ตอนที่ 585 ส่งสินสอดเมืองซานเจียง
เฟิ่งเซียวได้ยินเช่นนี้แล้วลังเลนิดหน่อย “ชะ เช่นนี้จะเหมาะสมหรือ?”
“ทำไมจะไม่เหมาะ? หนำซ้ำสินสอดมากมายเพียงนั้นต้องใช้เรือเหาะส่งไปถึงจะได้ มิเช่นนั้นจะส่งไปอย่างไรกัน? ดังนั้นหากพูดถึงเรื่องนี้ ให้ข้าไปเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วเจ้าค่ะ” เฟิ่งจิ่วยิ้มเบาๆ ถามอีกว่า “แต่ท่านพ่อ ถึงเวลานั้นพวกเราต้องไปสู่ขอที่เมืองซานเจียง หรือพวกเขาต้องมาหาที่พักที่นี่ก่อน แล้วเราค่อยไปสู่ขอเจ้าคะ? เหมือนข้าจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้สักนิดจริงๆ!”
“เรื่องนี้เอง เจ้าไปถึงที่นั่นก็ถามเสียหน่อยแล้วกัน พวกเขาคงมีกำหนดการของตัวเอง” เขาพูดจบก็ครุ่นคิดเล็กน้อย บอกว่า “เด็กผู้หญิงไปคนเดียวคงไม่ได้ เช่นนี้แล้วกัน! ไปเชิญผู้เฒ่าเกิ่งมาร่วมทางกับเจ้า ถือว่ามีผู้อาวุโสสักคนข้างกาย หากมีตรงไหนไม่เข้าใจเขาจะบอกได้”
ครั้นได้ยินว่าเป็นผู้เฒ่าเกิ่ง เฟิ่งจิ่วพยักหน้า “ได้เจ้าค่ะ”
“ข้าวของสินสอดเตรียมไว้เรียบร้อยหมดแล้ว เจ้าคิดจะเริ่มเดินทางเมื่อใด?” เขาถามอีก
เฟิ่งจิ่วขบคิดในใจเล็กน้อย คิดๆ แล้วก็บอกว่า “พรุ่งนี้เจ้าค่ะ! ประเดี๋ยวข้าจะจอดเรือเหาะไว้หน้าประตูวัง ขนย้ายสินสอดขึ้นไปก่อน แล้วสำรวจคนที่จะไปส่งสินสอดพร้อมกันให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ก็ออกเดินทางเจ้าค่ะ”
“ดี เช่นนั้นเจ้าไปบอกท่านปู่ด้วย ข้าจะไปตระกูลเกิ่งด้วยตัวเอง เพื่อเชิญผู้เฒ่าเกิ่งร่วมทางไปกับเจ้า” กล่าวจบเขาลุกยืนขึ้นแล้วเดินออกไป
เฟิ่งจิ่วมายังสถานที่ที่ท่านปู่ฝึกบำเพ็ญ เมื่อหาเขาพบก็บอกกล่าวเรื่องราวกับเขาสักพัก ซ้ำยังตรวจดูสภาพร่างกาย และให้ยาบรรลุขั้นเขาไว้อีกหน่อย
“ท่านปู่ แม้ยาจะช่วยให้บรรลุขั้นได้แต่ก็ไม่ต้องหักโหม ในช่วงนี้ตามสภาพร่างกายท่าน จะใช้ได้แค่สองขวดนะเจ้าคะ”
เธอมองท่านปู่ตรงหน้าที่บรรลุระดับจักรพรรดินักรบแล้ว รูปลักษณ์จึงเปลี่ยนไปบ้าง กล่าวต่อไปว่า “ยาสองขวดนี้ใช้หมด ไม่ว่าท่านบรรลุถึงระดับไหน ก็ได้แต่ต้องหยุดไว้ก่อน จะฝึกบำเพ็ญอีกไม่ได้”
“เหอะๆ แม่หนูเฟิ่ง เจ้าวางใจเถอะ! ปู่กินเกลือมายังมากกว่าเจ้ากินข้าวอีก เหตุผลข้อนี้ข้ารู้ดี สบายใจเถอะ! จิตใจข้าตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้นแล้ว” ผู้เฒ่าเฟิ่งพูดยิ้มพลางลูบเครา แล้วกำชับอีกว่า “มีตาเฒ่าเกิ่งไปเป็นเพื่อนเจ้า ปู่ก็สบายใจ”
“เช่นนั้นก็ดี ข้ากลับไปก่อนนะเจ้าคะ ยังต้องจัดการธุระอีกหน่อย” เธอพูดยิ้มๆ หลังจากบอกลาเขาถึงจะหมุนตัวจากไป
การส่งสินสอดครั้งนี้ นอกจากคนที่ท่านพ่อจัดแจงไว้เรียบร้อย เธอยังต้องพาพวกหลัวอวี่แปดคนกับเหลิ่งซวงไปด้วย ส่วนเหลิ่งหวาก็อยู่ดูแลงานต่างๆ ในจวนตระกูลเฟิ่งไป
เช้าตรู่วันต่อมา เมื่อเรือเหาะลำหรูหราจอดลงตรงประตูวังก็ทำให้พวกชาวบ้านพากันมุงดู โดยเฉพาะอักษรคู่สีแดงพวกนั้นที่แปะไว้บนเรือ ยิ่งทำให้ชาวบ้านต่างประหลาดใจ
“ได้ยินว่าคนที่จักรพรรดิหลวงจะไปสู่ขอเป็นบุตรสาวตระกูลหนึ่งในแคว้นใหญ่ระดับสาม นี่คงไปส่งสินสอดสินะ!”
