บทที่ 345
บทที่ 345

จีหยิงนำกองกำลังของตนเดินทางอย่างช้า ๆ ก่อนที่พวกเขาจะได้รับรายงานว่ากองทัพหนิงได้ตั้งค่าย ณ เมืองติงหยวน ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กว่าลี้

เมื่อได้รับข่าวนี้ แม่ทัพนายกองจากกองทัพอินทรีสวรรค์ต่างก็มาตามหาจีหยิง รวมทั้งตัวจูนัวเองก็ด้วย

“ท่านแม่ทัพ เนื่องจากศัตรูแข็งแกร่ง และพวกเราอ่อนแอกว่า จึงเป็นการยากที่จะชนะหากเผชิญหน้าโดยตรง ดังนั้นแล้วกองทัพของเราจึงควรใช้กลยุทธ์โจมตียามค่ำคืน !” เป็นจูนัวที่กล่าวเสนออย่างจริงจังกับจีหยิง

จีหยิงหัวเราะหลังจากได้ยินมัน เขาพยักหน้าก่อนจะส่ายหัว เพราะคำพูดของอีกฝ่ายนั้นบอกอะไรเขาหลายอย่างทีเดียว “แม่ทัพใหญ่กองทัพหนิงคือจ้านอู่ฉาง เขาเป็นนายทหารที่มีทักษะสูงและเป็นแม่ทัพที่หาตัวจับยาก แต่เพราะแบบนี้ จึงทำให้มันคงเป็นเรื่องง่ายกว่า ที่เราจะลอบโจมตีพวกหนิง !”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น จูนัวกำพลันขมวดคิ้วและถาม “ท่านแม่ทัพหมายความว่าอย่างไร ?”

จีหยิงกล่าวอย่างแผ่วเบา “ถ้าจะไปยังเมืองหยานจากเส้นทางนั้น พวกหนิงจะต้องผ่านหุบเขาพันแสง ภูมิประเทศของหุบเขาพันแสงนั้นสูงชันและง่ายต่อการซุ่มโจมตี ดังนั้นแล้วข้าจึงคิดว่าพวกเราควรจะไปตั้งค่ายที่หุบเขาพันแสงนั่น !” จีหยิงคุ้นเคยกับภูมิศาสตร์ของแคว้นเฟิงเป็นอย่างดี และแม้ว่าเขาจะไม่ได้สำรวจเป็นการส่วนตัว แต่เขาก็ยังคงรู้ !

“งั้นเราทำตามแผนนี้กัน !” เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่คิดแย้ง ยอมทำตามแผนของจีหยิงในทันที

และเพื่อให้แผนสำเร็จ จีหยิงจึงได้เลือกทำเล 2 จุดสำหรับการซุ่มโจมตีตามแนวหน้าผา โดยเขานั้นได้ทำการแยกกองทัพอินทรีสวรรค์ออกเป็น 2 กลุ่ม เข้าประจำตามตำแหน่งที่ว่านั่น

ทหารส่วนใหญ่ในกองทัพอินทรีสวรรค์เป็นพลเมืองธรรมดาที่ไม่รู้วิธีใช้ธนู และแม้ว่าพวกเขาจะซุ่มโจมตี แต่การใช้ธนูก็คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเสียเท่าไหร่ มันจะดีกว่าถ้าใช้หินที่ง่ายกับการใช้งาน

จ้านอู่ฉางและจานอู่ตี้ไม่ทราบถึงความจริงที่ว่ากองทัพอินทรีสวรรค์ได้ทำการซุ่มโจมตี ณ หุบเขาพันแสง ดังนั้นเมื่อตอนรุ่งเช้ามาถึง มันก็เป็นเวลาเดียวกับที่พวกหนิงมาถึงหน้าหุบเขาแล้ว !

กองทัพหนิงไม่ได้ปราศจากหน่วยสอดแนมแต่อย่างใด ขณะที่พวกเขาเดินทัพ ก็จะเป็นทหารม้าสอดแนมที่ออกไปสำรวจด้านหน้าก่อนเสมอ ซึ่งในขณะนี้ หน่วยสอดแนมที่ว่าก็ได้เข้ามาภายในหุบเขาพันแสงแล้ว !!

เมื่อเห็นว่าม้าของกองทัพหนิงในชุดเกราะสีเงินเข้ามาในหุมเขาพันแสง ทุกคนก็พากันกังวล แม้แต่รองแม่ทัพที่อยู่ข้าง ๆ จีหยิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปคว้าจับดาบของพวกเขาที่เอวโดยไม่รู้ตัว ทว่าในเวลานี้จีหยิงไม่สามารถพูดได้ เขาจึงใช้สายตาส่งสัญญาณให้รองแม่ทัพคนอื่น ๆ ทางซ้ายและขวาไม่ให้ประหม่าและห้ามส่งเสียงใด ๆ

กองทัพหนิงสอดแนมไปรอบ ๆ หุบเขาพันแสง แต่ไม่พบอะไรผิดปกติ พวกเขาจึงได้เลี้ยวม้าถอยกลับไปเส้นทางเดิมเพื่อรายงานสถานการณ์ต่อจ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้

ทว่าแม้พวกเขาจะได้รับรายงานว่าปลอดภัย แต่จ้านอู่ฉางก็ยังคงส่งคำสั่งให้กองทัพหยุดเมื่อไปถึงหน้าหุบเขาพันแสง

ก่อนเป็นจ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้ที่เร่งม้าของพวกเขาไปด้านหน้ากลุ่ม และเงยหน้าขึ้นมองไปที่เทือกเขา !

