บทที่ 146 ไม่จำเป็นต้องกังวลใจ โดย Ink Stone_Romance
ในยามที่แสงอรุณขมุกขมัว หนิงอวิ๋นเจาก็เดินออกมาจากในห้อง ยืดเหยียดร่างกายตรงทางเดินสักหน่อย พริบตาก็มาถึงเดือนเจ็ดแล้ว การสอบใกล้เข้ามาทุกที เขาก็ปรับจังหวะโดยไม่รู้ตัวด้วย กลางคืนอ่านหนังสือเพิ่มหลายเล่ม ดังนั้นหลับตื่นหนึ่งก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่
“นายน้อย นายน้อย” เสี่ยงติงรีบร้อนเข้ามาจากด้านนอก
เวลานี้เขาควรมาส่งอาหารเช้า แต่ครั้งนี้เสี่ยวติงกลับมือว่างเปล่า
“ข้าเห็นคนของเต๋อเซิ่งชางกำลังตามหาคุณหนูจวิน” เสี่ยวติงรีบร้อนเอ่ยขึ้น
นางเป็นอะไร?
หนิงอวิ๋นเจาตกใจ
…
“บอกว่าออกตรวจ?”
เช้าตรู่บนถนนคนเดินไปมาไม่มาก หนิงอวิ๋นเจาก้าวไวๆ เดินพลางเอ่ยถาม
เสี่ยวติงวิ่งเยาะตามอยู่ข้างหลัง
“ใช่ขอรับ ใช่ขอรับ” เขาเอ่ย “ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือหลอก กลางวันยังเดินวนเวียนบนถนนไม่มีคนเรียกให้รักษาอยู่เลย ดึกดื่นจะถูกเรียกไปได้อย่างไร”
“พวกพนักงานไม่รู้ว่าไปบ้านไหนหรือ?” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยถาม
“บอกว่าไม่มีพนักงานอยู่ที่โรงหมอจิ่วหลิง โรงหมอจิ่วหลิงตอนกลางคืนมีเพียงคุณหนูจวินกับหลิ่วเอ๋อร์สองคน” เสี่ยวติงเอ่ยบอก
ถึงกับเป็นเช่นนี้?
คิ้วของหนิงอวิ๋นเจาขมวด ไม่เอ่ยวาจาอีกก้าวเร็วไวไปตามถนน ไม่นานก็มองเห็นโรงหมอจิ่วหลิง
โรงหมอจิ่วหลิงคนไม่น้อยยืนอยู่ นอกจากนี้ยังมีคนเข้าๆ อออกๆ หน้าตาวิตกกังวล
ดูท่าทางเช่นนี้คนคงยังหาไม่พบ
หนิงอวิ๋นเจาหยุดเท้า
“นายน้อย เข้าไปถามดูสิขอรับ” เสี่ยวติงเอ่ย
พวกเขาก็กำลังตามหาคนอยู่ ถามพวกเขาก็ถามอะไรออกมาไม่ได้ ส่วนตนเองทะเล่อทะล่าเข้าไปถามเช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้คนของเต๋อเซิ่งชางคิดมากอีก
“ดูไปก่อนเถอะ หากไม่ไหว ข้าค่อยไปหาท่านอาคิดหาวิธี” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยขึ้น
เสี่ยวติงสีหน้าตกใจ
ไปหานายท่านรองให้ช่วยตามหาเด็กสาวคนหนึ่ง นอกจากนี้เด็กสาวคนนี้ยังเป็นคุณหนูจวิน
ครั้งนี้คนที่บ้านคงรู้กันหมดสิ?
ถ้าอย่างนั้นคนในบ้านจะคิดอย่างไร?