“ผู้ครองแคว้นประกาศข่าวเอง คำเชิญสำหรับทุกแคว้นโดยรอบล้วนส่งไปหมดแล้ว วันมงคลใหญ่คือวันที่สิบสามเดือนสิบสอง ถึงเวลาต้องคึกคักมากแน่ๆ”
“เป็นเช่นนั้นแน่นอน นี่เป็นงานของท่านผู้เฒ่า ไม่สิ เป็นงานแต่งของจักรพรรดิหลวง ต้องจัดอย่างสมเกียรติแน่นอน”
“พวกเจ้าดูสิ นั่นท่านผู้เฒ่าเกิ่ง ได้ยินว่าเมื่อวานผู้ครองแคว้นไปเยี่ยมด้วยตัวเองเพื่อเชิญเขาร่วมไปส่งสินสอดด้วย”
ด้านหน้าเรือเหาะ ผู้เฒ่าเกิ่งที่ไม่ได้สวมชุดคลุมสีเทาเช่นเมื่อก่อนสวมชุดคลุมทำขึ้นใหม่ ชุดคลุมสีน้ำตาลซึ่งมีลวดลายเล็กน้อยทำให้เขาดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น เมื่อเขาเห็นร่างนั้นเดินออกมาจากด้านใน ดวงตาก็เป็นประกาย
………………………………………………….
ตอนที่ 586 ยึดติด
ร่างสีขาวที่เดินมาจากประตูวังมีย่างก้าวอ่อนช้อยสง่างาม ชุดกระโปรงพลิ้วไหวเบาๆ ท่ามกลางสายลมอ่อน นางวางท่าผ่าเผยสละสลวย มีกลิ่นอายสูงศักดิ์ ผู้ติดตามข้างกายคือเหลิ่งซวงผู้มีรูปโฉมงดงามเย็นชาในชุดสีดำ ห่างไปอีกหนึ่งก้าวด้านหลังคือองครักษ์ตระกูลเฟิ่งทั้งแปดผู้มีหน้าตาหล่อเหลาท่าทางโดดเด่น ภายใต้กลุ่มคนที่รายล้อมพวกนี้ เฟิ่งจิ่วในชุดสีขาวยิ่งดูสูงส่งไร้คนเทียบเทียม
“ท่านปู่เกิ่ง” เฟิ่งจิ่วขานเรียก ทักทายด้วยใบหน้ามีรอยยิ้ม “ต้องรบกวนท่านแล้ว”
“เหอะๆๆ ไม่หรอกๆ เป็นเกียรติของข้าเช่นกัน! ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะเสียงดัง ท่าทางอารมณ์ดียิ่ง
เฟิ่งจิ่วยิ้มเล็กน้อย บอกกับพวกคนด้านหลังว่า “ไปดูทีว่าของเตรียมไว้ดีแล้วหรือยัง?”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
พวกเขาเดินไปทางเรือเหาะ หัวใจต่างประหม่าขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาตามนายท่านออกไปด้านนอก แม้ใบหน้าไม่แสดงออก แต่หลังจากรู้ข่าวนี้ตั้งแต่เมื่อคืน พวกเขาก็นอนไม่หลับมาตลอด
เฟิ่งจิ่วกับผู้เฒ่าเกิ่งกำลังคุยกัน ส่วนทางนั้นตรวจนับสินสอดกับไพร่พล ไม่นานนักพวกเขาก็เดินเข้ามารายงาน
“นายท่าน สินสอดและไพร่พลต่างครบถ้วนแล้ว เตรียมตัวออกเดินทางได้ทุกเมื่อขอรับ”
ผู้เฒ่าเกิ่งพยักหน้า หันกายก้าวขึ้นเรือเหาะ ขณะที่เหยียบลงบนเรือเหาะลำนี้ ในใจเขาเต็มไปด้วยความทอดถอนใจ ไม่นึกว่าการนั่งเรือเหาะครั้งแรกจะเป็นการเดินทางไปส่งสินสอดให้เหล่าเฟิ่ง ช่างนึกไม่ถึงจริงๆ!
