ตอนที่ 581 สินสอดร้อยขวด
เฟิ่งจิ่วเห็นว่าหลังจากสิ้นเสียง เขามองเธออย่างมีนัยลึกซึ้งคราหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวอย่างเด็ดขาดแล้วสะบัดแขนเสื้อทะยานขึ้นไปในอากาศ มุ่งไปทางประตูวัง เธอเห็นชุดคลุมดำของเขาพลิ้วไหวท่ามกลางสายลม มองร่างเขาค่อยๆ ไกลห่างและจากไปโดยไม่หันกลับมา
“สิบปี หากหลังจากสิบปีท่านยังคงยืนกรานว่าท่านรักข้า ข้าจะแต่งงานกับท่าน” เธอกระซิบเสียงเบา สายตามองอยู่ตลอด กระทั่งร่างเขาหายลับไปจากครรลองสายตาโดยสมบูรณ์ถึงจะดึงสายตากลับ สะกดความอาลัยอาวรณ์ในใจไว้ แล้วทำจิตใจให้สดใส
“เวลาสิบปีมากพอให้ข้าเติบโต หลังจากสิบปี ข้าจะมีคุณสมบัติยืนข้างกายท่านแน่นอน!” ในดวงตาเธอฉายประกายมั่นใจออกมา หลังจากมองทิศทางที่เขาลาจากอีกคราถึงจะหมุนกายจากไป
ในวันต่อมา เฟิ่งจิ่วไม่ได้ฝึกบำเพ็ญแต่กำลังปรุงยา ยาแต่ละขวดประกอบขึ้นจากมือเธอ นอกจากยาบรรลุขั้นสำหรับท่านปู่ เธอยังต้องเตรียมบางส่วนส่งเป็นสินสอดให้ตระกูลหลินด้วย
ตระกูลหลินใหญ่โตเช่นนั้น ย่อมไม่ขาดของจำพวกทรัพย์สมบัติเงินทอง แม้ในสถานที่เช่นนั้นจะมียาระดับสูงน้อยนัก และถึงพวกเขาไม่ถือสาว่าท่านปู่จะหยิบยื่นสินสอดเช่นไรให้ แต่เธอคิดว่านี่เป็นหน้าเป็นตาของตระกูลเฟิ่ง ทั้งยังเป็นการให้ความสำคัญกับท่านน้าซู่ซี จะทำตามแต่ใจเกินไปนักไม่ได้
ตระกูลเช่นตระกูลหลิน เชื่อว่ายาเช่นนี้ต้องเป็นที่ต้องการมาก แน่ใจได้ว่ายาร้อยขวดนี้ในสินสอดจะทำให้พวกเขาประหลาดใจมากแน่ๆ
ภายในเรือนปรุงยา ยาทิพย์แต่ละชนิดวางเรียงอยู่บนโต๊ะ เหลิ่งซวงคอยแยกประเภทอยู่ข้างๆ นายบ่าวสองคนหนึ่งปรุงยาอีกหนึ่งแยกประเภทสมุนไพร เนื่องจากเธอออกคำสั่งเอาไว้ หากไม่มีเรื่องสำคัญก็ไม่มีใครเข้ามารบกวน แม้แต่พวกหลัวอวี่ยังเฝ้าอยู่นอกเขตเรือน เข้าไปข้างในไม่ได้
“นายท่าน สมุนไพรยี่สิบกว่าอย่างเหลือไม่ถึงสิบแล้วเจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงทำรายการยาที่มีไม่พอยื่นให้นายดู
เฟิ่งจิ่วรับมาดู บอกว่า “พวกนี้ล้วนต้องใช้เป็นหลัก ตอนนี้เจ้าไปตลาดมืดแล้วสั่งคนนำมาเติมโดยเร็ว อย่างช้าสุดให้พวกเขาส่งมาพรุ่งนี้”
“เจ้าค่ะ” นางขานรับ แล้วออกไปยังตลาดมืดอย่างรวดเร็ว
