บทที่ 23 แมวของดาร์ก เดม่อนก็คลานเข้าไปในกล่องเช่นกัน

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 23 แมวของดาร์ก เดม่อนก็คลานเข้าไปในกล่องเช่นกัน

“เอาล่ะ! มาเริ่มเรียนกันเลย”

ศาสตราจารย์เคเซอร์รอเสียงกริ่งดังขึ้นก่อนจะเดินไปที่กลางโพเดียม

เขามองดูนักเรียนในห้องเรียนที่เป็นเหมือนลูกแกะตัวน้อยที่กำลังรอคอยอาหาร และก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอ่อนโยนราวกับแสงอาทิตย์

“ฉันเชื่อว่านักเรียนทุกคนได้สอบถามเรื่องคาบเรียนของวันนี้จากรุ่นพี่แล้ว อย่างที่พวกเธอคิด วิชาเวทมนตร์พื้นฐานของวันนี้จะเป็นภาคปฏิบัติ เราจะสร้างการ์ดวิญญาณใบแรกกัน!”

“ว้าว!”

ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนของบ้านขุนนางหรือนักเรียนของบ้านอัศวิน พวกเขาต่างก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้น

เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่นักเรียนใหม่เข้าสู่สถาบันเซนต์แมเรียน แต่พวกเขากลับเพิ่งได้เริ่มสร้างการ์ดวิญญาณใบแรก! เหล่านักเรียนแทบรอไม่ไหวที่จะสร้างมันขึ้นมา เพราะพวกเขาย่อมตื่นเต้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แน่นอน ถ้าเป็นวิชาของศาสตราจารย์ซิลเวอร์ พวกเขาคงไม่กล้าส่งเสียงดัง…

ศาสตราจารย์เคเซอร์ให้เวลาพวกเขาสองนาทีในการสงบสติอารมณ์ แล้วพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า “จะตื่นเต้นก็ไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าฟุ้งซ่านระหว่างเรียนล่ะ คาบเรียนวันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อจอมเวทฝึกหัดทุกคน สปิริตตัวแรกในชีวิตของจอมเวทมักจะเป็นคู่หูที่ใกล้ชิดกับพวกเขาไปตลอดชีวิต”

ขณะที่พูด เขาก็ดีดนิ้วและหลังจากนั้นการ์ดวิญญาณที่มีแสงแวววาวก็ปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของเขา

หลังจากนั้น โดยไม่ต้องร่ายคาถาใด ๆ สปิริตที่เหมือนลูกแมวดวงตาสีทอง มีปีกสีขาวและเขาแหลมเล็ก ๆ บนหน้าผากก็ปรากฏขึ้นจากการ์ดใบนั้น

“นี่คือสปิริตตัวแรกของฉัน สัตว์อสูรขนนกหิมะตาทอง”

“ศาสตราจารย์คะ!”

จู่ ๆ เด็กหญิงจากบ้านอัศวินก็ยกมือขึ้นเพื่อถามคำถาม

หลังจากที่ศาสตราจารย์เคเซอร์พยักหน้า เธอก็ถามต่อไปว่า “สัตว์อสูรตัวนี้เป็นหัวข้อของเราในวันนี้หรือเปล่าคะ?”

ศาสตราจารย์เคเซอร์พูดอย่างตลกขบขัน “แน่นอนว่าไม่ ดูเหมือนว่านักเรียนรุ่นพี่จะไม่ได้บอกอะไรเธอมากนักนะ หัวข้อของเราในวันนี้คือ สัตว์อสูรมายา!”

“สัตว์อสูรมายา?”

ดาร์กหยุดพลิกหน้าหนังสือเรียน

นักเรียนก็เริ่มกระซิบกัน

สิ่งที่เรียกว่าสัตว์อสูรมายาเป็นสัตว์อสูรประเภทเงาลวงตาที่ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน ในตำนานเล่าว่าพวกมันมองเห็นด้วยตาเปล่าไม่ได้ด้วยซ้ำ!

“ไม่มีทาง? ( ๑ ° ㅁ ° ๑)

ไดแอนนาถามอย่างโง่เขลาว่า “ในหนังสือบอกไว้ว่าสัตว์อสูรมายามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าไม่ใช่เหรอคะ?”

