท้าทายสถานีโทรทัศน์เซียงหนานก็เปิดตัวไม่ได้ด้อยกว่ากันเลย

คืนนี้การถ่ายทอดสดรอบคัดเลือกของเขตปักกิ่งเริ่มขึ้นเป็นฉากแรก สถานะของกรรมการทั้งสี่เป็นจุดสนใจที่สำคัญที่สุด

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงปรบมืออย่างกึกก้อง

ไฟในสตูดิโอถ่ายทอดสดทั้งหมดดับลง ทั่วทั้งเวทีตกอยู่ในความมืด

ผ่านไปครู่หนึ่ง ลำแสงจากสปอร์ตไลท์ส่องลงมาตรงใจกลางเวที

สาดส่องลงบนร่างของชายคนหนึ่ง

เขาหันหลังให้คนดู ยืนตรงแน่นิ่งไม่ไหวติง บนจอขนาดยักษ์เบื้องหลังเป็นภาพโลโก้ของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’

ทั้งสตูดิโอเงียบเสียงลง

พิธีกรจ้าวเจ๋อยืนอยู่ในที่ที่มองไม่เห็น แต่เสียงของเขายังลอยมากระทบหูของผู้ชม

“เขา เป็นผู้มีความสามารถเหนือมนุษย์อย่างไร้ข้อกังขา…”

“เขา ได้รับคำยกย่องจากแวดวงเพลงในเอเชีย…”

“เขา ผู้ได้รับรางวัลมานับไม่ถ้วน!”

“เพลงของเขาเคยอยู่เป็นเพื่อนพวกเรามายุคหนึ่ง จนวันนี้กลายเป็นเพลงคลาสสิค…”

“เขาก็คือ…”

หน้าจอยักษ์ระเบิดออกอย่างรุนแรง พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนสนั่น ตัวอักษรสีทองอร่ามใหญ่โตเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ!

“ถานหง!”

ถานหง กรรมการคนแรกของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ที่แท้คือถานหง!

ใครก็คิดไม่ถึง ทุกคนต่างก็เซอร์ไพรส์!

เมื่อแสงไฟถูกเปิดสว่าง เสียงปรบมือกึกก้องแบบเมื่อครู่ดังขึ้นอีกครั้งแล้วยังดังกว่าเดิมอีก ราวกับลมพายุกระหน่ำที่จะฉีกหลังคาออกไป

ผู้ชมหลายคนยืนขึ้น พวกเขาทั้งปรบมือทั้งร้องเรียกชื่อถานหง

ถานหงเกิดในช่วงต้นของยุคปี 70 เริ่มเรียนดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เมื่ออายุ 17 ปีได้รางวัลชนะเลิศการประกวดร้องเพลงวัยรุ่น และก้าวเข้าสู่วงการนักร้องมาตั้งแต่นั้น

เขาเข้าวงการมาจนวันนี้เป็นเวลา 25 ปี แล้ว ออกเพลงที่โด่งดังมาทั้งหมด 17 อัลบั้ม ในนั้นมีอัลบั้ม ‘พิราบโบยบิน’ ในปี 1999 ขายผลงานได้มากกว่าห้าล้านแผ่น ถูกมองว่าเป็นความรุ่งโรจน์ครั้งสุดท้ายของยอดขายเพลงดังที่สูงที่สุด

ถานหงแม้ไม่ได้หน้าตาดีนัก แต่เอกลักษณ์ของเสียงเขาเยี่ยมยอดมาก ทั้งผลงานเพลงยังโดดเด่นกว่าใคร หลายอัลบั้มที่ขายดีเขาสร้างมันขึ้นมาคนเดียว มีเพลงชั้นยอดหลายเพลงอย่าง ‘พิราบโบยบิน’ ‘หลังฝน’ ‘ชายพเนจร’ ‘ความทรงจำที่คุ้นเคย’ ‘ความรัก’ เป็นต้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นผลงานคลาสสิคของเขา

เมื่อเขาหันหลังกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ภายใต้แสงไฟ บรรยากาศในสตูดิโอก็ขึ้นไปถึงขีดสุด!