ตัวตนภูตหมอของเฟิ่งจิ่ว หลังจากเปิดเผยใบหน้าโดยไม่สวมหน้ากากที่ตลาดมืดแคว้นเหินเวหา ช่วงนี้คนในตลาดมืดเมืองอวิ๋นเยวี่ยก็ยังรู้ด้วย ถึงอย่างไรตอนนั้นเธอที่ไม่สวมหน้ากากในแคว้นเหินเวหาก็เป็นใบหน้าแท้จริง ไม่ได้ปลอมแปลงใดๆ
ขอแค่พวกเขาใช้รูปเหมือนเธอไปตรวจสอบเล็กน้อย ย่อมสืบหาได้อย่างง่ายดายเป็นธรรมดา เพียงแต่หลังจากรู้เรื่องนี้ เธอก็สั่งพวกเขาไม่ให้แพร่งพรายออกไป คนในตลาดมืดรู้เรื่องไม่เป็นไร ถึงอย่างไรพอรู้ตัวตนแท้จริงแล้วก็ทำอะไรสะดวกสบายขึ้น
และเพราะรู้ตัวตนเธอ อีกทั้งเธอยังเป็นผู้ค้ำจุนตลาดมืด ต่อให้หัวหน้าตลาดมืดพวกนั้นรู้ก็ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนเธอออกไป เพราะข่าวทางด้านแคว้นมหาสันติกระจายไปยังตลาดมืดทุกแห่ง ชายวัยกลางคนที่พยายามสับเปลี่ยนป้ายประจำตลาดมืดไปคนนั้น จุดจบสุดท้ายต้องสะเทือนขวัญผู้คนได้แน่นอน
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง?” เธอเดินมาพักข้างโต๊ะแล้วขานเรียก
“นายท่าน ข้าอยู่ขอรับ”
เสียงหลัวอวี่ดังมาอย่างรีบร้อน เขาชะโงกศีรษะเข้าไปถามด้วยสีหน้าเอาอกเอาใจ “นายท่านมีคำสั่งอะไรหรือขอรับ ข้าน้อยต้องเข้าไปช่วยหรือไม่”
“นายท่าน พวกเราก็อยู่ขอรับ”
พวกฟั่นหลินเอ่ยปากบอกบ้าง แต่ละคนเดินจากนอกเขตเรือนมามองนางตรงประตู สายตามองๆ ภายในเรือนนั้น เพียงแต่นางไม่อนุญาต ใครก็ไม่กล้าเข้าไป
………………………………………………….
ตอนที่ 582 มุ่งหน้าไปตลาดมืด
เมื่อเห็นพวกเขาต่างเฝ้าอยู่นอกเขตเรือน เฟิ่งจิ่วส่ายหน้ายิ้มๆ “ที่นี่คือจวนตระกูลเฟิ่ง ต่อให้พวกเจ้าไม่เฝ้าไว้ก็ไม่มีใครกล้ามาโจมตีหรอก” เสียงเธอชะงักไป มองพวกเขาหลายคนแวบหนึ่ง “เช่นนี้แล้วกัน! หลัวอวี่เจ้าไปทำกระบอกระเบิดมาหน่อย ของพวกนั้นสอนองครักษ์ไว้จะดีที่สุด ให้พวกเขาทำออกมาวางเผื่อไว้ในวัง”
ได้ยินเช่นนี้ หลัวอวี่ก็หัวเราะเจ้าเล่ห์ “นายท่าน ตอนที่ท่านไปข้าสอนพวกเขาไว้แล้ว ตอนนี้ในถุงฟ้าดินทุกคนต่างมีกันหมด หนำซ้ำภายในวังยังมีเช่นกัน ต่อให้แคว้นอื่นมาโจมตี พวกเราก็มีกำลังทหารและกำลังต่อสู้มากพอจะต่อกรกับพวกเขา”
“อืม”
เธอพยักหน้า บอกว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าไปฝึกบำเพ็ญเถอะ! การพัฒนากำลังของตนเองนั้นสำคัญที่สุด ส่วนฟั่นหลิน เจ้ารู้เรื่องการแพทย์ไม่ใช่หรือ? เข้ามาช่วยข้าอีกแรงแล้วกัน!”
