บทที่ 344
บทที่ 344

ในอีกด้านหนึ่ง จ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้ก็ยังคงโจมตีประตูตงอยู่ แต่เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวว่าเมืองหยานกำลังแย่ และซ่งเทียนได้ถอยกลับไปที่เมืองหวันแล้ว พวกกุนซือที่ปรึกษาของทั้งสองพี่น้องก็ไม่รอช้า รีบเข้ามาแนะนำว่าพวกเขาเองก็ควรถอนทหารและกลับไปที่เมืองหยานทันที

จ้านอู่ฉางที่ได้ยินแบบนั้นก็พลันขมวดคิ้วและไม่ตอบทันที ด้วยจากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว เขานั้นไม่ต้องการที่จะยอมแพ้กลางคัน !

….ประตูตงสำคัญเกินไป ถ้ายึดไม่ได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นกองทัพหนิงที่โดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางแคว้นเฟิงโดยไม่การสนับสนุนใด ๆ!

เมื่อเห็นว่าจ้านอู่ฉางยังคงลังเล ชายคนหนึ่งจึงถามว่า “ท่านแม่ทัพมีความมั่นใจที่จะยึดประตูตงหรือไม่?”

“นี้ ?” จ้านอู่ฉางยังคงเงียบ เพราะอีกฝั่งมีหยวนยู่ และขอแค่มีชายผู้นี้อยู่ เขาก็ไม่มั่นใจเลยสักนิด ว่าจะสามารถตีประตูตงให้แตกพ่ายได้ !

“หากท่านแม่ทัพไม่มั่นใจ ท่านควรจะถอนทหารกลับทันที เพื่อไปช่วยซ่งเทียนปกป้องเมืองหยาน มิฉะนั้นถ้าเสียเมืองหยานไปกองทัพของเราจะติดอยู่ที่แห่งนี้ไปตลอดกาล !”

ฝั่งจ้านอู่ฉางที่ได้ยินก็ถึงกับสูดลมหายใจเย็น ๆ และคิดกับตัวเองว่ามันสมเหตุสมผลพอตัว เขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “เจ้าพูดถูก ! ” จากนั้นก็หันไปพูดกับผู้เป็นน้องว่า “ส่งคำสั่งให้ทั้งหมดถอยทัพทันที พวกเราจะกลับไปยังเมืองหยาน !”

แม้ว่าจ้านอู่ตี้จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็พอจะเข้าใจว่ามันเป็นสถานการณ์เร่งด่วน จึงไม่กล้าที่จะล่าช้า รีบตอบกลับอย่างรวดเร็วไปในทันทีว่า “ขอรับ พี่ใหญ่ !

“แล้ว…” จ้านอู่ฉางคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็โบกมือและพูดว่า “ลืมไปเถอะ พวกเราไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น !”

ถ้าต้องการที่จะล่าถอย ตามปกติแล้วพวกเขาจะต้องรายงานเรื่องนี้ให้แก่หมิงเสี่ยวเทียนที่อยู่ทางด้านตะวันออกของประตูตง เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน

…และเมื่อสองพี่น้องตระกูลจ้านจากไปแบบนี้ โอกาสที่พวกหนิงจะตีประตูตงก็พลันริบหรี่เข้าไปอีก

ก่อนที่พวกหนิงจะกลับมา กองทัพเทียนหยวนก็ได้ตั้งค่ายนอกเมืองหยานแล้ว

และหลังจากตั้งค่ายเสร็จ ถังหยินก็ได้นำชิวเจิ้น พี่น้องชางกวนและทหารยามอีก 2-3 คนออกจากค่าย มุ่งตรงขึ้นเขาสูงไม่ไกลจากบริเวณนั้น ก่อนจะพากันหันมองไปยังเมืองหยานที่อยู่ไกลออกไป

เมื่อมองไปที่เมืองตรงหน้า หัวใจของถังหยินก็เต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย …ย้อนกลับไปตอนนั้น ชายหนุ่มถูกบังคับย้ายจากเมืองหยาน และต้องไปอยู่ที่ห่างไกลความเจริญปิงหยวน แต่มาตอนนี้ หลังจากผ่านระยะเวลามาจนถึง ณ จุดนี้ เรื่องราวทั้งหมดมันก็ได้กลับตาลปัตร และแตกต่างไปจากเดิมก่อนหน้านี้แล้ว

ตอนนั้นเขาเพียงแค่แม่ทัพตัวเล็ก ๆ และหลังจากไต่เต้าเป็นแม่ทัพผู้ดูแลเขต ชายหนุ่มก็พลันขึ้นผงาดอย่างรวดเร็ว …มาตอนนี้เขาครอบครองกำลังทหารนับแสนนายที่พร้อมบดขยี้ทุกอย่างให้กลายเป็นผุยผง !

หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ ถังหยินก็หันมามองและพูดกับชิวเจิ้น “เจ้าจำสิ่งที่ข้าพูด ตอนออกจากเมืองหยานได้ไหม ?”

