ตอนที่ 583 แลกเปลี่ยนสินค้า
เหล่าชาวบ้านเห็นสาวน้อยงามเลิศที่นั่งข้างในรถม้าเลิกผ้าม่านขึ้นเท้าแก้มมองไปด้านนอก ในใจแต่ละคนต่างรู้สึกทอดถอนใจอย่างยิ่ง
เวลานี้ไม่เหมือนวันวาน ฐานะนางจากคุณหนูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่งกลายเป็นองค์หญิง ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงเวลานั้นจวนตระกูลเฟิ่งปกครองโดยนาง วิธีการและความเยือกเย็นของนาง ชาวบ้านที่ไปมุงดูคืนนั้นต่างรู้ดี
สำหรับนาง นอกจากความตะลึงและอิจฉาก็เหลือเพียงความหวาดกลัวให้
เฟิ่งจิ่วข้างในรถม้าเคยชินกับสายตาเหล่านั้นจากชาวบ้านแล้ว แม้จะเท้าแก้มมองไปด้านนอก ความคิดกลับลอยไปไกล
ไม่รู้ว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อจะกลับถึงจักรวรรดิแล้วหรือยัง? การเดินทางจากที่นี่ไปจักรวรรดิต้องยาวไกลกว่าไปแคว้นระดับหนึ่งมากแน่ๆ สถานที่ที่ถูกเรียกว่าเมืองกลางเวหาจะเป็นสถานที่เช่นไรนะ? ว่ากันตามตรง เธอยังสงสัยมากจริงๆ
พี่ชายเธอออกไปฝึกวิชากับทหารรับจ้างตลาดมืด ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปถึงไหนแล้ว อยากจะตามหาเขาก็หาไม่เจอ แม้ท่านพ่อปล่อยข่าวที่ท่านปู่จะแต่งงานออกไป กลับไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินข่าวหรือไม่?
ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด รถม้าก็หยุดลง เสียงเหลิ่งซวงลอยมาจากด้านนอก “นายท่าน ถึงแล้วเจ้าค่ะ”
“อืม” เธอได้สติกลับมา ถึงค่อยเปิดผ้าม่านลงจากรถม้า และเดินเข้าไปด้านในตลาดมืด
ผู้ดูแลเหยียนได้ยินว่าเฟิ่งจิ่วมาจึงรีบไปเชิญหัวหน้า จากนั้นถึงจะตามหลังหัวหน้ามายังด้านหน้าด้วยกัน เห็นภูตหมอสวมชุดสีขาว ไม่เห็นกลิ่นอายชั่วร้ายเช่นวันวานโดยสิ้นเชิง ก็เร่งก้มสายตาที่พินิจมองลง และยืนอยู่ด้านหลังหัวหน้าอย่างเคร่งครัด
“เหอะๆ องค์หญิง เชิญที่ห้องปีกชั้นบนพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าตลาดมืดมองเฟิ่งจิ่วพลางหัวเราะ พร้อมทำท่ามือเชื้อเชิญขณะนำทางไปข้างหน้า จนกระทั่งเข้าห้องมา ผู้ดูแลเหยียนเฝ้าหน้าประตูด้วยตนเอง ส่วนหัวหน้ารับรองนางอยู่ด้านใน
“ได้ยินว่าใกล้ถึงงานมงคงของจักรพรรดิหลวงแล้ว ทำไมช่วงนี้ภูตหมอถึงยังมีเวลามาตลาดมืดได้?” หัวหน้าตลาดมืดถามหยอกพร้อมหัวเราะเสียงดัง จำได้ว่าตอนนั้นที่แคว้นเหินเวหาส่งรูปเหมือนมา พวกเขายังสะดุ้งตกใจเสียดื้อๆ
