บทที่ 22 เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตพยายามจะชำระหนี้

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 22 เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตพยายามจะชำระหนี้

พายุแห่งความขัดแย้งภายนอกไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถาบันเซนต์แมเรียนมากนัก

ไม่มีการสมคบคิดอะไรมากมายในหมู่จอมเวทฝึกหัด

วันอาทิตย์แรกของการเปิดถนนนักเดินทางได้ผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางเสียงร้องเรียนบ่อยครั้ง

จากนั้นนักเรียนใหม่ก็เข้าสู่คาบแรกของสัปดาห์ที่ห้า

ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ยังคงเข้ามาในชั้นเรียนตรงเวลา ทว่าเธอไม่ได้ใช้การ์ด [เงียบสงัด] อีกต่อไป เพราะนักเรียนใหม่ได้เรียนรู้ในครั้งนั้นแล้ว

“เริ่มจากสัปดาห์นี้ เราจะเรียนรู้วิธีการใช้อัญเชิญในระหว่างการประลอง!”

การอัญเชิญนั้นมีเวลาร่ายและช่วงเวลาร่าย

พลังเวทมนตร์มีทั้งการส่งออกของพลัง ช่วงเวลาที่ส่งออกสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง และรวมไปถึงขีดจำกัดสูงสุดของการใช้พลังเวทมนตร์

เมื่อพลังเวทมนตร์เหลือน้อยลง พลังที่ส่งออกไปก็จะยิ่งลดน้อยลง

ดังนั้นวิธีการใช้พลังเวทที่มีจำกัดเพื่อปลดปล่อยการอัญเชิญหลายครั้งในช่วงเวลาเดียวกันอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอที่สุด จึงเป็นจุดที่ทุกคนจำเป็นต้องพิจารณาเป็นพิเศษ

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการบริหารพลังเวทมนตร์และการจัดการเวลาเป็นหลัก ซึ่งจำเป็นต้องมีการคำนวณทางคณิตศาสตร์เข้ามาช่วย!

จอมเวทไข่มังกรดาดาวิชีเคยกล่าวไว้ว่าคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานของจอมเวททั้งหมด!

ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้หรือการค้นคว้า ก็ไม่อาจแยกออกจากคณิตศาสตร์ได้!

เดือนนี้ดาร์กได้ประเมินพลังเวทมนตร์ของตัวเองแล้ว

ปริมาณพลังเวทมนตร์ทั้งหมดของเขายังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเกินค่ามาตรฐานของนักเรียนปีที่สามไปแล้ว

ส่วนคุณภาพของพลังเวทมนตร์นั้นใกล้เคียงกับนักเรียนชั้นปีสอง แม้จะอยู่ในสภาพที่ไม่มีการปรับแต่งก็ตาม

แต่กับพลังที่ส่งออกนั้นดูจะเกินจริงไปหน่อย

ด้วยการอัญเชิญแบบปกติที่เขาเชี่ยวชาญในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับ ‘พลังส่งออกติดขัด’ ที่เกิดจากการร่ายอย่างต่อเนื่อง

ในฐานะนักเรียนดีเด่นจากนักเรียนชั้นปีหนึ่ง เวลาที่ใช้ในการอัญเชิญปกติของดาร์กถูกบีบอัดให้เหลือน้อยกว่าสิบวินาที เช่นเดียวกันกับการคูลดาวน์ของอัญเชิญ

นี่หมายความว่าเขาสามารถใช้การอัญเชิญแบบปกติเพื่อเปิดใช้งานการ์ดเวทมนตร์สามครั้งในหนึ่งนาที

‘ใช้การอัญเชิญแบบปกติ เพื่อเปิดใช้งานการ์ดเวทมนตร์สามใบอย่างต่อเนื่อง ภายในหนึ่งนาที’ นี่คือหนึ่งในบททดสอบสุดท้ายของวิชาอัญเชิญปีแรก

และด้วยความสามารถในการทำแบบฝึกหัดของทั้งภาคเรียนจนเสร็จภายในเวลาไม่ถึงเดือน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ดาร์กจะเป็นที่ชื่นชอบของอาจารย์

