บทที่ 225
มีคนอ้วนสองคนหน้าตาแทบจะเหมือนกัน ยืนอยู่ข้างจ้าวคั่ว แม้เทียบกับศิษย์พี่ใหญ่อู๋เหวยไม่ได้ แต่อ้วนจริงๆ เป็นสองพี่น้องผางไห่กับผางเทาที่ชอบเปิดพนันที่ลู่ฝานเจอตอนขัดแย้งกับพวกเหลิ่งหาน คิดไม่ถึงว่าพวกเขาเป็นนักเรียนยอดฝีมือของคณะกำแหง

“พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!”

นักเรียนขึ้นมาอีกห้าคน ครั้งนี้เป็นศิษย์ของคณะกระบี่

ชุดนักบู๊สีเขียวแกมน้ำเงิน ปักรูปกระบี่ลอยฟ้าด้านบน

ศิษย์คณะกระบี่ทั้งห้าคน มีกระบี่ยาวหนึ่งเมตรด้านหลัง ไม่มีใครผิดแปลกไปเลย

คนที่ยืนตรงกลาง ดูคล้ายอาจารย์เสวียนเจินของคณะกระบี่ ตัวตรง รูปร่างผอม ดูเหมือนกระบี่เล่มหนึ่ง ลู่ฝานถามว่า “คนเก่งที่สุดของคณะกระบี่คือเขาเหรอ”

อาจารย์เต้ากวงยังไม่ทันพูด ฉู่เทียนตอบว่า “ใช่ ศิษย์น้องลู่ฝาน สายตาเฉียบแหลมมาก เขาเก่งสุดในคณะกระบี่ กระบี่ยาวหนึ่งเมตร เลือดไหลสิบเมตร เดินสิบก้าวฆ่าหนึ่งคน ปราบยุทธภพได้ ชื่อว่า กระบีหนึ่งเมตร เสวียนเฟิง”

หานเฟิงพูดต่อ “เขาเป็นลูกชายของอาจารย์เสวียนเจิน ว่ากันว่าได้รับการถ่ายทอดอย่างแท้จริงจากอาจารย์เสวียนเจิน อีกทั้งยังฝึกเพลงกระบี่หนึ่งเมตรของคณะกระบี่สำเร็จแล้ว เป็นที่สองในอันดับบู๊ ผลการฝึกตนต้องแดนปราณนอกขั้น7ขึ้นไป ยังไงฉันก็สู้ไม่ได้ ศิษย์พี่ใหญ่ ถึงตอนนั้นฝากคนนี้ด้วย”

ศิษย์พี่ใหญ่หันมาปรายตามองหานเฟิง แล้วกลอกตามองบน

ลู่ฝานพยักหน้า ดูเหมือนนักเรียนแต่ละคณะไม่ด้อยเลย

จากนั้นนักเรียนคณะฟ้าร้องขึ้นมา

สิ่งที่เหนือความคาดหมาย นักเรียนคณะฟ้าร้องขึ้นมาเพียงสี่คน ครูและอาจารย์บนเวทีขมวดคิ้วเบาๆ

อาจารย์เมิ่งอวิ๋นของคณะบังเหินพูดว่า “ทำไมคณะฟ้าร้องขึ้นมาแค่สี่คน”

อาจารย์ฮั่วซานของคณะฟ้าร้องพูดอย่างราบเรียบ “ช่วงนี้หลัวตานศิษย์ของฉัน กำลังฝึกวิชาสายฟ้าฟาดห้าธาตุ อีก 2-3 วันจะออกมาได้ ดังนั้นจึงไม่ได้มา”

เมื่อพูดออกมา มีเสียงฮือฮาเกิดขึ้นทันที

“วิชาสายฟ้าฟาดห้าธาตุเหรอ”

“มีคนฝึกวิชาสายฟ้าฟาดห้าธาตุที่แข็งแกร่งสุดของคณะฟ้าร้องได้แล้ว ว่ากันว่าห้าสิบปี ยังไม่มีใครฝึกได้”

“การต่อสู้จัดอันดับครั้งนี้น่าดูแล้วล่ะ คณะฟ้าร้องต้องพุ่งทะยานแน่นอน”

……

ใบหน้าฮั่วซานมีรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าความสำเร็จของหลัวตาน ทำให้เขามีความสุขและพอใจมาก

