“พวกเจ้า ลงมือเดี๋ยวนี้!” อวิ๋นฮุ่ยกล่าวสั่งเสียงเข้ม
นางเป็นเพียงปรมาจารย์ภูตระดับสาม แน่นอนว่านางไม่กล้าลงมือกับมู่อวู่ซวงผู้เป็นถึงจักรพรรดิยอดยุทธ์ด้วยตนเอง แม้ว่าร่างกายของมู่อวู่ซวงในตอนนี้จะไม่สมประกอบก็ตาม นางก็มิกล้าต่อกรกับเขาผู้นี้
— บูม! —
องครักษ์เงาระดับจักรพรรดิใต้บัญชาการของนางไม่รอช้า ลงมือโจมตีมู่อวู่ซวงทันที
การต่อสู้กับราชาไป๋กู่ที่ผ่านมนั้น ทำให้จวินโม่ซีเสียพลังไปไม่น้อย เมื่อเสียพลังไปมากเช่นนี้ใช่ว่าจะกินยาวิญญาณเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังได้ตามใจชอบ แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังต้องอดทนกัดฟันพุ่งร่างเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง
เงาร่างสีเขียวแผ่พลังจิตสังหารออกมา ชิงอิ่งก็พร้อมสู้ต่อ เขาไม่มีพลังชีวิตแต่อย่างใดจึงไม่มีการสูญเสียพลัง ขอเพียงแค่เขาได้กลืนกินยาวิญญาณเข้าไปมากพอ เขาก็จะเป็นผู้ที่ทรงพลังอย่างมากจนเรียกได้ว่าน่าประหลาดใจ
โชคดีที่มู่เฉียนซีเตรียมยาวิญญาณมาเหลือเฟือ ต่อให้สู้รบต่อไปอีกสักสามวัน ชิงอิ่งก็ยังคงสู้รบได้อย่างง่ายดาย
องครักษ์เงาตระกูลมู่นั้น หลังจากที่ได้ต่อสู้กับคนของโอวหยางหว่าน พวกเขาก็ไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงที่จะสู้ต่อไปแล้ว ณ เวลานี้กองกำลังของมู่เฉียนซีมีเพียงมู่อวู่ซวง จวินโม่ซี ชิงอิ่ง อู๋ตี้ เสี่ยวหง และตัวมู่เฉียนซีเอง
ด้วยกองกำลังคนเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้กับคนของสำนักอวิ๋นเยียน
— ตูม! —
เมื่อมู่เฉียนซีลงมือโจมตี อวิ๋นฮุ่ยถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง “หืม ? จอมภูตระดับแปด นางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบห้าสิบหกแต่เป็นถึงจอมภูตระดับแปดแล้วรึ”
ตระกูลมู่มีแต่พวกมาร มู่อวู่ซวงเพียงคนเดียวก็เป็นที่สะพรึงกลัวของคนทั้งแผ่นดินอยู่แล้ว ใครเลยจะคิดว่าหลานสาวของเขาผู้นี้ก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัว
สาวน้อยอายุเพียงสิบห้าสิบหก กลับมีพลังที่น่าสะพรึงถึงเพียงนี้ พรสวรรค์นี้เหนือกว่านางอย่างสิ้นเชิง
ใจของอวิ๋นฮุ่ยร้อนระอุสุมแน่นไปด้วยโทสะ นางเอาแส้ยาวออกมาเพื่อที่จะฆ่าสังหารมู่เฉียนซี “สาวน้อย วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย เห็นทีเจ้าคงไม่มีโอกาสไปแก้แค้นท่านพี่ของข้าแล้ว”
แส้อันโหดเหี้ยมนั้นถูกชักออกมาพลันฟาดไปที่เงาร่างนั่น ในขณะที่อวิ๋นฮุ่ยรู้สึกลำพองใจ ทันใดนั้นร่างที่นางโจมตีพลันอันตรธานหายไปไม่รู้ตัว
อวิ๋นฮุ่ยตะลึงงัน “ภาพลวงตารึ ? รวดเร็วนักนะ!”
ทันทีที่กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมา เข็มยาก็พุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง อวิ๋นฮุ่ยรู้สึกได้เลยว่าอันตรายกำลังพุ่งเข้ามาหานาง นางรีบหลบทันที
“ช่างเป็นเด็กสาวผู้มีเหลี่ยมเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก ทว่าแค่รวดเร็วจะทำอะไรข้าได้ เจ้ากับข้ายังห่างไกลกันมาก!” อวิ๋นฮุ่ยดูแคลน ขณะที่นางกำลังจะพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี ทันใดนั้นมีเสียงดังกึกก้องมาจากอีกด้านหนึ่ง
— ตูม! —
ผู้เฒ่าระดับจักรพรรดิของสำนักอวิ๋นเยียนผู้หนึ่งถูกสังหาร ทว่ามู่อวู่ซวงนั้น…
“ค่อก ๆ ๆ! แค่ก ๆ!”