รอจนทุกคนขึ้นเรือแล้ว หลังจากให้พวกเขานั่งกันเรียบร้อย เฟิ่งจิ่วก็เริ่มเคลื่อนเรือเหาะไปยังแคว้นมหาสันติ…
ทางอีกด้านหนึ่ง ณ แคว้นเหินเวหา ภายในพระราชวัง ยามได้ยินข่าวล่าสุดที่ราชวงศ์เฟิ่งหวงส่งมา รัชทายาทเนี่ยเถิงนั่งขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ แววตาทั้งชั่วร้ายและไม่ยอมแพ้ เทียบกับท่าทางยามที่พบเฟิ่งจิ่วครั้งแรก ตอนนี้ทั่วร่างเขามีกลิ่นอายร้ายกาจกระจายออกมา
“ราชวงศ์เฟิ่งหวง เฟิ่งชิงเกอ? หรือว่าเฟิ่งจิ่ว? ยังมีผู้ชายคนนั้นอีก? เป็นใครกันแน่?”
หลังจากกลับมา เขาถูกเสด็จพ่อสั่งสอนอย่างดุร้าย ซ้ำยังสั่งแล้วสั่งอีกว่าอย่าไปยั่วยุคนราชวงศ์เฟิ่งหวง ก่อนจะเรียกคนข้างกายเขาพวกนั้นที่ใช้การได้กลับไป ด้วยเกรงว่าเขาจะทนไม่ไหวและไปยุ่งกับราชวงศ์เฟิ่งหวงอีก
แต่เขาได้รับความอับอายมากเพียงนั้น จะยอมแพ้เช่นนี้ได้อย่างไร!
สำหรับสาวน้อยงามล้ำที่ซุกซนเอาแต่ใจและงดงามราวเปลวไฟ เขาเปลี่ยนจากความชอบใจในวินาทีแรกกลายเป็นความยึด ให้เขาปล่อยไปหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร!
แต่เมื่อนึกถึงชายชุดคลุมดำคนนั้นและกลุ่มอำนาจเบื้องหลัง เนี่ยเถิงกลับไร้เรี่ยวแรงไปชั่วขณะหนึ่ง
เจ้าตำหนักยมราช ชายคนนั้นเป็นเจ้าแห่งตำหนักยมราชกลุ่มอำนาจที่กระจายไปทั่วทุกแคว้นใหญ่! เนี่ยเถิงจะมีกำลังไปสู้กับเขาได้เช่นไร? แค่นึกถึงแรงกดดันทำลายล้างโลกที่แฝงมากับแววตาเย็นเยียบดุดัน ถึงตอนนี้หัวใจเขาก็ยังคงสั่นเทิ้มอยู่บ้าง
มือเขากำหมัดขึ้นแน่น นัยน์ตาฉายประกายว่าจะต้องได้มาครอง กล่าวเสียงเบาว่า “ข้าไม่ปล่อยไปหรอก! เฟิ่งชิงเกอ ข้าจะต้องได้ตัวเจ้ามา!”
แคว้นมหาสันติ ภายในตระกูลหลินเมืองซานเจียง
ตั้งแต่ผู้เฒ่าเฟิ่งจากไป ซู่ซีก็นั่งเกียจคร้านมาตลอด เฝ้ามองไปโดยไม่สนใจอะไรเลย หลายวันนี้พูดได้ว่าใช้ชีวิตนับวันเวลาไปวันๆ
เมื่อหลินป๋อเหิงกับหลินเฉิงจื้อเดินเข้ามา เห็นนางนั่งเท้าคางอยู่ในลานบ้าน สองคนมองหน้ากัน จากนั้นหลินเฉิงจื้อขานเรียกอย่างยิ้มแย้ม “ท่านน้า วันนี้อากาศไม่เลว ออกไปเดินเล่นไม่ดีกว่าหรือ?”