ฟั่นหลินได้ยินเช่นนี้ก็ยินดียิ่ง รีบขานรับว่า “ขอรับ” จากนั้นเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป เมื่อเห็นยาทิพย์พวกนั้นในเรือนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
คนอื่นๆ ต่างจนปัญญา พวกเขาไม่รู้เรื่องของจำพวกยาเหล่านั้น แต่เรื่องฝึกบำเพ็ญพวกเขาทำได้ ดังนั้นจึงประสานมือบอกลา ไม่ได้เดินไปไกล แต่นั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญพลังเร้นลับอยู่นอกเขตเรือน
หลังพักผ่อนอีกสักพัก เฟิ่งจิ่วกำชับฟั่นหลินถึงของบางอย่างที่ต้องระวัง ก่อนจะปรุงยาของตัวเองต่อ…
สองวันต่อมา ยาอีกขวดหนึ่งถูกปรุงด้วยมือเธอ เธอถอนหายใจเบาๆ คิดว่าหลายวันนี้พยายามมากพอแล้วจริงๆ เวลาสั้นๆ แค่ห้าหกวันก็ปรุงยาออกมาได้ร้อยขวด โชคดีที่จำนวนงานเช่นนี้ไม่ได้เป็นกิจวัตร มิเช่นนั้นเธอต้องเหนื่อยตายแน่
“นายท่าน ครบหนึ่งร้อยขวดพอดีขอรับ” ฟั่นหลินมองยาร้อยขวดที่วางเรียงบนโต๊ะในห้อง จิตใจค่อยๆ สงบลง และกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
หลายวันนี้ติดตามข้างกายนายท่าน เห็นยาพวกนั้นที่ต่อให้ขโมยไปข้างนอกก็ยังขายไม่ได้ถูกปรุงจากมือนางทีละขวดๆ เขามีความรู้สึกปลาบปลื้มอย่างยิ่งกับความสำเร็จจากทุกขวด แต่เมื่อผ่านไปทีละน้อย เห็นยาของนายท่านที่แทบไม่มีข้อผิดพลาดด้านยา ซ้ำยังปรุงสำเร็จโดยไม่สิ้นเปลืองยาทิพย์เหล่านั้น ยามนี้เขาจึงสงบลงมาก คิดว่าควรเป็นเช่นนี้แล้ว
“นับให้เรียบร้อยค่อยเก็บ แล้วส่งยาร้อยขวดนี้เข้าไปในวังด้วยกันกับเหลิ่งซวง”
เธอโบกมือส่งสัญญาณให้เหลิ่งซวงกับฟั่นหลินสองคนเก็บยาและส่งเข้าพระราชวัง จากนั้นค่อยเรียกสาวใช้มาเตรียมน้ำร้อนอาบ ก่อนจะไปพักผ่อนที่เตียงสักพัก ขณะกึ่งหลับกึ่งตื่นก็เหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังรางๆ
สองคนรับคำสั่งจากไป ส่วนพวกที่เหลืออยู่เฝ้าจวนตระกูลเฟิ่ง ผ่านไปประมาณสองชั่วยามพวกเขาก็กลับมา พร้อมทั้งนำข่าวดีกลับมาด้วย
เฟิ่งจิ่วที่ตื่นขึ้นมาหลังพักผ่อนไปประมาณสองชั่วยามกำลังนั่งกินขนมตรงลานบ้าน ก็เห็นสองคนนั้นเดินเข้ามา หลังจากคารว ะเหลิ่งซวงไปยืนข้างๆ ส่วนฟั่นหลินรายงานว่า
“นายท่าน ท่านผู้เฒ่าข้ามระดับบรรพชนนักรบ และก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดินักรบแล้วขอรับ”
“ข้าก็คิดเช่นกัน ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เดาว่าท่านปู่คงบรรลุขั้นแล้ว” เธอวางชามกับตะเกียบลง เช็ดๆ ปากก่อนเอ่ย “เหลิ่งซวง ไปตลาดมืดเป็นเพื่อนข้าที”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับ และมายังข้างกายนาง
“เจ้าเฝ้าเรือนไปเถอะ ควรทำอะไรก็ไปทำเสีย” เธอกล่าวกับฟั่นหลิน จากนั้นพาเหลิ่งซวงออกไปยังตลาดมืด
เฟิ่งจิ่วที่สวมกระโปรงขาวดูช่างงามผุดผ่องยิ่งนัก รูปโฉมที่เย้ายวนโดดเด่นยิ่งทำให้ไม่ว่าเธอออกมาเมื่อไรก็ล้วนดึงดูดสายตาตะลึงจากคนสัญจรบนท้องถนน
………………………………………………….