“พรวด!”
มู่อวู่ซวงไม่สามารถยับยั้งพิษในร่างกายได้อีกต่อไป ผู้เฒ่าพลังระดับจักรพรรดิของสำนักอวิ๋นหยานถูกสังหารสิ้นลมคาที่ ทว่าอวิ๋นฮุ่ยกลับไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย นางกล่าวกับคนเหล่านั้น… “พวกเจ้าช่วยระวังกันหน่อย ข้าตั้งใจจะนำเอาตัวมู่อวู่ซวงไปเป็นของขวัญวันเกิดให้กับท่านพี่ของข้า หากเขาตายขึ้นมา ข้าจะเอาเรื่องพวกเจ้าแน่”
มู่เฉียนซีร้อนรนใจอย่างมาก “ท่านอา!”
ดวงตาดำสนิทคู่นั้นเผยประกายเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว ร่างมู่ฉียนซีแผ่จิตสังหารน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุดออกมา นางชักจะเหลืออดมากแล้ว
ดวงตาคู่นั้นราวจะแผดเผาวิญญาณของมนุษย์ได้ ทำให้อวิ๋นฮุ่ยลอบรู้สึกกลัวอยู่ในใจลึก ๆ นางคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวสิบห้าสิบหกผู้นี้จะมีพลังสังหารที่น่าสะพรึงกลัวได้เช่นนี้
ขณะเดียวกันนั้น บนท้องฟ้ามีแสงสีเขียวอ่อนระยิบระยับขึ้นครู่หนึ่ง จากนั้นไม่นานนัก ร่างที่งดงามราวเทพเซียนปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน ผมสีเขียวยาวสลวยลงมาจากไหล่ราวกับไหมชั้นดี ขนตาหนาเป็นแพกะพริบกระพือราวกับปีกผีเสื้อ คิ้วราวโค้งงามดั่งคันศร ใบหน้างดงามไร้ที่ติไม่ต่างจากภาพวาดเทพในนิยาย
ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายสีเขียวอ่อน ๆ ชวนให้ผู้คนหลงใหล
เขาโบกมือเบา ๆ แสงสีเขียวอ่อนปกคลุมร่างของมู่อวู่ซวงเอาไว้ ทันใดนั้นพิษโบราณที่แผ่ออกมาจากร่างของมู่อวู่ซวงอันตรธานหายไป มู่อวู่ซวงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นใบหน้าของเขาก็ดูผ่อนคลายลง
หนุ่มน้อยที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันผู้นี้ ใช้วิชาเคล็ดต้านทานสวรรค์ควบคุมอาการของมู่อวู่ซวงที่กำลังจะตายนี้เอาไว้ได้
หนุ่มน้อยผู้นี้ดูยังเยาว์นัก ราวกับเขายังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่อำนาจของพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างน่ากลัวจากเขานั้น ทำให้เหล่าบรรดาผู้เฒ่าของสำนักอวิ๋นหยานรีบเข้าไปปกป้องคุ้มกันคุณหนูสามของพวกเขา …พวกเขารู้สึกได้ว่าหนุ่มน้อยผู้นี้สามารถทำลายล้างพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ส่วนมู่เฉียนซี เมื่อนางเห็นเช่นนี้ก็กล่าวขึ้นมาด้วยความตกใจ “อาถิง!”
อาถิงสามารถออกมาจากพื้นที่ของเขาได้อย่างไรกัน ? นี่มันช่างเกินความคาดหมายของมู่เฉียนซีเสียจริง ๆ
อาถิงเปล่งเสียงอันแผ่วเบา “คนของสำนักนิกายอันดับหนึ่ง พวกเจ้ากล้าทำร้ายตระกูลมู่ที่หมอปีศาจปกป้องอยู่ พวกเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่กันแล้วใช่หรือไม่ ?”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งของสำนักอวิ๋นหยานพึมพำขึ้น “หมอปีศาจ!”
พวกเขารู้ว่าสถานที่แห่งนี้มีกากเดนของสำนักไป๋กู่หลงเหลืออยู่ พวกเขาจึงเดินทางมายังที่แห่งนี้ ระหว่างเดินทางมานั้น เมื่อมาถึงแคว้นชิงก็ได้ยินชื่อเสียงของหมอปีศาจโด่งดังเป็นอย่างมาก
พวกเขาเคยไปดูยาวิญญาณที่หอหมอปีศาจมาแล้ว ในหอหมอปีศาจมียาวิญญาณจำนวนมากที่ปรุงโดยนักปรุงยาระดับสูง นั่นก็หมายความว่าหมอปีศาจเป็นยอดแห่งนักปรุงยาเลยก็ว่าได้
นักปรุงยาระดับสูงเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนของสำนักอวิ๋นเยียน พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกิน
อวิ๋นฮุ่ย “เจ้า… หมอปีศาจ… อืม… ในเมื่อเจ้าปรากฏตัวเช่นนี้แล้ว ข้าก็จะไม่แตะต้องแม่สาวน้อยผู้นี้ก็ได้ แต่มู่อวู่ซวงข้าจำเป็นต้องเอาตัวไป”
มู่เฉียนซีโกรธจัด ใบหน้านางแดงก่ำ “เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด!”