ชิวเจิ้นหัวเราะ “ตอนนั้นเจ้าบอกว่าจะกลับมาแน่นอน และมาตอนนี้ ..คำพูดนั้นก็จวนจะกลายเป็นจริงแล้ว !” ความสัมพันธ์ขอชิวเจิ้นและถังหยินนั้นลึกซึ้งที่สุด ทำให้ในเวลาส่วนตัวชิวเจิ้นจะไม่เรียกเขาว่า ‘นายท่าน’

“ถูกต้อง ! ข้าบอกว่าเราจะกลับมา แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้” ถังหยินเหล่ตาของเขาและพูดอย่างแผ่วเบา

ชิวเจิ้นที่ได้ยินแบบนั้นเพียงยิ้มและพูดเบา ๆ ว่า “นี่เป็นวิธีการกลับมาที่มีเกียรติที่สุดแล้ว” เขาชี้ไปที่เมืองหยานในระยะไกลและกล่าวว่า “รายงานจำนวนบอกว่ากองกำลังป้องกันภายในเมืองหยานมีไม่ถึง 1 แสนนาย อย่างไรก็ตาม พวกจ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้ก็กำลังกลับมาที่เมืองหยานเช่นกัน คาดว่าในอีก 3 วันพวกมันน่าจะมาถึง”

ถังหยินเย้ยหยัน “พวกมันเป็นเพียงแม่ทัพที่พ่ายแพ้ ไม่มีอะไรต้องกังวล”

การแสดงออกของชิวเจิ้นเปลี่ยนไป เด็กหนุ่มดูจริงจังในขณะที่เขากล่าวว่า “ถ้ากองทัพของเราต่อสู้ตัวต่อตัวกับพวกหนิง เราจะได้เปรียบแน่นอน แต่ข้ากลัวว่าจ้านอู่ฉางจะเจ้าเล่ห์ และหันไปร่วมมือกับกองทัพเปิงภายในเมือง !”

“นั่นก็ถูก !” ถังหยินผงกศีรษะ รู้สึกว่าคำพูดของชิวเจิ้นมีเหตุผล

ตอนนี้จ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้มีกำลังทหารอยู่ราว ๆ 1 แสน 5 หมื่นนายได้ หากพวกเขาทั้งหมดถอยกลับเข้าไปในเมืองหยานและอยู่ในแนวป้องกัน คนพวกนี้ก็จะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาเลยทีเดียว !

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถังหยินก็ได้กล่าวต่อว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นเราควรแยกกองกำลังของเราไว้ เพื่อให้ส่วนหนึ่งออกไปหยุดกองทัพหนิงไม่ให้เคลื่อนเข้าใกล้เมืองหยาน”

ชิวเจิ้นหัวเราะ จับมือของเขาและพูดว่า “ถังหยิน เจ้านี่เข้าใจอะไรง่ายจริง ๆ!”

“ชิวเจิ้น เจ้าคิดว่าการส่งพวกปิงหยวนไปหยุดกองทัพหนิงจะได้ผลหรือไม่ ?”

ชิวเจิ้นส่ายหัว “กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของเราคือกองทัพปิงหยวน พวกเขาถือได้ว่าเป็นกำลังหลักของกองทัพของเรา ดังนั้นเราจึงควรใช้พวกเขาในสนามรบหลักที่สำคัญที่สุด”

หากไม่เป็นปิงหยวน งั้นแล้วเป็นกองใดได้อีก ? กองทัพชานชุยงั้นหรือ ? หรือจะเป็นกองทัพฉีเฟิง …ไม่ได้ พวกเขาได้รับความสูญเสียไปไม่น้อยเลยเมื่อตอนโจมตีภูเขาเขี้ยวพยัคฆ์ !

เมื่อเห็นถังหยินขมวดคิ้ว ชิวเจิ้นก็พลันหัวเราะและพูดว่า “เจ้ายังสามารถส่งกองทัพอินทรีสวรรค์ออกไป แล้วให้จีหยิงไปหยุดกองทัพหนิง !”

“อ๋อ ?” ถังหยินมองไปที่ชิวเจิ้นด้วยความสงสัย ชื่อกองทัพอินทรีสวรรค์ฟังดูน่ากลัวมาก แต่นอกเหนือจากผู้บังคับบัญชาที่ดีแล้วทหารเลวของกองทัพนี้ก็ดูจะไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย “ข้าเกรงว่าไม่เพียงแต่กองทัพอินทรีสวรรค์จะไม่สามารถหยุดกองทัพหนิงได้ แต่พวกเขาก็จะต้องพ่ายแพ้กลับมาด้วย”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหนิ !”

ถังหยินเลิกคิ้ว

ชิวเจิ้นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้าต้องเข้าใจ ว่าแม้จีหยิงจะให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดี แต่ความภักดีของพวกเขาก็ใช่ว่าจะตลอดไป และเพื่อการนั้น การลดจำนวนกำลังทหารที่มีมากถึง 7 หมื่นนายจึงเป็นเรื่องที่จะขาดไปไม่ได้ !”