ศาสตราจารย์เคเซอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “รากเหง้าของสัตว์อสูรมายานั้นมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็จริง แต่เราจอมเวทสามารถทำให้มองเห็นได้ เอาล่ะ เก็บหนังสือเรียนไป เรื่องที่ฉันจะสอนเธอไม่ได้เขียนไว้ในนั้น”

เขาเขียนว่า ‘สัตว์อสูรมายา’ บนกระดานดำและกล่าวว่า

“ก่อนที่มนุษย์จะมองเห็นสัตว์อสูรมายา รูปร่างของพวกมันนั้นไม่แน่นอน อาจเป็นแมว สุนัข หรือแม้แต่มังกรก็ได้! สัตว์อสูรมายานั้นต่างคนก็เห็นเป็นคนละรูปร่าง”

“แต่สปิริตต่างจากสัตว์อสูรมายาตัวจริง ตั้งแต่วินาทีแรกที่พวกมันถูกสร้างขึ้น จอมเวทจะจำพวกมันได้ หลังจากได้รับการยอมรับจากจอมเวทแล้ว พวกมันจะได้คงอยู่ในรูปแบบที่จอมเวทเห็นเสมอ”

“สำหรับรูปร่างจะเป็นอย่างไร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความปรารถนาในใจของพวกเธอ”

“คาบเรียนวันนี้ ฉันจะสอนวิธีทำการ์ดสัตว์อสูรมายาตั้งแต่ต้นจนจบ และพวกเธอมีวัตถุดิบที่เพียงพอสำหรับการ์ดสองใบ หากทำได้ดี เธอก็สามารถมีสัตว์อสูรมายาได้สองตัว แต่ถ้าล้มเหลว… แน่นอนเธอจะไม่ได้รับอะไรเลย!”

สิ้นคำพูดนั้น เสียงสนทนาอันแผ่วเบาในห้องเรียนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

แม้แต่เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตก็อดไม่ได้ที่จะประหม่า และพวกเขาก็ลืมปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาไปเสียแล้ว

ศาสตราจารย์เคเซอร์ก็หยุดพูดเรื่องเก่าและหยุดเล่าเรื่องด้วย เขาเริ่มอธิบายขั้นตอนในการทำสัตว์อสูรมายาอย่างละเอียด และเขียนไว้บนกระดานดำ

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง หัวข้อทั้งหมดก็ถูกอธิบาย

คาบเรียนที่เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงให้นักเรียนได้ฝึกฝนสิ่งที่ได้เรียนรู้

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะสร้างการ์ดวิญญาณ และมันจะไม่ได้ราบรื่นอย่างแน่นอน

เหตุผลในการเตรียมวัตถุดิบสองชุดก็คือ ให้มีโอกาสในการได้ลองผิดลองถูก

ศาสตราจารย์เคเซอร์ก้าวออกจากแท่นโพเดียมและสังเกตอย่างถี่ถ้วน

ที่แถวสุดท้ายบริเวณริมหน้าต่างของห้องเรียน

ดาร์กได้เริ่มสร้างการ์ดวิญญาณสำหรับสัตว์อสูรมายา

คำอธิบายของศาสตราจารย์เคเซอร์เกี่ยวกับสัตว์อสูรมายานี้ทำให้เขานึกถึงแมวของชโรดิงเจอร์*[1]

แมวที่น่าสงสารได้ตายไปหลายปีแล้ว แต่ผู้คนยังคงถามซ้ำ ๆ ว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว

เนื่องจากประสบการณ์อันยาวนานของเขาในการสร้างการ์ดเวทมนตร์ ดาร์กจึงสามารถเริ่มต้นได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ

เขาจัดประเภทของที่ต้องใช้ทดลองทั้งหมดอย่างรวดเร็วตามหมายเหตุบนกระดานดำ ผสม หั่น และสุดท้ายแบ่งเป็นแผ่นเล็ก ๆ แล้ววางลงบนโต๊ะ ดาร์กทำตามขั้นตอนแต่ละขั้นตอนอย่างระมัดระวัง