ด้านหลังเวที มีผู้เข้าแข่งขันหลายคนกับกองเชียร์ที่พร้อมใจกันลุกขึ้นมา

สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์

“ถานหง ถานหงจริงๆ ด้วย!”

“ฉันชอบเพลงของถานหงที่สุดเลย ไม่คิดว่าเขาจะมาเป็นกรรมการ!”

“สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งสุดยอดไปเลย!”

“ฉันอยากได้ลายเซ็นเขา…”

ในกลุ่มคนที่ตื่นเต้นดีใจ มีลู่เฉินรวมอยู่ด้วย

เขาเป็นแฟนเพลงของถานหงเหมือนกัน!

ลู่เฉินไม่เคยคิดมาก่อนว่าถานหงจะมาเป็นกรรมการ และไม่รู้ด้วยว่าสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งใช้วิธีการไหน

ถานหงแม้จะมีชื่อเสียงมาสิบกว่าปี แต่นิสัยยังคงเย็นชาเหมือนเดิม ไม่ชอบความครึกครื้น และแทบไม่เข้าร่วมรายการบันเทิงใดๆ ด้านความสัมพันธ์ส่วนตัว เขาอยู่กับภรรยาที่เป็นรักครั้งแรกของเขาอย่างปรองดอง ไม่มีข่าวซุบซิบให้เสียหาย

อยู่ในวงการมา 25 ปี แม้แต่โฆษณาเขายังเคยถ่ายทำไปไม่กี่ครั้ง

ด้วยเหตุนี้เมื่อถานหงปรากฏตัวเป็นกรรมการบนเวที ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ในค่ำคืนนี้ พรุ่งนี้เขาจะได้ขึ้นหน้าหนึ่งข่าวบันเทิงแน่นอน!

สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งอัดอั้นมาหลายปี นับว่างัดไม้เด็ดออกมาอย่างยิ่งใหญ่

ถึงหลายปีมานี้ถานหงเกือบตกอยู่ในสถานะจมหาย แต่ความนิยมในตัวเขายังไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะคนในยุคปี 70-80 ซึ่งเป็นแฟนคลับผู้ภักดีที่สุด

สิ่งที่ต้องบอกให้ชัดเจนคือถานหงเคยเซ็นสัญญากับบริษัทจวี่ซิงในช่วงแรก เขาได้รับการฝึกฝนบ่มเพาะจากจินหงเหว่ยมาก่อน ต่อมาผิดใจกับผู้ใหญ่ในวงการคนนี้ ตอนนั้นข่าวการขึ้นโรงขึ้นศาลดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งประเทศ

นิสัยและพฤติกรรมของคนอย่างถานหง เขาอดทนมากขนาดนี้ยังทนต่อไปไม่ไหว

ถานหงตอนอายุสี่สิบกว่าเป็นวัยที่มีเสน่ห์ล้นเหลือของผู้ชาย เขาไม่ใช่คนหนุ่มอีกต่อไป แต่รอยยิ้มยังคงจริงใจเหมือนเดิม แววตายังคงสดใส ท่าทางยังดูโดดเด่นสง่างาม

เขาปลุกความทรงจำของผู้คนนับไม่ถ้วนขึ้นมา!

ถึงขั้นบอกได้เลยว่าวินาทีที่ถานหงปรากฏตัว รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ประสบความสำเร็จในก้าวแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากถานหงนั่งลง หลอดไฟแอลอีดีบนเวทีเปิดสว่างพร้อมกัน ชื่อของเขาปราฏขึ้น

เสียงปรบมือไม่ดังขาดสาย แสงไฟในแกรนด์สตูดิโอดับลงอีกครั้ง

พิธีกรจ้าวเจ๋อเริ่มการแนะนำกรรมการคนที่สอง

ถานหงคนก่อนหน้านี้ทำให้ทุกคนอิ่มเอมพอใจเต็มที่แล้ว แล้วกรรมการคนที่สองจะเป็นใครกัน?

จะถูกรัศมีของถานหงกลบหมดหรือไม่?

ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้คำตอบ

“เสียงเพลงของเธอคุ้นหูของเราที่สุด…”

“ความงามของเธอคือภาพที่งดงามที่สุดในวงการเพลงสมัยใหม่…”

“เธอเคยได้รับรางวัลยอดขายผลงานเพลงสูงสุดในประเทศของนักร้องหญิง จนวันนี้ยังไม่มีใครทำลายสถิติได้!”

“เธอ ยังเป็นศิษย์น้องของคุณถานหงด้วย!”

“เธอก็คือ…”

“เฉินเฟยเอ๋อร์!”

หน้าจอยักษ์เบื้องหลังยังไม่ทันปรากฏชื่อของเธอขึ้นมา แต่ผู้ชมหลายคนชิงตะโกนชื่อเธอขึ้นมาก่อน

“เฉินเฟยเอ๋อร์!”

กรรมการคนที่สองของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ แน่นอนว่าต้องเป็นราชินีเพลงเฉินเฟยเอ๋อร์!

เมื่อกล่าวถึงนักร้องนักแสดงท่านนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักจริงๆ เฉินเฟยเอ๋อร์มีชื่อเสียงด้านการร้องเพลงหวานและเพลงรัก เสียงของเธออ่อนหวานกินใจ อัลบั้มก็ได้รับคะแนนสูง

ไม่เหมือนกับถานหง เมื่อเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ตแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์ยังคงโลดโผนอยู่ในวงการเพลงเหมือนเดิม ทั้งยังก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์โทรทัศน์ด้วย ได้แสดงในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง ทั้งยังเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้ารายใหญ่หลายราย

และที่ทำให้ผู้คนชื่นชมเธอคือ เธอกับถานหงมีความสัมพันธ์เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ทั้งสองสนิทสนมกัน แต่กลับไม่เคยมีข่าวฉาวเลยสักครั้ง อีกทั้งเมื่อก่อนตอนที่เฉินเฟยเอ๋อร์เซ็นสัญญากับบริษัทจวี่ซิง ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือของถานหง เกรงว่าเธอคงไม่สามารถหลุดพ้นมาได้ง่ายๆ

ตอนงานเปิดตัวออฟฟิศทำงานของเฉินเฟยเอ๋อร์ ถานหงก็ช่วยเชิญผู้บริหารใหญ่ในวงการเพลงสิบกว่าคนไปร่วมงาน

เธอเป็นกรรมการคนที่สอง ทำลายความกังวลของหลายๆ คนไปหมดสิ้นในพริบตา

ในวงการเพลงมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่เล่ากันว่าจินหงเหว่ยโกรธเกลียดถานหงมาก แต่ถ้าถานหงยินยอมกลับเข้ามาทำงานให้กับจวี่ซิง อย่างนั้นแล้วจินหงเหว่ยจะยอมคุกเข่าขอร้องเลยทีเดียว!

“เฟยเอ๋อร์!”

ถานหงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่รู้เลยว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะมาปรากฏตัวที่นี่ เขาตกใจจนลุกขึ้นยืน แล้วรีบเดินเร็วกลับขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง “เธอมาได้ยังไง?”

เฉินเฟยเอ๋อร์อายุเลยสามสิบไปแล้ว แต่ยังดูเหมือนคนอายุยี่สิบกว่า รอยยิ้มหวานหยดย้อย อ้าแขนกว้างกอดกับถานหง ตอบว่า “พวกเขาบอกว่าพี่มา ฉันก็เลยมาด้วย”

แค่ประโยคธรรมดาเพียงสองประโยค ก็บ่งบอกถึงความผูกพันที่คนทั้งสองมีต่อกันได้ทั้งหมด

เสียงปรบมือสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว แฟนคลับหลายคนน้ำตาไหลอออกมา เพราะภาพนี้เป็นภาพที่พวกเขาเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว กลายเป็นภาพในความทรงจำตลอดไป

วันนี้ภาพนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง

ถานหงกับเฉินเฟยเอ๋อร์ทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเห็นว่า นอกจากความรักของหญิงชายแล้ว ยังมีมิตรภาพที่แท้จริงดำรงอยู่!

มิตรภาพที่เทียบเท่ากับความรักที่มีให้คนในครอบครัว!

………………………………………………………………