ถังหยินรับฟังและพยักหน้า ก่อนจะยิ้มและพูดอย่างเป็นกันเองว่า “เอาล่ะ ! เรื่องนี้จะเป็นไปตามที่เจ้าเห็นสมควร”

ถังหยินไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์ และหากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ชิวเจิ้น จางจี้และซงหยวน ชายหนุ่มก็คงมาไม่ได้ไกลขนาดนี้ ทว่าจุดที่โดดเด่นที่สุดของเขาก็คือเรื่องของจิตใจ ที่เปิดกว้าง และรับฟังของเสนอแนะของคนอื่นเสมอ และก็เพราะแบบนี้นี่เอง ที่ทำให้ชิวเจิ้นตัดสินใจที่จะสนับสนุนถังหยินไปจนกว่าอีกฝ่ายจะก้าวไปถึงจุดสูงสุด !

หลังจากกลับไปที่ค่าย ถังหยินก็ได้เรียกแม่ทัพทั้งหมดมาหารือเกี่ยวกับแผนการโจมตีเมืองทันที

เมื่อแม่ทัพและกุนซือทั้งหมดมารวมตัวกันแล้ว ถังหยินก็พลันเอ่ยถามขึ้นช้า ๆ “ข้าวางแผนที่จะโจมตีพรุ่งนี้ พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร ?”

“พวกข้ายินดีที่จะทำตามคำบัญชาของท่านขอรับ !” บรรดาแม่ทัพต่างก็ป้องมือตอบ

“ดีมาก !” ถังหยินพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อไป “อย่างไรก็ตามกองทัพของจ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้กำลังมุ่งหน้ามายังเมืองหยานและพวกมันก็จะมาถึงในไม่ช้า นี่ถือเป็นอันตรายต่อกองทัพของเรา ดังนั้นข้าจึงคิดว่าจะให้ส่วนหนึ่งแยกตัวออกไป เพื่อจัดการพวกมัน และส่วนที่เหลือก็ให้เข้าโจมตีเมืองหยาน !”

หลังจากพูดถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็พลันหยุดชะงักและหันมองไปทางจีหยินที่อยู่ท่ามกลางแม่ทัพคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า “แม่ทัพจีหยิง เจ้าเต็มใจที่จะนำกองทัพอินทรีสวรรค์เข้าขัดขวางกองทัพหนิงไหม ?”

นี่เป็นภารกิจแรกที่ถังหยินมอบให้กับเขา ไม่ว่ามันจะยากและอันตรายแค่ไหน เขาก็ทำได้เพียงแค่รั้งตัวเองและยอมรับมัน ดังนั้นถึงแม้ในตอนแรกจีหยิงจะตกใจแค่ไหน แต่หลังจาก

นั้นเขาก็พลันตอบรับในทันที “น้อมรับคำสั่งขอรับ !”

“เยี่ยม !” ถังหยินกล่าวชม ก่อนจะเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง “มีทหารจำนวนมากในกองทัพหนิง และฝีมือของพวกเขาก็ไม่ธรรมดาเลย ดังนั้นท่านอย่าได้ประมาท จงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ และมุ่งเน้นไปที่การชะลอการเคลื่อนไหวแทน ! ”

“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจ” แม้ว่าภารกิจนี้จะค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดเป้าหมายของการต่อสู้ครั้งนี้คือการถ่วงเวลา !

หลังจากนั้นถังหยินก็หันไปจัดแจงรายละเอียดการโจมตีเมืองหยานต่อ

ชายหนุ่มเลือกใช้กองทัพปิงหยวนเป็นกองกำลังหลักที่โจมตีประตูทางทิศเหนือและทิศตะวันตกตามลำดับ โดยมีกองทัพชานชุยเป็นฝ่ายสนับสนุน ด้วยการใช้กลยุทธ์ก่อกวนและหลอกลวง เข้าโจมตีประตูทางทิศตะวันออกและทิศใต้ของเมืองหยาน

พวกแม่ทัพไม่คัดค้านการเตรียมการของถังหยิน !

ภายในวันนั้นเอง หลังจากที่จีหยิงได้รับคำสั่ง เขาก็ไม่รอช้า รีบสั่งให้กองทัพอินทรีสวรรค์ออกเดินทางในทันที !

….หลังจากที่จีหยิงให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อถังหยิน เพื่อที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของทหารเลวภายใต้คำสั่ง เขาจึงได้ยืมตัวคนกองทัพปิงหยวน กองทัพชานชุย กองทัพฉีเฟิง และกองทัพอื่น ๆ เข้ามาเสริม จนทำให้มาตอนนี้กองทัพอินทรีสวรรค์มีกำลังทหารมากถึง 7 หมื่นนายเข้าไปแล้ว !

และเนื่องจากเขตตะวันตกของเมืองหยานยังคงอยู่ในพื้นที่อิทธิพลของซ่งเทียน กองทัพของจีหยิงจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก พวกเขาไม่กล้าที่จะใช้เส้นทางหลวง และเลือกเดินทางผ่านเส้นทางเล็ก ๆ ภายในภูเขาและที่ราบที่รกร้างว่างเปล่า และแม้ว่ากองทัพจะเดินทางกันอย่างเชื่องช้า แต่การปกปิดก็รับประกันได้ !