องค์ประกอบหลักของสัตว์อสูรมายาคือ ขนยาวโปร่งแสงที่ถูกผนึกไว้ในถุงสูญญากาศ

ฉลากบนถุงระบุว่าเป็นขนของสัตว์อสูรมายา แต่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษก่อนที่จะถูกผนึก เพื่อให้ความโปร่งแสงของเส้นขนยาวนี้ลดลงเล็กน้อย และสามารถมองเห็นได้จาง ๆ ด้วยตาเปล่า

มีขนเพียงสองเส้นในชุดวัตถุดิบทั้งหมด

จะเห็นได้ว่าขนของสัตว์อสูรมายาตัวจริงนั้นเป็นวัตถุดิบที่มีค่ามาก

วงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์หลักสำหรับการสร้างการ์ดวิญญาณ คือวงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์หมายเลข 1

วงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์หมายเลข 1 เรียกอีกอย่างว่า ‘วงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์แห่งเมอร์ลิน’ ซึ่งถูกสร้างขึ้นครั้งแรกโดยจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่อย่างเมอร์ลิน แต่ถูกพัฒนาจนสมบูรณ์หลังจากผ่านไปแล้วหลายชั่วอายุคน

จอมเวทระดับสูงต้องการเพียงแค่ร่ายวงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์หมายเลข 1 บนรูปปั้น และด้วยพลังงานเวทมนตร์มหาศาล รูปปั้นก็จะสามารถ ‘ฟื้นคืนชีพ’ และกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนโกเลมได้!

นี่คือวงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ สิ่งที่มันแอบเข้าไปไม่ใช่แค่ประตูแห่งความจริง แต่เป็นความลับที่อยู่ในหัวใจของชีวิต!

หลังจากเมอร์ลินก็ไม่มีใครสามารถสร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้ได้

ก่อนที่จะเริ่มต้นสร้างการ์ด ดาร์กก็ได้ฝึกวาดวงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์หลายแบบไว้

เขาไม่ได้เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการสร้างจนกระทั่งยืนยันได้ว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว

ขณะเดียวกัน ในตอนนี้ก็มีนักเรียนจำนวนมากได้เริ่มต้นแล้ว

พวกเขาต้มส่วนผสม หั่นเป็นชิ้น ๆ และเพิ่มสิ่งต่าง ๆ ลงในการ์ดเวทมนตร์เปล่า ความรู้สึกคือแทบรอไม่ไหวที่จะยัดทุกอย่างลงในการ์ดเวทมนตร์โดยคิดเพียงว่าสัตว์อสูรมายาจะโผล่ออกมาจากในนั้น…

ศาสตราจารย์เคเซอร์เดินผ่านเด็กเหล่านี้และไม่พูดอะไรมาก

บางคนแค่ต้องประสบกับความล้มเหลวก่อนที่จะเข้าใจถึงคุณค่าของความสำเร็จ

เวอร์เธอร์กับโรเบิร์ตกำลังเตรียมวัตถุดิบเหมือนทำแกงกะหรี่

ไดแอนนาและโรสได้เรียนรู้ความผิดพลาดของพวกเธอในอดีตแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเธอจะเดินตามรอยของดาร์ก

แม้ว่าความคืบหน้าจะช้ากว่า แต่ก็ไม่ได้ประมาท

ประสิทธิภาพของเอ็มม่าถือว่าสูงที่สุดในห้องเรียน เธอเริ่มเพิ่มวงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์ลงในการ์ดเวทมนตร์เปล่าแล้ว

ระหว่างกระบวนการสร้าง เธอมองไปยังโต๊ะแถวสุดท้ายของห้องเรียนอย่างระมัดระวังเป็นครั้งคราว

และดาร์กที่อยู่มุมแถวสุดท้ายนั้นก็เร่งความเร็วขึ้น

*[1] ทฤษฎีแมวของชโรดิงเจอร์ คือ การทดลองที่นำแมวไปไว้ในกล่องที่มีสารกัมมันตรังสี และเกิดเป็นคำถามว่า แมวตัวนั้นตายหรือไม่ จึงเปรียบว่า หากไม่ลองเปิดกล่องดูก็จะไม่มีวันรู้ว่าแมวตัวนั้นของชโรดิงเจอร์ตายหรือไม่