มู่เฉียนซีสื่อสารกับอาถิงทางจิต ถามเขาว่า “อาถิง พลังของเจ้าตอนนี้แข็งแกร่งเท่าไหนหรือ ?”
“ข้าเสียพลังไปมากกับการควบคุมพิษในร่างท่านอาของเจ้า เวลานี้ความแข็งแกร่งของข้ามีมากพอให้รับมือได้แค่คนเดียวเท่านั้น”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ?” มู่เฉียนซีตกใจเล็กน้อย
“ไม่มีทางอื่นแล้ว ดูว่าจะทำให้พวกมันยอมถอยไปได้หรือไม่ หากพวกมันไม่ยอมถอย ข้าจะสกัดกั้นพวกมันเอาไว้ ส่วนเจ้ารีบพาท่านอาหนีไปให้เร็วที่สุด!”
“ได้! เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วย”
อาถิงกล่าว “พวกเจ้าบังอาจยิ่งนักที่กล้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมา พวกเจ้าไม่กลัวว่าข้าจะทำให้พวกเจ้าหายไปจากโลกนี้รึ ?!”
อวิ๋นฮุ่ย “เหอะ ต่อให้เจ้าเป็นถึงนักปรุงยาระดับสูง อย่างมากพลังของเจ้าก็คงเป็นแค่จักรพรรดิแห่งภูติระดับเก้า เจ้าคิดว่ามีเจ้าอยู่ในเวลานี้แล้วพวกข้าจะไม่กล้าลงมือเช่นนั้นรึ ? ฝันกลางวันแล้ว!”
“ลงมือ!”
ท่านผู้เฒ่าคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “คุณหนูสาม แต่นี่เป็นถึงนักปรุงยาระดับสูงเลยนะขอรับ หากว่า…”
“นักปรุงยาระดับสูงรึ ? จับตัวเขาไปด้วยเลยแล้วกัน เอาไปเป็นนักปรุงยาประจำสำนักอวิ๋นเยียนเรา จะได้ทำให้สำนักอวิ๋นเยียนของเราแข็งแกร่งขึ้น อีกประการหนึ่ง หนุ่มน้อยผู้นี้รูปงามยิ่งนัก ข้าถูกใจ”
อาถิงเห็นสายตาเช่นนี้ของอวิ๋นฮุ่ยก็รู้สึกโกรธในใจ เขามิอาจฝืนทนจึงตะโกนออกมาอย่างกราดเกรี้ยว “พวกเจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
ขณะที่พวกเขากำลังจะเผชิญหน้าต่อสู้กัน ทันใดนั้นกลิ่นอายเย็นยะเยือกก็พัดเข้ามา ภายในชั่วพริบตาเดียว บริเวณรอบ ๆ ถูกล้อมไปด้วยทหารโครงกระดูกโลหิต
บุรุษชุดดำปรากฏร่างขึ้นข้าง ๆ มู่เฉียนซี
จิ่วเยี่ย… ในที่สุดเขามาจนได้!
ดวงตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องมองอาถิง เมื่อเห็นอาถิงลงมือปกป้องสตรีของตน จิ่วเยี่ยถึงกับทนไม่ไหวตัดสินใจอย่างเด็ดขาดลงมือด้วยตัวเอง
สตรีของเขา เขาปกป้องเองได้มิต้องให้ผู้ใดมายุ่มย่าม!
อวิ๋นฮุ่ยเห็นจิ่วเยี่ยพลันนึกฉงนสงสัย นางขมวดคิ้ว กล่าวถาม “เจ้าเป็นใครกัน ? เหตุใดถึงกล้ามาแกล้งหลอกผีต่อหน้าข้าเช่นนี้ ?”
ทันใดนั้นกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ จักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้ารีบสกัดพลังนั้นออกไปและรีบรุดเข้าขวางหน้าอวิ๋นฮุ่ยเอาไว้ “คุณหนูสาม รีบถอยก่อนเถอะขอรับ บุรุษผู้มาใหม่นี้อันตรายมาก”
— ปัง! —
ทันใดนั้นร่างของจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าผู้นั้นกลายเป็นโครงกระดูกสีขาวในบัดดล และโครงกระดูกนั้นก็อันตรธานไปต่อหน้าต่อตาอวิ๋นฮุ่ยในชั่วพริบตาเดียว
ใบหน้าของอวินฮุ่ยซีดขาวราวกระดาษ นางกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวจับใจ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ?!
“อ๊าาาา!”
เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้! ใต้หล้านี้จะมีบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร ?
.