เซียวเซ่อหยางตื่นเต้นถาม “เตรียมอะไร”
“เตรียมบทพูดเพื่อเกลี้ยกล่อมคนพวกนั้น หากองค์หญิงเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยน!” ไป๋หลี่ซือซิวตอบทันที
เซียวเซ่อหยาง “หา!”
เดิมเขาคิดว่า ท่านเสนาบดีจะออกความคิดเพื่อลบล้างการตัดสินใจเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนขององค์หญิง ไฉนถึงเปลี่ยนไปเป็นเตรียมคำพูดเพื่อเกลี้ยกล่อมพวกทุกคนเล่า หรือว่าท่านเสนาบดียอมรับบทสรุปเช่นนี้ได้
เห็นเซียวเซ่อหยางหน้าตาอึ้งไป ไป๋หลี่ซือซิวรู้ว่าเขาคิดอะไร จึงรีบเอ่ยว่า “ทำไม เจ้าคิดว่าข้าจะใช้แผนการเพื่อให้องค์หญิงเชื่อฟังพวกเราหรือไง”
“หรือ…ไม่ใช่” โอวหยางเทาหน้าอึ้งทึ่ง
การกระทำที่ถูกต้อง ก็ไม่สมควรทำเช่นนี้มิใช่เหรอ
ไป๋หลี่ซือซิวมองหน้าพวกเขา “พวกเจ้าควรเข้าใจว่า ในเมื่อคิดจะติดตามองค์หญิง ก็ต้องสนับสนุนการตัดสินใจทุกอย่างของนาง อย่าคิดวางแผนอยู่ลับหลังเจ้านาย เป็นเรื่องโง่งมอย่างถึงที่สุด ไม่เหมาะสมกับการเป็นขุนนาง ภายหน้าพวกเจ้าอาจจะตายอยู่ในนี้ก็ได้!”
เมื่อเขาตอบกลับมา เซียวเซ่อหยางและโอวหยางเทาพลันตะลึงไป ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ใช่คนในราชสำนัก ดังนั้นไม่เข้าใจการเป็นขุนนาง
ไป๋หลี่ซือซิวสั่งสอนต่อ “หากไม่คิดแย่งชิงอำนาจ ก็อย่าได้คิดวางแผนการกับเจ้านายเด็ดขาด พวกเจ้าต้องจำไว้ให้มั่น!”
“ขอบคุณท่านเสนาบดีที่ชี้แนะ!”
พวกเขาสองคนรับคำ ทั้งคู่ต่างกับไป๋หลี่ซือซิว ไป๋หลี่ซือซิวเดินมาถึงตำแหน่งในทุกวันนี้ ไม่ต้องการอำนาจบัลลังก์ เตรียมกลับสู่ชีวิตสามัญชน แต่ว่าพวกเขาเพิ่งเตรียมการสร้างความชอบ เตรียมเสียสละเพื่อกอบกู้บ้านเมือง ภายหน้าก็จะเข้าสู่ราชสำนัก
ตั้งแต่เด็กพวกเขามีความฝันเป็นแม่ทัพนำทหารออกศึก เพียงเพราะวงศ์ตระกูลสั่งสอนสืบทอดให้ภักดีกับราชสำนักจงเจิ้ง ดังนั้นตระกูลจึงไม่อนุญาตให้รับราชการในราชสำนักเป่ยเฉิน
วันนี้สิ่งที่พวกเขาเฝ้ารอก็คือโอกาสนี้ ขอเพียงฟื้นฟูบ้านเมืองสำเร็จ ก็ถึงเวลาที่ความฝันเป็นจริง ดังนั้นบนหนทางการรับราชการ บนหนทางของขุนนาง สำหรับพวกเขาเป็นเรื่องสำคัญมาก
ครั้นเห็นว่าคนทั้งสองเชื่อฟังคำสอน ไป๋หลี่ซือซิวก็ยอมพูดอีกหลายคำ “พวกเจ้าจงจำไว้ต้องภักดี แต่ไม่ใช่ภักดีอย่าโง่เขลา! ไม่ภักดีอย่างโง่เขลาหมายความว่า อย่าทำตามใจตัวเอง ทรยศองค์หญิง วางกับดักองค์หญิง อีกทั้งยามพบปัญหาสมควรร้องเรียน พยายามช่วยประคับประคององค์หญิง เข้าใจที่ข้าพูดไหม”
“เข้าใจ!”