คาบวิชาอัญเชิญวันนี้ก็ยังเรียนกับนักเรียนของบ้านอัศวิน

ดาร์กนั่งในตำแหน่งเดิมและมองภาพรวมในห้องเรียนแบบพาโนรามา

เขาเข้าใจเนื้อหาที่ศาสตราจารย์ซิลเวอร์จะสอนในวันนี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการกระตุ้นค่า [โลภะ] ในคาบเรียนตอนนี้ แต่อย่างไรก็ยังต้องให้ความสนใจกับค่า [เกียจคร้าน] อยู่ดี เพราะงั้นดาร์กถึงนำหนังสือออกมาอ่านตามปกติ

เนื่องจากหนังสือทุกเล่มที่เขาอ่านมีความเกี่ยวข้องกับวิชาที่เรียน อาจารย์จึงมักไม่ว่าอะไรกับหนังสือพวกนั้น และเพื่อนบางคนก็เริ่มที่จะพูดคุยกับเขา

ตัวอย่างเช่น หนังสือที่ดาร์กกำลังอ่านอยู่คือ ‘การอัญเชิญพันธะวิญญาณของจอมเวทสีชาด – ความแตกต่างระหว่างการอัญเชิญสปิริตกับการอัญเชิญเวทมนตร์อื่น ๆ’

มีการเพิ่มแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า ‘พันธะ’ ซึ่งถือเป็นรากฐานของ ‘การอัญเชิญพันธะวิญญาณ’

เมื่อแนวคิดนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรก มันก็ถูกเย้ยหยันโดยจอมเวทหลายคน

นักวิชาการเชื่อว่าระดับสติปัญญาของสปิริตสูงสุดอยู่ที่สอง ซึ่งต่ำกว่าระดับ 2.5 ของวิญญาณรับใช้ครึ่งหน่วย ดังนั้นความสามารถในการสั่งให้พวกมันโจมตีและหลบหลีกจึงมีขีดจำกัด ส่วนวิธีการสื่อสารกับสปิริตและสร้างพันธะทางวิญญาณนั้นมันเป็นความฝันที่โง่เขลา!

แต่ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปหลังจากที่จอมเวทสีชาดขึ้นสู่การประลองชิงแชมป์ระดับอาณาจักรในปีนั้น!

พลังของการอัญเชิญพันธะวิญญาณเริ่มมีค่า และเหล่าจอมเวทเริ่มมองว่าการ์ดวิญญาณเป็น ‘สิ่งมีชีวิต’ และบางคนถึงกับพูดกับการ์ดวิญญาณ

ผู้บ้าคลั่งบางคนถึงกับถ่ายเทวิญญาณของพวกเขาเข้าไปในการ์ดเวทมนตร์ เพื่อพยายามสร้าง [พันธะ] โดยการเพิ่มระดับสติปัญญาของสปิริต เพื่อให้สปิริตระเบิดพลังที่มันแสดงให้เห็นบนการ์ดได้

แต่ดาร์กยังไปไม่ถึงจุดนั้น หนังสือในมือของเขาส่วนใหญ่พูดถึงแค่วิธีสื่อสารกับสปิริตและรับการตอบสนองจากสปิริตเพื่อลดการใช้พลังเวทมนตร์และเวลาร่ายในการอัญเชิญมันเท่านั้น

นอกจากนี้ เพื่อที่จะย่นระยะเวลาร่ายอัญเชิญสปิริตให้สั้นลง ก็จำเป็นต้องฝึกฝนความรู้ในหนังสือเล่มนี้

“ฉันได้ยินมาว่าศาสตราจารย์เคเซอร์จะสอนเราถึงวิธีทำการ์ดวิญญาณใบแรกในเนื้อหาถัดไป เมื่อสร้างขึ้นมาได้แล้ว เราจะสามารถใช้ความรู้นี้ได้”

ดาร์กอดคิดไม่ได้ว่าสปิริตตัวแรกของเขาจะเป็นอย่างไร

และเวลานั้นเอง เขาก็เห็นโรเบิร์ตและเวอร์เธอร์กำลังคุยกระซิบกระซาบกัน ราวกับกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่

เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตยังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องเรียน ซึ่งอยู่ใกล้กับประตูหลัง

โรเบิร์ตเหลือบมองไปทางหน้าต่างราวกับหัวขโมยและกระซิบว่า “เห็นไหม ฉันบอกนายแล้วว่าศาสตราจารย์จะไม่เรียกคนที่นั่งที่ด้านหลัง นายเห็นไหมว่าช่วงนี้เดม่อนก็ไม่ได้ถูกเรียกบ่อยแล้ว!”

