“มู่หรูเหยียน เจ้า…” โอวหยางหว่านเห็นมู่หรูเหยียนจะขายนายเอาตัวรอด พลันกรุ่นโกรธอย่างหนัก

หญิงในชุดสีเหลืองกล่าวขึ้น “คนมากขึ้นหนึ่งคนก็ดี มีเพียงคนเดียวก็สอบถามอะไรไม่ได้ เช่นนี้แล้วสามารถไปถามเอากับอีกคนหนึ่งได้”

สีหน้ามู่เฉียนซีหม่นคล้ำลงทุกที หลังจากจบเรื่องก็ยังจะมาชิงพูดขึ้นต่อหน้าพวกเขาเอาความดีความชอบ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ว่าอะไรฆ่าราชาไป๋กู่ก็ช่าง หรือจะเป็นเรื่องที่เอาตัวโอวหยางหว่านไปก็ช่าง  อย่างไรมู่เฉียนซีก็ไม่คิดว่าแม้แต่มู่หรูเหยียนยังถูกพวกเขาเอาตัวไป  ต่อมาหญิงผู้นั้นเห็นคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น เมื่อนางมองไปที่ใบหน้านิ่มนวลนั้น หญิงชุดเหลืองเผยรอยยิ้มมุมปาก กล่าวขึ้น “ที่นี่คือแคว้นจื่อเยี่ย เจ้าคงจะเป็นมู่อวู่ซวงกระมัง รูปลักษณ์ที่ดูพิเศษเช่นนี้คงจะมิใช่ใครอื่น”

ขาพิการ อย่างไรก็ต้องเป็นมู่อวู่ซวงแน่นอน

เวลานี้สีหน้ามู่อวู่ซวงดีขึ้นเล็กน้อย นี่เป็นผลจากการที่เขาได้พยายามยับยั้งสกัดคำสาปเอาไว้

มู่อวู่ซวงกล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “พวกเจ้ามีการอันใดรึ ?”

หญิงสาวชุดเหลืองก้าวยาว ๆ ไปข้างหน้าก่อนจะกล่าวขึ้น “มู่อวู่ซวง ข้านั้นเป็นคุณหนูสามสำนักอวิ๋นเยียนของสำหนักอีชิง มีนามว่าอวิ๋นฮุ่ย คิดว่าเจ้าน่าจะเคยเจอข้าแล้ว”

ดวงตามู่เฉียนซีแปรเปลี่ยนกลายเป็นเย็นชาถึงขีดสุด  หญิงชุดเหลืองผู้นี้ ที่แท้แล้วก็คือน้องสาวของผู้ที่ใช้พิษทำร้ายท่านอาเมื่อสามปีก่อน  บัดซบ!

ทั่วทั้งร่างของมู่เฉียนซีนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร นางอยากที่จะโยนขวดพิษใส่หญิงผู้นั้นและทำให้นางตายเสียเดี๋ยวนี้

“ข้าไม่รู้จัก” มู่อวู่ซวงกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา

สายตาของอวิ๋นฮุ่ยกวาดมองดวงตามู่อวู่ซวง นางกล่าวขึ้นว่า “มิใช่ว่าพี่สาวข้าได้วางพิษเพลิงมืดทำร้ายเจ้าหรอกหรือ ? เจ้ากลับจำไม่ได้เสียแล้วหรือ ? แต่ว่าสายตาของเจ้านั้นดูเหมือนว่าจะฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว  ในแคว้นเล็ก ๆ อันต่ำต้อยที่เจ้าอยู่อาศัย มีผู้ที่สามารถแก้พิษเพลิงมืดได้ด้วยรึ ?  …ช่างแปลกจริง”