…หลังจากที่คิดอยู่สักพัก จ้านอู่ฉางก็พลันขมวดคิ้วแน่นพลางคิดว่าที่แห่งนี้อันตรายยิ่ง ! ถึงแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาผ่านหุบเขานี้ แต่ทุกครั้งที่ผ่านสถานที่แห่งนี้ เขาก็มักจะระมัดระวังเสมอ

“พี่ใหญ่ มีอะไรหรือ ?” จ้านอู่ตี้ถามด้วยความงงงวย

“น้องข้า ! สถานที่แห่งนี้อันตรายยิ่ง หากเรามีศัตรูแฝงตัวมาคงไม่อาจที่จะคาดเดาผลลัพธ์ได้” จ้านอู่ฉางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

จานอู่ตี้หัวเราะแล้วถาม “ศัตรูจะมาจากไหนได้กัน ? ตอนนี้กองกำลังของศัตรูประจำการอยู่ที่ด้านเหนือของเมืองหยานพวกเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร ?”

จ้านอู่ฉางพยักหน้า เขาเข้าใจ แต่เมื่อเขามองไปที่หุบเขาพันแสงตรงหน้า ก็กลับรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ใหญ่หลวงแอบซ่อนอยู่ !

หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง จ้านอู่ฉางก็พลันกล่าวว่า “ปล่อยให้แนวหน้าผ่านไปก่อน แล้วส่วนอื่น ๆ ค่อยตามไป”

จ้านอู่ตี้คุ้นเคยกับบุคลิกที่ระมัดระวังตัวของพี่ใหญ่มานานแล้ว เขายิ้มและไม่พูดอะไรมากในขณะที่พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว !”

ภายใต้คำแนะนำของจ้านอู่ฉาง กองทัพหนิงถูกแยกออกเป็น 2 กลุ่ม ที่นำโดยกำลังทหารจำนวน 5 หมื่นนายมุ่งตรงเข้าไปยังหุบเขาพันแสง ในขณะที่อีกแสนนายรออยู่นอกหุบเขา

จีหยิงไม่เข้าใจมากนักเกี่ยวกับการเตรียมการของจ้านอู่ฉาง แต่เมื่อเห็นภาพเบื้องล่าง เขาก็พลันมีอาการกระวนกระวายขึ้นมาในทันที

เมื่อกองทัพหนิงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าผ่านหุบเขา มันก็ได้เกิดเสียงกึกก้องเป็นจังหวะ เช่นเดียวกับชุดเกราะที่สะท้อนแสงอาทิตย์จนทำให้โดยรอบดูสว่างจ้า !

ธงแคว้นหนิงโบกสะบัดไปมาตามสายลม ก่อนที่ผู้คนนับหมื่นจะพากันเดินเข้าไปยังเส้นทางภูเขาแคบ ๆ!!!

เมื่อเห็นว่าพวกกองทัพหนิงมาถึงสถานที่ซุ่มโจมตีแล้ว จีหยิงก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นเพื่อเตรียมออกคำสั่งให้โจมตี เช่นเดียวกับรองแม่ทัพข้าง ๆ ที่ง้างคันธนูรอ และขอเพียงมีสัญญาณให้ลงมือ การโจมตีก็จะเริ่มในทันที !

อย่างไรก็ตามจีหยิงกลับค่อย ๆ ลดมือของเขาลงที่เดิม ด้วยเพราะเขาไม่อยากประมาท ดังนั้นแล้วจีหยิงจึงต้องการจะตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อน ทำให้เขาพบอย่างรวดเร็วว่ากองกำลังตรงหน้านั้นไม่ถูกต้องนัก พวกเขามีกันแค่ 5 หมื่นเท่านั้น !!! แล้วที่เหลือเล่า ? ไม่ใช่ว่ามีเป็นหลักแสนหรือไร ?!

จ้านอู่ฉางช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง ระมัดระวังตัวแม้แต่ในสถานการณ์ที่ไม่เห็นศัตรู ! จีหยิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

เพราะเขาเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น !