แต่ก็เข้าใจได้เหมือนกัน ผู้ชายที่มีคนในใจอย่างไรก็มักจะทำเรื่องโง่เขลามากจำนวนหนึ่งเสมอ
เสี่ยวติงยืนอยู่ด้านหลังเขามองโรงหมอจิ่วหลิงไม่พูดจา
แสงตะวันค่อยๆ สว่างขึ้น คนบนถนนค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น เพียงแต่คนที่เดินมาเดินไปสุดท้ายก็ยังไม่มีเด็กสาวคนนั้น
“ไป” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยขึ้นหมุนตัว
ยังรอได้ไม่เท่าไรเลย เสี่ยวติงวิตกอยู่บ้างหมุนตัวตาม
“นายน้อยพวกเราลองไปถามพวกเขาดูว่าตามหาเป็นอย่างไรบ้างเถอะขอรับ” เขาเอ่ย
“ไม่ต้องถามแล้ว พวกเขาตามหาเช่นนี้ก็ไม่ใช่หนทางแก้” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยขึ้น พ่นลมหายใจหันกลับไปมองประตูโรงหมอจิ่วหลิงอีกครั้ง “พวกเขา ยังไงก็ไม่ใช่นายหญิงผู้เฒ่าฟาง”
ทำไม่ได้และไม่กล้าทำให้เรื่องใหญ่ขึ้น
เสี่ยวติงร้องอ๋อ มองหนิงอวิ๋นเจา
แต่ท่านก็ไม่ใช่นายหญิงผู้เฒ่าฟางนะ…
ไปหานายท่านรองหนิงให้ออกหน้าตามหาคนก็ไม่ใช่เรื่องเล็กเหมือนกัน
เขาอยากจะพูดอะไร หนิงอวิ๋นเจาก็เดินก้าวยาวไปข้างหน้าแล้ว
นายน้อยอยากกล่อมคนอื่นเหตุผลเป็นชุดๆ ผู้อื่นอยากกล่อมนายน้อยเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน
เสี่ยวติงส่ายศีรษะได้แต่ตามไป เดินไปไม่ถึงสองก้าวก็เห็นหนิงอวิ๋นเจาหยุดชะงัก
เกิดอะไรขึ้น?
เขามองไปด้านหน้าโดยไม่รู้ตัว ตะลึงไปเหมือนกัน
“คุณหนูจวิน…” เขาเอ่ยพึมพำ
ตรงหน้าพวกเขานี่เอง เด็กสาวสองคนกำลังคุยเล่นหัวเราะก้าวช้าๆ มา บนร่างล้อมด้วยแสงอรุณ หน้าตาเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง แต่มีชีวิตชีวา หีบยาสะพายอยู่ข้างหลัง ธงม้วนอยู่ ในมือหลิ่วเอ๋อร์ยังหิ้วห่อกระดาษน้ำมันอยู่สองห่อ
เหมือนกับเพิ่งเดินตลาดตอนเช้ากลับมา
คงไม่ใช่เดินตลาดตอนเช้ากลับมาจริงๆ หรอกนะ?
“คุณชายหนิง” คุณหนูจวินก็มองเห็นพวกเขาแล้ว เดินเข้ามาหลายก้าวหยุดยิ้มคำนับ “บังเอิญขนาดนี้?”