หากไม่ตรวจให้แน่ชัดครั้งแล้วครั้งเล่า จะอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าภูตหมอคนนี้คือเฟิ่งชิงเกอคุณหนูใหญ่แห่งจวนตระกูลเฟิ่ง และยังเป็นองค์หญิงคนปัจจุบัน แต่หลังจากรู้เรื่องที่นางคุ้มกันจวนตระเฟิ่ง ซ้ำยังต่อต้านเชื้อพระวงศ์แคว้นเหินเวหา เขากลับคิดว่าแบบนั้นต่างหากถึงจะเป็นวิธีจัดการของภูตหมอ
เมื่อนึกถึงว่าภูตหมออยู่ในเมืองอวิ๋นเยวี่ย หนำซ้ำยังเป็นองค์หญิงราชวงศ์เฟิ่งหวง หัวใจเขาตื่นเต้นขึ้นมา เดิมคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าอยู่ที่นี่ก็เป็นเพียงเครื่องเรือนตกแต่ง ทว่าหลังจากรู้ว่านางคือภูตหมอ เขาก็ตื่นเต้นดีใจมาตลอด
“ในตลาดมืดมีของมากมาย แต่ที่เมืองอวิ๋นเยวี่ยนี้กลับมีของดีเยี่ยมน้อยนัก ด้วยเหตุนี้วันนี้ข้าจึงมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากท่านหัวหน้า” เฟิ่งจิ่วยิ้มมองชายตรงหน้า
ได้ยินเช่นนี้ หัวหน้าคนนั้นก็ยิ้มๆ ถามว่า “เชิญภูตหมอว่ามาเถิด”
“ข้าต้องการพวกของวิเศษหรือวัตถุวิญญาณ ทั้งต่อสู้และป้องกันตัวข้าต้องการทั้งหมด ยังมีพาหนะเหาะเหินสองชิ้น ของพวกนี้ข้าอยากจะซื้อผ่านตลาดมืด ราคาจะต่ำเกินไปไม่ได้ นอกจากซื้อด้วยเงิน ข้ายังแลกเปลี่ยนด้วยสินค้าได้เช่นกัน”
ได้ยินคำพูดนี้ หัวหน้าคนนั้นอึ้งไปสักพัก จากนั้นในดวงตาถึงเผยความยินดี “ภูตหมอหมายความว่า ขอแค่เป็นวัตถุเวทที่ท่านถูกตาต้องใจ ก็สามารถแลกเปลี่ยนยากับทางท่านได้หรือ?”
“ใช่” เธอพยักหน้า เห็นว่าหลังจากหัวหน้าคนนั้นนิ่งไปพักหนึ่ง นัยน์ตาก็ฉายประกายตื่นเต้นยินดี
“ใต้เท้าภูตหมอ ส่วนตัวข้าก็เก็บสะสมของวิเศษไว้สองสามชิ้น ไม่รู้ว่าจะเข้าตาท่านหรือไม่”
………………………………………………….
ตอนที่ 584 ใครจะไปดี?
เขาพูดพลางหยิบของวิเศษหลายชิ้นออกมาจากในห้วงมิติ พร้อมทั้งแนะนำคุณสมบัติ แต่ของวิเศษมากมายสุดท้ายเฟิ่งจิ่วกลับถูกใจแค่อย่างเดียว เป็นพาหนะเหาะเหินที่ชื่อว่าวงล้อเหินฟ้า
“ชิ้นนี้แลกได้หรือไม่?” เธอถามพลางมองหัวหน้าตลาดมืด
“แลกได้ แลกได้แน่นอน” หัวหน้าตลาดมืดหัวเราะ ถามด้วยวาจาตั้งตารอ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าภูตหมอจะแลกเปลี่ยนอย่างไร?”
ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วก็ยิ้ม เธอชำเลืองมองหัวหน้าตลาดมืดที่มีสีหน้าเฝ้ารอคอย บอกว่า “ท่านหัวหน้าคิดอย่างไรเล่า?” ยามนี้น้ำเสียงเธอเย็นลงเล็กน้อย สายตาที่เหลือบมองไปทางเขายังมีการกล่าวเตือนบางส่วน
เห็นเช่นนี้ หัวหน้าตลาดมืดยิ้มเจื่อน ปัดความคิดที่อยากจะรีดไถยาจากนางมาสักสองสามขวดไป
เมื่อครู่เขามีความคิดเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ คิดว่านางคงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเช่นนี้ หากแลกเปลี่ยนวงล้อเหินฟ้ากับยาสองสามขวดได้ เช่นนั้นเขาก็ได้กำไรครั้งใหญ่ ถึงอย่างไรแม้วงล้อเหินฟ้านั้นก็เป็นพาหนะเหาะเหินที่ไม่เลว แต่ตนมีแค่ชิ้นเดียว เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่สู้นำออกมาแลกกับพวกยาสำหรับบรรลุขั้นยังดีกว่า
เขาได้รับข่าวว่าผู้เฒ่าเฟิ่งกลับมาไม่นานก็บรรลุกลายเป็นจักรพรรดินักรบแล้ว คนอื่นไม่รู้แต่เขารู้ ต้องเป็นฝีมือภูตหมอที่ใช้ยาช่วยให้บรรลุขั้นแน่
หากวรยุทธ์เขาบรรลุขั้นได้อีก ขอแค่พลังผ่านเกณฑ์ก็ย้ายไปที่อื่นได้แล้ว แม้ยามนี้ราชวงศ์เฟิ่งหวงไม่เหมือนแต่ก่อน แต่เขายังอยากทำงานในตลาดมืดของแคว้นระดับสูงพวกนั้น
มีเพียงสถานที่เช่นนั้น เรื่องและข้อมูลที่ได้สัมผัสถึงจะยิ่งมากขึ้น
“เรื่องนี้ว่ากันตามราคาท้องตลาด แลกกับยาบรรลุขั้นของภูตหมอหนึ่งขวดถึงจะได้”
เขาเอ่ยปาก สีหน้าเกรงใจอยู่บ้าง เห็นสายตานางจ้องเขาตลอด เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม จึงพูดขึ้นทันควัน “อืม เช่นนี้แล้วกัน! ของวิเศษชิ้นนี้ภูตหมอเก็บไว้เถอะ เป็นเช่นนี้จริงๆ ก็ได้แล้ว”
ในใจเขาทอดถอนใจเบาๆ เดิมอยากรีดไถนางสักก้อนใหญ่ ใครจะรู้ว่าไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย
ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วถึงจะหยิบยาออกมาหนึ่งขวด ขณะเดียวกันก็เก็บวัตถุเวทสองชิ้นมา บอกว่า “เช่นนี้ก่อนแล้วกัน! ที่เหลือยังต้องขอท่านหัวหน้าช่วยข้าคอยระวัง ข้าต้องไปก่อน” หลังจากพยักหน้า เธอก็พาเหลิ่งซวงออกจากห้องปีก
หลังออกจากตลาดมืด เธอนั่งรถม้ามุ่งไปยังพระราชวัง
บนท้องพระโรง เฟิ่งเซียวกำลังปรึกษาหารืออะไรบางอย่างกับคนอื่นๆ ได้ยินทหารอารักขาด้านนอกเข้ามารายงาน บอกว่าองค์หญิงกลับมาแล้ว จึงเงยหน้ามองไปโดยพลัน กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคน กระทั่งผ่านไปสักพักถึงจะเห็นลูกสาวเดินมาทางนี้ด้วยฝีเท้านวยนาด
“ท่านพ่อ” เธอขานเรียก ก่อนจะเดินเข้ามา สายตามองผ่านบนร่างเหล่าองครักษ์วัยกลางคน
“คุณหนูใหญ่” พวกเขาคารวะ กล่าวกับเฟิ่งเซียวว่า “ข้าน้อยขอตัวก่อน” พูดจบก็ถอยห่างออกไป
“เสี่ยวจิ่ว ข้ากำลังจะไปหาเจ้าเลย! มาสิ มานั่งตรงนี้ ข้าจะให้เจ้าดูกำหนดการช่วงนี้เสียหน่อย” เขากวักมือเรียกให้เธอเดินเข้าไป
เฟิ่งจิ่วเดินหน้ามานั่งลงข้างกายเขา
“สินสอดทั้งหมดเตรียมไว้พอประมาณแล้ว ข้าอยากถามว่าการส่งสินสอดให้ใครไปจะเหมาะสมที่สุด?” เรื่องนี้เดิมควรเป็นเรื่องที่คนเบื้องล่างต้องจัดการ แต่เฟิ่งจิ่วมีความคิดของตัวเองเสมอมา เขาคิดว่าเรื่องนี้ลองถามนางเสียหน่อยอาจจะดีกว่า
“เรื่องนี้หรือ!” แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย คิดไปคิดมาก็เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้น ถึงเวลาข้าจะไปเป็นตัวแทนท่านปู่เองเจ้าค่ะ!”