ขณะที่กล่าว นางหยิบบัตรเชิญใบใหญ่สีแดงออกมา ยื่นไปที่ด้านหน้าของมู่อวู่ซวง

“มู่อวู่ซวง ข้ามาแคว้นจื่อเยี่ยในวันนี้ นอกจากมาเพื่อปราบพวกที่หลงเหลืออยู่ของสำนักไป๋กู่ ก็ยังมาเพื่อที่จะส่งบัตรเชิญให้แก่เจ้า หลังจากนี้อีกครึ่งปีก็จะเป็นวันครบรอบอายุสามสิบปีของพี่สาวข้า  หวังว่าเจ้าจะมาที่สำนักอวิ๋นเยียนของพวกเรา  สามปีมานี้พี่สาวของข้าคิดถึงเจ้ามาก คาดว่าเจ้าไปที่งานเลี้ยงฉลอง คงจะเป็นของขวัญอย่างดีชิ้นหนึ่งให้แก่พี่สาวข้า”

“เจ้าโปรดรับมันไว้” อวิ๋นฮุ่ยกล่าว

มู่อวู่ซวงยังคงกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าปฏิเสธ”

อวิ๋นฮุ่ยอึ้งงัน “เจ้าว่าอย่างไรนะ ? ข้านั้นเป็นถึงคุณหนูสามแห่งสำนักอวิ๋นเยียนของสำนักอีชิง เจ้ากล้าปฏิเสธข้ารึ ?!”

เมื่อก่อนเฟิงอวิ๋นใช้วิธีเป็นร้อยวิธีเพื่อดึงดูดมู่อวู่ซวงให้สนใจสตรี แต่มู่อวู่ซวงก็มิเคยจะสนใจเลย มาวันนี้คุณหนูสามจะทำอะไรได้ ?

“ไสหัวไป!”

มู่อวู่ซวงได้ปลดปล่อยพลังของจักรพรรดิระดับสามออกมาในทันใด มุ่งตรงไปที่อวิ๋นฮุ่ย  ทันใดนั้นเงาร่างในชุดสีดำรีบพุ่งเข้ามา “คุณหนูสาม ระวัง!”

เขาป้องกันการโจมตีของมู่อวู่ซวงทั้งหมด คนผู้นี้คือผู้ที่คอยลอบตามอารักขาอวิ๋นฮุ่ย เขาเป็นยอดฝีมือระดับจักรพรรดิวิญยาณระดับสาม ดวงตาอันแก่ชราของเขามองมาที่มู่อวู่ซวง “จักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสาม ทวีปเซี่ยโจวมีจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสามที่หนุ่มแน่นเช่นนี้ น่าเสียดายแท้ ๆ…”

สายตาของเขาหลุบลงมองขาของมู่อวู่ซวง แล้วกล่าวออกมาช้า ๆ เบา ๆ สองคำว่า ‘เสียดาย’

อวิ๋นฮุ่ยกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง “เป็นไปไม่ได้  ได้ยินมาว่าปีนี้มู่อวู่ซวงเพิ่งจะอายุเพียงยี่สิบสามปี เหตุใดจึงเป็นถึงจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสาม ?  พี่สาวข้านั้นจะสามสิบอยู่แล้วยังอยู่ในการเก็บตัวเพื่อเร่งบรรลุเป็นจักรพรรดิให้ได้ก่อนอายุสามสิบ ทันทีที่บรรลุระดับจักรพรรดิ นางก็จะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักอวิ๋นเยียนของเราแล้ว”

อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสํานักอวิ๋นเยียน! ตำแหน่งนี้มิใช่เล่น ๆ เลย

เมื่อสามปีก่อน ได้ยินมาว่ามู่อวู่ซวงอายุอานามยังไม่ถึงยี่สิบก็เป็นถึงราชายอดยุทธ์ระดับเก้า นั่นก็ทำให้น่าตกใจมากพอแล้ว  คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงผ่านไปสามปี เขาจะทะลุขั้นราชายอดยุทธ์ไปเป็นจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสาม  พรสวรรค์ระดับนี้ของมู่อวู่ซวง ในทวีปเซี่ยโจวนั้นเป็นที่ทำให้ผู้คนตกใจกันนัก

พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของมู่อวู่ซวงสามารถทําให้ผู้คนในทวีปหิมะหวาดกลัวจนตายได้

น่าเสียดายที่ถึงแม้ดวงตาของเขาเหมือนจะหายดีแล้ว แต่ขาทั้งสองข้างก็พิการเสียจนไม่อาจพิการไปมากกว่านี้ได้อีก