ครั้งนี้หนิงอวิ๋นเจาไม่ได้ตอบว่าบังเอิญจริงๆ
“พวกเจ้าไปที่ไหนกันมา?” เขาเอ่ยถาม
“พวกเราไปตลาดเช้าทานอาหารมา” หลิ่วเอ๋อร์ตอบ
อย่างที่คิด…
เหมือนเรื่องที่เกิดที่หยางเฉิง
คนกลุ่มหนึ่งก่อความวุ่นวายสะเทือนฟ้าสะเทือนดินทั้งคืน ผลสุดท้ายเด็กสาวคนนี้หิ้วตะกร้าเดินทอดน่องกลับมา บอกว่าไปเก็บสมุนไพร
โชคดีครั้งนี้ยังไม่นับว่าเป็นเรื่องขึ้นมา
ในใจเสี่ยวติงคิด
หนิงอวิ๋นเขาก็ไม่ได้เอ่ยวาจา ยิ้ม
“คุณชายหนิง ท่านคงไม่ใช่จะเชิญคุณหนูของข้าไปทานอาหารอีกกระมัง?” หลิ่วเอ่อร์ส่งเสียงประหลาดใจ เอ่ยว่า “ครั้งนี้ไม่บังเอิญแล้ว พวกเราทานมาแล้ว”
หนิงอวิ๋นเจายิ้ม
“ใช่” เขาเอ่ย “ครั้งนี้ไม่บังเอิญจริงๆ”
คุณหนูจวินยิ้ม ส่งหีบยาให้หลิ่วเอ๋อร์
หลิ่วเอ๋อร์วันนี้หัวไวยิ่ง เข้าใจว่านี่คือคุณหนูต้องการพูดกับคุณชายหนิง นางกลอกสายตา โบกมือให้เสี่ยวติง
เสี่ยวติงเดินเข้ามาไม่เข้าใจ หลิ่วเอ๋อร์ก็ส่งห่อกระดาษน้ำมันให้เขา
“ให้เจ้าทาน” นางเอ่ย คนก็พาเสี่ยวติงถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วย
คุณหนูจวินฝั่งนี้แย้มยิ้มเปิดปากเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” นางเอ่ยถาม
“โรงหมอจิ่วหลิงของเจ้าที่นี่ทิ้งพนักงานไว้เพิ่มสักหลายคนเถอะ” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยขึ้น เขายื่นมือชี้ด้านหลังร่าง “ดูสิ ตกใจแย่กันหมดอีกแล้ว”
คุณหนูจวินมองผู้คนที่สีหน้าวิตกเข้าๆ ออกๆ ด้านนั้น พลันเข้าใจ
“นี่คิดไม่ถึงจริงๆ เป็นข้าเลินเล่อแล้ว” นางเอ่ยอย่างจริงใจ
“แม้เจ้ารับประกันได้ว่าปลอดภัยไร้อันตราย แต่ข้า..พวกข้าไม่รู้ ยังไงก็ย่อมกังวลใจ” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย
คุณหนูจวินพยักหน้า
“รู้แล้ว” นางเอ่ยจริงใจ “หลังจากนี้ข้าจะทิ้งพนักงานไว้ในร้าน กลางคืนรับรักษา ให้สองคนตามไป คนหนึ่งเฝ้าร้านรอข่าวคราว เช่นนี้ข้าไปที่ไหนทุกคนก็วางใจได้แล้ว”
เด็กสาวคนนี้บทจะดื้อก็ดื้อ แต่ผิดก็ยอมรับทันที ใจกว้างทั้งจริงใจ ไม่มีขอไปทีสักนิด
รู้ผิดทั้งยังแก้ไข นางก็เป็นเช่นนี้ เหมือนแบบนั้นที่เขาคิด
หนิงอวิ๋นเจายิ้มพยักหน้า
“รีบไปเถอะ พวกเขาร้อนใจแล้ว” เขาเอ่ย
คุณหนูจวินจะพูดอะไร พนักงานด้านนั้นก็มองเห็นคุณหนูจวินกับหลิ่วเอ๋อร์แล้ว
“ท่านผู้ดูแลใหญ่ ท่านดู คุณหนูจวินกลับมาแล้วขอรับ” พนักงานคนหนึ่งร้องตะโกน
ผู้ดูแลใหญ่รู้สึกเพียงก้าวเท้าเบาหวิวอยู่บ้าง ชั่วขณะหนึ่งมองไปก็มองไม่ชัด
“เฮ้อ มาด้วยกันกับผู้ชายคนหนึ่ง” มีพนักงานเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนจับเป็นคู่กลับมา สาวใช้หลิ่วเอ๋อร์ยังกำลังแบ่งของกับเด็กรับใช้คนนั้นอยู่อีก”
ผู้ชาย…
คนที่อยู่ที่นั่นตะลึงไป
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วมองด้านนั้น ในที่สุดก็มองเห็นคุณหนูจวินรวมถึงผู้ชายคนนั้นชัด
คุณหนูจวินกำลังยิ้มแย้มคำนับบอกลากับผู้ชายคนนั้น
“นั่นมันคุณชายตระกูลหนิง” ผู้ดูแลใหญ่หลุดปากเอ่ยขึ้น
“คุณชายตระกูลหนิงหรือ?” พนักงานคนหนึ่งเข้ามาสมทบ “แต่คนละคนกับผู้ชายคนนั้นวันนั้น”
เช้าตรู่ผู้ชายคนหนึ่งถูกคุณหนูจวินส่งออกมาจากในโรงหมอจิ่วหลิง แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาด้วยกันกับคุณหนูจวินที่ทั้งคืนไม่กลับมา ที่แท้ผู้ชายกี่คน?