ดังนั้นต่อไปพวกเขาต้องช่วยเหลือเยี่ยเม่ย ทั้งยังต้องทำตามความต้องการของท่านเสนาบดี รีบหาทางสยบคนทั้งหลายให้ได้ กันไม่ให้หลังจากองค์หญิงเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว คนใต้บัญชาของพวกเขาจะสิ้นหวัง
แต่ว่า…
เซียวเซ่อหยางเอ่ยนิ่งๆ “ท่านเสนาบดี ข้าหวังว่าองค์หญิงจะไม่เลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ย นั่นเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลย ครั้งนี้จะทำให้จิตใจของผู้น้อยอย่างพวกเราเหน็ดเหนื่อยนัก.”
“ถูกต้อง!”
โอวหยางเทาพักหน้าเห็นด้วย
ไป๋หลี่ซือซิวถอนใจยาว เอ่ยว่า “หวังว่าองค์หญิงจะไม่ทำผิดแล้วกัน!”
……
จวนองค์ชายสี่
อวี้เหว่ยเห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับมาก็อดใจไม่ไหว วิ่งเข้าไปถาม “เตี้ยนเซี่ย เป็นอย่างไรบ้าง”
ความจริงเขารู้ว่า เตี้ยนเซี่ยออกไปยามนี้ต้องไปหาเยี่ยเม่ยแน่ อีกทั้งยังต้องโน้มน้าวให้นางแต่งงานกับเตี้ยนเซี่ย
ส่วนเขา…
ก็ไม่มีความเห็นใดๆ ขอเพียงเตี้ยนเซี่ยมีความสุขก็พอแล้ว อวี้เหว่ยกลับไม่แน่ใจว่าหลังจากเตี้ยนเซี่ยแต่งงานกับเยี่ยเม่ยแล้วได้พบความสุขที่แท้จริงหรือไม่ แต่เขามั่นใจว่า ดูจากท่าทางของเตี้ยนเซี่ยหากไม่ได้แต่งงานกับเยี่ยเม่ย ต้องไม่มีความสุขอย่างแน่นอน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ตอบ ค่อยๆ ย่างเยื้องกายอย่างสง่างามเดินเข้าห้องตัวเอง ความจริงคำพูดของเยี่ยเม่ยทำร้ายเขาไม่น้อย
จริงๆ แล้วไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาหลอกตัวเองว่าเยี่ยเม่ยแค่แสดงละครกับกูเยว่อู๋เหิน พวกเขาต่างหลอกลวง
ยิ่งเมื่อรู้ฐานะที่แท้จริงของนาง เขาก็มีความหวังอย่างที่สุด กูเยว่อู๋เหินเป็นแค่ตัวล่อที่นางใช้ในการปลีกกายจากเขา นางมิได้รักกูเยว่อู๋เหิน
จากนั้น
คำพูดของนางเหมือนกับฝนเลือดสาดกระเซ็น
คนที่นางชอบคือกูเยว่อู๋เหิน พวกเขามีสัมพันธ์ทางกายกันนานแล้วจากความหมายของนาง พวกเขาอาจแอบมีลูกด้วยกันแล้ว
จะไม่ให้เขา…รู้สึกเจ็บปวดได้หรือ
เมื่อเห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแปลกไป อวี้เหว่ยเอ่ยปาก “เตี้ยนเซี่ยหรือว่าไม่สำเร็จ แม่นางเยี่ยเม่ยยังไม่ยอมแต่งงานกับท่านเหมือนเดิม”
เดิมทีเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่คิดตอบคำถาม
แต่เมื่อเห็นท่าทีของอวี้เหว่ย หากตนเองไม่ตอบ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายจะถามไม่เลิก สุดท้ายก็ตัดสินใจตอบว่า “นางบอกจะใคร่ครวญดูก่อน เพียงแต่คนที่นางรักไม่ใช่เยี่ยน”
“เตี้ยนเซี่ย คนที่นางรักไม่ใช่ท่าน ท่านยังยืนยันจะแต่งงานกับนางอยู่หรือ” อวี้เหว่ยถามขึ้น
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้ม น้ำเสียงน่าฟังตอบว่า “ใช่แล้ว แต่เยี่ยนยินยอมแต่ง ก็ไม่ใช่ว่านางจะแต่งกับเยี่ยน!”