อวิ๋นฮุ่ยกล่าวขึ้น เสียงของนางเย็นชาเต็มที่ “ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะยอดเยี่ยม แต่ถ้าหากว่าล่วงเกินสำนักอวิ๋นเยียนของเรา ก็จะไม่ได้พบจุดจบที่ดี เจ้าควรรับบัตรเชิญไว้จะเป็นการดีที่สุด มิเช่นนั้นเจ้าและตระกูลของเจ้าจะไม่มีใครได้พบจุดจบที่ดีแน่”

เหล่าบรรดาผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ด้านข้างอวิ๋นฮุ่ย แผ่กลิ่นอายอันน่าสพรึงกลัวออกมา เวลาครึ่งปีอาจเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย รับเอาไว้ก่อน ยามที่พวกมันไปแล้วค่อยว่ากัน จะมาทำให้ซีเอ๋อร์ลำบากไปด้วยไม่ได้

ขณะที่มู่อวู่ซวงตัดสินใจประนีประนอม เงาร่างสีม่วงปรากฏขึ้นมาขวางหน้ามู่อวู่ซวงอย่างฉับพลัน  มู่เฉียนซีนางมองออกว่าอาเล็กของตนนั้นคิดเพียงแค่จะประณีประนอมชั่วคราว โดยปกติแล้วท่านอาของนางเป็นคนหยิ่งยโสอย่างมาก

แต่ก่อนไม่ว่าคุณหนูใหญ่แห่งสำนักอวิ๋นเยียนจะทรมานเขามากเพียงใด  เขาก็ไม่ยอมประณีประนอม  แต่มาวันนี้เขากลับยอมประณีประนอมก็เพราะว่าเห็นแก่หลานสาวอย่างนาง

เขาประนีประนอมเพราะนาง!

ไม่ว่าสถานการณ์ในวันนี้จะเป็นอันตรายต่อพวกเขามากน้อยเพียงใด มู่เฉียนซีก็ไม่ต้องการให้อาเล็กของนางถูกฝ่ายอธรรมเล่นงาน และแม้ว่าสถานการณ์สำหรับพวกเขา ณ เวลานี้จะเสียเปรียบเพียงใด มู่เฉียนซีก็ไม่อยากให้ท่านอาเล็กของนางถูกหมิ่นเกียรติ

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย “บัตรเชิญนี้ข้าจะรับไว้เอง”

อวิ๋นฮุ่ยมองตรงไปที่หญิงสาวชุดม่วงผู้นี้  นางงดงามเสียจนไม่เข้าท่า  ดู ๆ แล้วนางเป็นผู้อายุน้อยอยู่แท้ ๆ แต่กลับงดงามเสียยิ่งกว่าพี่สาวของนางที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งทวีปเซี่ยโจว ช่างต่างระดับทิ้งห่างกันไกลนัก

ดวงตาอวิ๋นฮุ่ยฉายแววริษยาออกมา “เจ้าเป็นใครรึสาวน้อย ?  ข้าสนทนาอยู่กับมู่อวู่ซวง ไม่มีที่ให้เจ้าเข้ามาสอดปากสอดคำ!”

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเย็น “ข้าเป็นหลานสาวของท่านอา เป็นญาติที่สนิทที่สุด ยังจะไม่มีที่ให้ข้าเข้ามาเอ่ยวาจาอีกหรือ ?”

กล่าวจบหยิบบัตรเชิญมาและฉีกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เมื่อนางโยนมันออกจากมือ เศษกระดาษพวกนั้นถูกโยนไปกระทบบนใบหน้าของอวิ๋นฮุ่ย

อวิ๋นฮุ่ยมองเศษกระดาษที่ร่วงหล่นลงมาตรงหน้า นางโกรธจนใบหน้าบูดเบี้ยว กล่าวว่า “เจ้าช่างกล้านัก ริอ่านฉีกบัตรเชิญของสำนักอีชิงทิ้ง”