อาจารย์คนอื่นมีสีหน้าประหลาด โดยเฉพาะอาจารย์ของคณะ ที่ลำดับเหนือกว่าคณะฟ้าร้อง ยิ่งกังวลขึ้นมาในใจ ถ้าหลัวตานฝึกวิชาสายฟ้าฟาดห้าธาตุของคณะฟ้าร้องสำเร็จ แม้เป็นเพียงก้าวแรก ก็เพียงพอข่มขวัญอันดับของพวกเขาได้แล้ว

หานเฟิงฟังพวกเขาคุยกัน แสยะยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ “แค่วิชาสายฟ้าฟาดห้าธาตุ แค่ไม่มีใครฝึกได้ห้าสิบปีเอง เพลงเต๋าหนึ่งเดียวของคณะหนึ่งเดียวไม่มีคนฝึกสำเร็จไม่รู้ตั้งกี่ปี ครั้งนี้ศิษย์น้องลู่ฝานเราก็ฝึก……”

ฉู่สิงรีบเอามือปิดปากหานเฟิง ฉู่เทียนตบหัวหานเฟิงอย่างแรง

“พูดน้อยลงนายจะตายใช่ไหม กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไง”

ลู่ฝานยิ้มมุมปาก ปราณชี่ในร่างกายเคลื่อนไหว พลังวิญญาณ หึหึ ตอนนี้ไม่ใช่แค่นั้นแล้ว

เสียงพูดคุยยังดังต่อไป นักเรียนยอดฝีมือคณะศิงขรขึ้นมา

นักเรียนห้าคนสวมเสื้อผ้าห้าสี เป็นชายสี่คนและหญิงหนึ่งคน ออร่าบนตัวพอๆ กัน แยกไม่ออกว่าใครเก่งกว่ากัน

เมื่อเห็นห้าคนนี้ อาจารย์เต้ากวงยิ้มบางๆ “ตาเฒ่าชีหลินอบรมลูกศิษย์แปลกขึ้นทุกวัน ไม่สอนเคล็ดวิชาบู๊ดีๆ สอนให้ศิษย์ฝึกค่ายกลปราณมังกร นี่ช่าง……”

ลู่ฝานไม่เข้าใจ จึงถามว่า “อาจารย์เต้ากวง อะไรคือค่ายกลปราณมังกร”

อาจารย์เต้ากวงโบกมือไปมา “ไม่นานนายก็จะรู้เอง”

ลู่ฝานส่งเสียงตอบรับ

ตอนนี้กลุ่มคนอลหม่านวุ่นวาย สาวงามห้าคนขึ้นไปด้านบน

หานเฟิงตาเป็นประกาย “สาวงามคณะสงบใจขึ้นมาแล้ว ฮ่าๆ ศิษย์น้องลู่ฝาน ศิษย์น้องหลิงเหยาคนรักเก่าของนายก็อยู่ด้วยนิ”

ลู่ฝานถลึงตาใส่หานเฟิง ปากไม่มีหูรูดจริงๆ ถ้าหลิงเหยาได้ยินคงไม่ดี

แต่หลิงเหยาคงไม่ได้ยินเสียงของหานเฟิง

เพราะผู้ชายคณะอื่น เห็นสาวงามห้าคนของคณะสงบใจขึ้นมา ต่างพากันส่งเสียงอย่างบ้าคลั่ง

“ศิษย์น้องเยียนหราน มาอยู่ในอ้อมอกฉันเถอะ”

“ศิษย์น้องหลิงเหยา ฉันรักเธอ”

“ศิษย์พี่หมิงจู ยอมมีลูกให้ฉันไหม”

……

เสียงตะโกนดังขึ้นลงเหมือนคลื่นน้ำ

นักเรียนยอดฝีมือที่ขึ้นมาก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนี้ ตอนนี้นักเรียนชายทั้งหมดของสถาบัน พากันตะโกนเสียงสูง

หานเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เขาตะโกนว่า “ศิษย์พี่ม่านเหยียน ผมเคยเห็นเสื้อในคุณแล้ว คุณยอมกับผมเถอะ”

ลู่ฝานหน้าแดง จู่ๆ เขารู้สึกว่าคิดผิดแล้ว ที่ออกจากการเก็บตัวตอนนี้

สาวงามทั้งห้าของคณะสงบใจยืนนิ่ง จู่ๆ หลิงเหยาหันมามองทางลู่ฝาน

ทั้งสองสบตากัน หลิงเหยาหน้าแดง ยิ้มออกมาบางๆ

ลู่ฝานก็ยิ้มอย่างสดใสเช่นกัน