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วคิดโดยไม่รู้ตัว
เขาส่ายศีรษะสลัดความคิดเหลวไหลออกไป รีบก้าวเร็วไวเข้าไปรับ
“คุณหนูจวิน ท่านไปที่ไหนมา?” เขารีบร้อนเอ่ยเสียงแหบแห้ง
คุณหนูจวินมองพวกเขาที่เดินเข้ามา สีหน้ารู้สึกผิดอยู่บ้าง
“ข้าไปรักษาคนมา” นางว่า
…
บรรยากาศตึงเครียดในโรงหมอจิ่วหลิงจางหายไปแล้ว พนักงานมากมายที่ไปๆ มาๆ ก็ไล่ไปแล้ว เหลือเพียงผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว
“ไม่ว่าอย่างไร คุณหนูจวินครั้งต่อไปท่านบุ่มบ่ามเช่นนี้ไม่ได้แล้วนะขอรับ” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยขึ้น “ที่นี่แม้อยู่ใต้เบื้องพระบาทโอรสสวรรค์ แต่ก็มีปลามังกรปะปน”
คุณหนูจวินรับคำ สีหน้าจริงใจทั้งยังสำนึกผิด
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยังอยากพูดอะไร หลิ่วเอ๋อร์ก็เดินออกมาจากด้านใน ยกชามาสองถ้วย
“คุณหนู ชาชงเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยขึ้น
“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเชิญดื่มชา” คุณหนูจวินเอ่ย ส่งสายตาให้หลิ่วเอ๋อร์ยกข้ามไป
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยืนขึ้นมารับไป
“ลำบากแม่นางหลิ่วเอ๋อร์แล้ว” เขายิ้มเอ่ย
“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วคืนวานท่านร้อนรนโจมตีจิตใจ ทั้งยังไม่ได้นอนข้ามคืน ชาสมุนไพรถ้วยนี้คลายความวิตกทำให้เลือดลมไหลคล่อง ท่านรีบดื่มเถิด ดื่มสองถ้วย คอนี่ก็ไม่แหบแล้ว” คุณหนูจวินว่า
ที่แท้ชงชาให้ตนเอง?
หลิ่วเอ๋อร์อึ้งไป ผิดคาดไปบ้าง
นายบ่าวสองคนนี้เข้าประตูมา คุณหนูจวินก็ให้หลิ่วเอ๋อร์ไปชงชา
พวกเขามายามเที่ยงคืน ทั้งรีบร้อนตามหาคน ไหนเลยทันสนชงชา ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเดิมทีคิดจะตำหนิคุณหนูจวิน คิดไม่ถึงนางจะให้สาวใช้ชงชาให้ตนเอง
ยังชงชาให้เขาเป็นพิเศษด้วย
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วพริบตารู้สึกเพียงทั้งร่างชาหนึบๆ เหมือนกับวิ่งวุ่นอยู่ข้างนอกหลายวันกลับมาถึงบ้านหลานชายตัวน้อยโถมเข้ามายัดน้ำตาลแสนหวงเข้าปากเขานาทีนั้น ความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดหายไปสิ้น
นี่ เด็กคนนี้ เจ้าคิดว่านางไม่เชื่อฟังกระทำการตามใจ แต่นางก็ทั้งรู้ความเช่นนี้ ช่างทำให้คน…ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีจริงๆ
“รีบดื่มเถิด” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย
ถ้าอย่างนั้นก็ดื่มเถอะ
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วดื่มชาคำเดียวหมด
……………………………………….