รองแม่ทัพโดยรอบไม่เข้าแม้แต่น้อย พวกเขาเอาแต่กังวลกับเหตุการณ์ตรงหน้า และเมื่อเห็นว่ากองทัพหนิงกำลังจะผ่านไป รองแม่ทัพทั้งสองที่อยู่ทางซ้ายและขวาของจีหยิงก็ไม่อาจหักห้ามใจได้อีก รีบลดเสียงถามในทันที “ท่านแม่ทัพ โปรดสั่งการ ! ถ้าเราไม่ลงมือตอนนี้ จะไม่ทันแล้วนะขอรับ !”

“ฮ่า ! ฮ่า ! ฮ่า !” จีหยิงหัวเราะเบา ๆ พูดว่า “นี่ไม่ใช่กองกำลังหลักของศัตรู กองกำลังหลักของศัตรูยังไม่เข้ามาในหุบเขา !”

“… ?” เมื่อแม่ทัพทั้งสองได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ทหารหนิงเหล่านี้ไม่ใช่กำลังหลัก ? นี่พวกหนิงจัดทัพแบบไหนกัน ? แล้วท่านแม่ทัพรู้ได้ยังไงว่าคนพวกนี้ไม่ใช่กองกำลังหลัก ? พวกเขาไม่เข้าใจ ทว่าพวกเขาไม่กล้าถามคำถามเพิ่มเติม ทุกคนพากันกัดริมฝีปากและเฝ้าดูทหารหนิงจำนวนมากออกจากหุบเขาไป !

หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นอีกครั้ง จนทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะยืดคอออกไปดู

ไม่นานนักกองทหารหนิงก็เข้ามาในหุบเขาอีกครา ทว่ากองทัพครั้งนี้มีขนาดใหญ่กว่าครั้งก่อนหน้า ! และเพียงเห็นแค่นี้ จีหยิงก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีก เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะไม่จำเป็นต้องถามก็รู้ได้ในทันที ว่านี่แหละคือเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาในศึกนี้ !!

เขาหันศีรษะมองไปทางรองแม่ทัพที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่าย บ่งบอกว่าเขาพร้อมที่จะส่งสัญญาณแล้ว !

ในไม่ช้ากองทัพหลักของพวกหนิงก็มาถึงบริเวณซุ่มโจมตีของกองทัพอินทรีสวรรค์ ทำให้จีหยิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ก่อนจะตั้งสติ และยกแขนขึ้นโบกในพลัน !!!

“โจมตี !”

เมื่อสิ้นคำสั่ง ก็พลันเกิดเสียงกรีดร้องอันแหลมคมจากด้านหลังของเขา …เป็นลูกศรบินที่โบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า !!

ก่อนที่กองทัพหนิงจะทันได้ตอบสนอง ก็พลันมีก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงมาจากทั้ง 2 ฝากของหุบเขา ทำให้ทั้งกองทัพหนิงตกอยู่ในความระส่ำระสาย ด้วยถึงแม้เกราะสามารถป้องกันลูกศรได้ แต่ทว่ามันก็ไม่สามารถที่จะต้านรับหินที่ตกลงมาจากยอดเขาที่สูงขนาดนี้ได้ !

ชิ้นส่วนขนาดยักษ์ตกลงกระแทกเข้ากับชุดเกราะจนเกิดเสียงเหล็กกระแทกกันดังระงม บ้างกระดูกและเส้นเอ็นหัก ส่วนคนที่หนักกว่าก็ถึงกับหัวแตกและเสียชีวิตในทันที !

“ศัตรูซุ่มโจมตี !!?” อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะจบ ก็ได้มีก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงมาบนไหล่ ทำให้สะบักไหล่และกระดูกหน้าอกของแม่ทัพหนิงนายนั้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไปพร้อมกับหลังของม้า !

…น่าเสียดายที่แม่ทัพหนิงผู้นี้ไม่มีเวลาแม้แต่จะเรียกเกราะปราณออกมาด้วยซ้ำไป !

ทว่านอกจากแม่ทัพคนนี้แล้ว ก็ยังมีแม่ทัพอีกหลายนายทีเดียว ที่ถึงจะเรียกเกราะปราณออกมาป้องกันได้ทัน แต่ก็ต้องถูกก้อนหินตกใส่ จนได้รับบาดเจ็บกันไม่มากก็น้อย !!

การซุ่มโจมตีครั้งนี้ทำให้พวกหนิงกระจัดกระจายไปทั่ว พวกเขาต่างพากันกรีดร้อง หาทางหลบหนี และถูกบีบให้หลบซ้ายขวาไปตลอดทางเพราะหินที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ในเวลานี้ทหารกว่า 5 พันนายที่จีหยิงขอมาเพิ่มได้แสดงความสามารถของพวกเขาแล้ว โดยในขณะนี้คนเหล่านั้นกำลังยืนอยู่ที่ด้านข้างของภูเขา พลางยิงลูกศรออกไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์ของกองทัพหนิงยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ ! ด้วยไม่ว่าจะหลบไปตรงไหน พวกหนิงก็จะเจอเข้ากับก้อนหินไม่ก็ลูกศรแทบจะตลอดเวลา !!!