“นายกำลังพูดถึงดาร์กอยู่หรือเปล่า?” เวอร์เธอร์ยังคงกระซิบอีกว่า “ยังไงก็เถอะ เราต้องเก็บคะแนนให้ได้! ภายในวันนี้ นายต้องได้สี่สิบคะแนน!”

โรเบิร์ตคำนวณ “ไม่ต้องห่วง 10+10+10+10 เท่ากับสี่สิบคะแนน! เรียนแค่สองคาบเท่านั้น!”

เวอร์เธอร์ “เยี่ยมเลย…”

ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ “กาวด์ เธอช่วยตอบคำถามนี้หน่อยได้ไหม? วิธีปรับลมหายใจให้ถูกต้องระหว่างการเปลี่ยนคาถาอัญเชิญสองคาถาเรียกว่าอะไร?”

เวอร์เธอร์ “…”

ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ “ฉันหวังว่าเธอจะจริงจังในชั้นเรียนมากกว่านี้นะ! หักห้าคะแนนสำหรับกาวด์!”

เวอร์เธอร์ถาม “โรเบิร์ต ฉันควรทำยังไงดี!”

โรเบิร์ตตอบ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องเครียด วันนี้มีสามคาบ จะเสียอีกสิบห้าคะแนนก็ไม่เป็นไร!”

เวอร์เธอร์ “สิบห้าคะแนน โชคร้ายแค่ไหนก็ไม่เกินขนาดนั้นหรอก”

โรเบิร์ต “ไม่ต้องห่วง เวอร์เธอร์”

คาบเรียนอัญเชิญสิ้นสุดลงภายใต้สายตาอันเยือกเย็นของศาสตราจารย์ซิลเวอร์

ในห้องเรียนวิชาเวทมนตร์ ศาสตราจารย์เคเซอร์เข้ามาในห้องก่อนหน้านี้ห้านาที แต่นักเรียนไม่สงบลงด้วยเหตุนี้ บางคนถึงกับถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “ศาสตราจารย์ วันนี้คุณจะสอนวิธีทำการ์ดวิญญาณกับเราจริง ๆ เหรอครับ?”

“แน่นอน” ศาสตราจารย์เคเซอร์ค่อย ๆ ดึงการ์ดเวทมนตร์ออกจากแขนเสื้อของเขาและเปิดใช้งาน

จากนั้นกล่องซึ่งดูหนักก็ปรากฏขึ้นบนแท่น

ศาสตราจารย์เคเซอร์ปรบมือและถามขึ้นว่า “มีใครจะช่วยฉันแจกจ่ายวัตถุดิบในกล่องนี้ไหม?”

“หนูค่ะ!”

“ผมครับ!”

หลังจากทั้งคู่ตอบ เอ็มม่าก็ลุกขึ้นจากที่นั่งเงียบ ๆ และเริ่มแจกจ่ายวัตถุดิบ

ในที่สุด นักเรียนที่ส่งเสียงดังสุดก็ได้แต่มอง

ศาสตราจารย์เคเซอร์ยิ้ม “มอร์ติส หนึ่งชุดต่อคนนะ”

เอ็มม่าตอบ “ค่ะ ศาสตราจารย์”

ดาร์กเป็นคนสุดท้ายที่ได้

นี่คือชุดวัตถุดิบในกระเป๋าใส และข้างในมีการ์ดเวทมนตร์เปล่าอยู่สองใบ!

เห็นได้เลยว่าราคาพื้นฐานของชุดวัตถุดิบนี้สูงกว่ายี่สิบคะแนน!