ข้างกายนางยังมีคนอีกมากมาย ที่เตรียมเกลี้ยกล่อมนาง
เทียบกับเสด็จอากับกูเยว่อู๋เหินเขาไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสชนะขาดลอย โดยเฉพาะกูเยว่อู๋เหินต่างกับเขาและเสด็จอาตรงที่เขามิได้แซ่เป่ยเฉิน อีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรูของเยี่ยเม่ย
นี่คือโอกาสเอาชนะที่มากที่สุดของกูเยว่อู๋เหิน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ากูเยว่อู๋เหินคือคนในใจนาง
คราวนี้อวี้เหว่ยก็เข้าใจแล้ว ตอนนี้เตี้ยนเซี่ยพบศัตรูหัวใจที่แข็งแกร่งมาก
หลังจากใช้ความคิด เขาก็กะพริบตาปริบๆ เอ่ยกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน “เตี้ยนเซี่ย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมพวกเราไม่ทำอะไรเพื่อเอาใจนางหน่อย บางทีทำเรื่องหวานชื่นหัวใจ ไม่แน่ว่าแม่นางเยี่ยเม่ยอาจซาบซึ้ง ยอมแต่งงานกับท่านก็ได้ ก็ดีกว่านั่งรอความตายนะขอรับ”
เห็นท่าทางเช่นนี้ของเตี้ยนเซี่ยก็รู้แล้วว่า เตี้ยนเซี่ยรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสชนะไม่มาก ดังนั้นไม่สู้พวกเขาลองสู้ดูสักตั้ง
ไม่แน่ว่าอาจเพิ่มโอกาสขึ้นมาหน่อย
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหันกลับมามองอวี้เหว่ยด้วยความแปลกใจ ยิ้มเอ่ยว่า “เดิมเยี่ยนคิดว่าเวลาแบบนี้เจ้าจะเกลี้ยกล่อมให้เยี่ยนปล่อยวาง!”
ในสถานการณ์แบบนี้ เหล่าผู้รับใช้อันจงรักภักดีมักกังวลว่าเจ้านายจะยิ่งถลำลึก กังวลว่าเจ้านายจะเสียเปรียบ
อวี้เหว่ยเอ่ยอย่ากล้าหาญ “เตี้ยนเซี่ย เพราะท่านต่างจากเจ้านายคนอื่น ชีวิตท่านไม่มีสิ่งของที่ใส่ใจ ดังนั้นข้าน้อยไม่กลัวท่านเสียเปรียบ เพราะไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น สูญเสียอะไร ด้วยนิสัยของท่าน ท่านก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ อย่างไรเสียท่านก็ไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”
อวี้เหว่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ยืนหยัดว่า “คนคนเดียวที่ท่านใส่ใจก็คือแม่นางเยี่ยเม่ย แล้วไฉนข้าน้อยจะไม่ช่วยท่านต่อสู้สักหน่อยเล่า”
เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเงียบไปครู่หนึ่ง ค่อยๆ ยิ้มตอบ “เยี่ยนเข้าใจแล้ว ไฉนเจ้าถึงอยู่ข้างกายเยี่ยนมาหลายปี แอบทำเรื่องไม่ดีมามาก เยี่ยนก็ยังฆ่าเจ้าไม่ลง !”
อวี้เหว่ยหัวเราะฮิๆ “เตี้ยนเซี่ยนี่ท่านกำลังชมข้าน้อย ข้าน้อยต้องโอ้อวดสักหน่อย! ท่านคิดว่าความคิดเห็นของข้าน้อยเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็ดี!”