ดวงตามู่เฉียนซีฉายแววเย็นยะเยือกอย่างที่สุด นางกล่าวขึ้นด้วยเสียงขรึมเข้ม แววตาท้าทายไม่ปกปิด “เจ้ามีนามว่าอวิ๋นฮุ่ยใช่หรือไม่ ?!  จงกลับไปบอกพี่สาวผู้นั้นของเจ้าเสียด้วยว่างานวันเกิดของนางหลังจากนี้ครึ่งปี  ต่อให้ข้าไม่มีบัตรเชิญข้าก็จะไป ความเจ็บปวดทรมานที่นางมอบให้ท่านอาของข้า ข้าจะมอบคืนให้แก่นางเป็นพันเท่าหมื่นเท่า”

จะเอาคืนเป็นพันเท่าหมื่นเท่า… มู่เฉียนซีเด็ดขาดอย่างยิ่ง

หญิงสาวชุดม่วงที่อยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหารเย็นยะเยือก ดวงตาสีดำสนิทของนางลุกโชนด้วยความโกรธที่น่าตกใจ

มุมปากมู่อวู่ซวงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน สายตาเขามองไปยังหลานสาวชุดม่วง  ส่วนอวิ๋นฮุ่ยและคนของสํานักอวิ๋นเยียน กลับแสดงสีหน้าเหมือนได้ยินเรื่องตลกใหญ่โต

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ครึ่งปีให้หลังเช่นนั้นรึสาวน้อย เจ้าบอกว่าอีกครึ่งปีเจ้าต้องการแก้แค้นพี่สาวของข้า พี่สาวของข้าเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งในสํานักอวิ๋นเยียนของสํานักอีชิง  ไม่พอ นางยังกำลังจะบรรลุเป็นจักรพรรดิแห่งภูต เจ้านั้นห่างกับนางตั้งหมื่นแปดพันลี้แล้วจะเอาอะไรไปแก้แค้น ?”

หญิงชุดเหลืองเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “และพี่สาวของข้ายังมีสำนักอีชิงคอยหนุนหลังเป็นโล่ป้องกัน ล่วงเกินพี่สาวของข้าก็เท่ากับล่วงเกินสำนักอีชิง เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนแห่งสำนักอีชิงสามารถทำลายสถานที่เด็กเล่นอย่างแคว้นจื่อเยี่ยแห่งนี้ของเจ้าได้อย่างสบายมือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลการค้ามู่เล็ก ๆ นี้เลย”

มู่เฉียนซีโกรดจัดทว่าพยายามระงับอารมณ์ไว้ “อย่ามัวกล่าววาจาไร้สาระมากความ เจ้าเอาคำพูดนี้ไปบอกให้ถึงนางก็พอ”

อวิ๋นฮุ่ย “ไม่ได้เห็นการฝึกตนและดวงตาของมู่อวู่ซวงฟื้นฟู ข้านั้นคิดไว้เพียงว่าจะมาส่งบัตรเชิญ  ตอนนี้ได้เห็นดวงตาของเขาฟื้นฟูโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพี่สาวข้า และพรสวรรค์ของเขาก็ดีเช่นนี้ ข้าว่าพาเขาไปที่สำนักอวิ๋นเยียนก่อนดีกว่า มีความเป็นไปได้ที่พี่สาวข้าจะยังคงสนใจเขาอยู่  …ถึงต่อให้พี่สาวข้าอยู่ในการเก็บตัวฝึกตนไม่สามารถดูแลมู่อวู่ซวงได้ ข้าเองก็สามารถดูแลแทนได้  ต้องบอกเลยว่าใบหน้าของมู่อวู่ซวงไม่เลวเลย ไม่แปลกใจที่พี่สาวข้าจะหลงเขาจนจิตใจล่องลอย”

สายตาแฝงความโลภของอวิ๋นฮุ่ยมองใบหน้าอันสง่าดั่งหยกเนื้อดี งดงามไร้ร่องรอยของมู่อวู่ซวง

มู่เฉียนซีสีหน้าหม่นลง สำนักอวิ๋นเยียนของสองพี่น้องนี้ เป็นรังหนูรังงูชัด ๆ

.