“โอ๊ย ศิษย์น้องลู่ฝานแอบส่งซิก”
หานเฟิงชนไหล่ลู่ฝาน ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยขึ้น
ฉู่สิงกับฉู่เทียนก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ฉู่เทียนตบหัวหานเฟิง แล้วพูดว่า “อย่าเอาความจริงมาพูด”
ตอนนี้ลู่ฝานหน้าด้านพอแล้ว พูดอย่างไม่อายว่า “พวกพี่อิจฉา”
หานเฟิงยืดหลังตรง “อิจฉานายเหรอ ศิษย์พี่นายมีคนหลงรักเป็นหมื่น มีฉายาว่าจ้าวปราบสาว”
ศิษย์พี่ใหญ่ลูบท้อง แล้วพูดว่า “อืม เรื่องนี้ฉันยืนยันได้ ถือโอกาสพูดหน่อยละกัน ถ้าฉันผอมลง ก็เป็นหนุ่มหล่อเหมือนกัน”
ลู่ฝานและคนอื่นหัวเราะออกมา แม้แต่อาจารย์เต้ากวง ก็ยังหัวเราะอย่างมีความสุข
นี่คือบรรยากาศของคณะหนึ่งเดียว ความรักของศิษย์พี่ศิษย์น้องคณะหนึ่งเดียว เป็นมิตรภาพพี่น้องที่ไม่เห็นในคณะอื่น
ถัดมาเป็นนักเรียนยอดฝีมือห้าคนของคณะบังเหิน
สามคนแรกที่ขึ้นมาลู่ฝานไม่รู้จัก แต่สองคนหลังทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าลู่ฝานชะงักไป โดยเฉพาะผู้หญิงที่ขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย
จางเยว่หาน!
จางเยว่หานสวมชุดนักบู๊สีม่วงอ่อน เธอดูห้าวหาญและยังคงสง่างาม
ผมสยายพลิ้วไหว ริมฝีปากแดง ดูออกเลยว่าเธอแต่งหน้าอ่อนๆ ก่อนขึ้นมา
ร่างกายมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ความงดงามไม่เหมือนกับนักเรียนคณะสงบใจ ที่สวมชุดคลุมยาวปกปิดร่างกาย จางเยว่หานดูมีเสน่ห์กว่า
เธอเรียกเสียงฮือฮาจากนักเรียนชายได้ไม่น้อยเช่นกัน หันมายิ้มอย่างสดใส ความงดงามของรอยยิ้ม ทำให้นักเรียนชายที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เพ้อฝันไปทันที
ลู่ฝานมองเธออย่างราบเรียบ เขาไม่รู้ว่าจางเยว่หานทำอย่างไร ถึงโดดเด่นในบรรดายอดฝีมือของคณะบังเหิน
และไม่รู้ว่าทำไมจางเยว่หานถึงกลายเป็นคนหลากหลายบุคลิก จากที่ตอนนั้นเธอใสซื่อบริสุทธิ์มาก
เวลาเป็นสิ่งน่ากลัวจริงๆ มันทำให้คนเปลี่ยนไป จนจำคนสนิทที่สุดในตอนนั้นหายไปแล้ว
แน่นอนว่าจางเยว่หานเปลี่ยนไปอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ลู่ฝานมองแวบหนึ่ง แล้วละสายตาออกมา
ทั้งเจ็ดคณะขึ้นมาแล้ว ตอนนี้เหลือแค่คณะหนึ่งเดียวกับคณะหยินหยาง ที่ยังไม่ได้ขึ้นไป
ลู่ฝานและคนอื่น ไม่รีบร้อนสักนิด หานเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “เราขึ้นไปเป็นคณะสุดท้ายทุกปี ทำไมปีนี้ต้องทำให้แตกต่างล่ะ คนเก่งกาจต้องขึ้นไปเป็นคนสุดท้าย ไม่เห็นเหรอว่าท่านผอ. มาทีหลังทุกครั้ง พวกเขาจะไปรู้อะไร ศิษย์น้องลู่ฝาน พวกเรานั่งนิ่งๆ ให้พวกเลวคณะหยิงหยางขึ้นไปก่อน!”
ลู่ฝานพยักหน้า นั่งอยู่นิ่งๆ
รอไม่นาน นักเรียนยอดฝีมือของคณะหยินหยางขึ้นไป
นักเรียนทั้งห้าคน สวมชุดคลุมยาวสีขาวดำ
นี่เป็นชุดนักบู๊ ที่เป็นเอกลักษณ์ของคณะหยินหยาง ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของคณะพวกเขา สิ่งสำคัญกว่านั้น แค่วัสดุของเสื้อผ้าเพียงชุดเดียว เท่ากับอาวุธไม่ธรรมดาหนึ่งชิ้น
วัสดุของเสื้อผ้า เอามาจากสัตว์อสูรที่ชื่อว่าสัตว์เกราะ ที่อยู่ลึกลงไปในเทือกเขาฉิงเทียน
ใช้หนังของมันทำเป็นเสื้อผ้า ไม่เพียงแต่มีพลังป้องกันที่น่ากลัว น้ำไฟทำอะไรไม่ได้ ยังสามารถใส่พลังปราณเข้าไป เพื่อแผดเผามัน ระยะเวลาสั้นๆ สามารถปล่อยทะเลเพลิงออกมาได้
ราคาของชุดนี้เทียบได้กับยาชีวิตระดับห้าหนึ่งเม็ด นักเรียนคณะอื่น ไม่ได้สวัสดิการดีขนาดนี้
ทั้งห้าคนขึ้นไป คนที่นำมาคือเอี๋ยนชิง
แววตาโหดเหี้ยม เอี๋ยนชิงมองไปทางคณะหนึ่งเดียวตลอดเวลา
เมื่อกี้เขามองลู่ฝานเดินออกมาจากจวนอากาศธาตุอยู่ตลอดเวลา เขาขยับปาก ลู่ฝานได้ยินเสียงที่ส่งมาจากเอี๋ยนชิง
“ดีมากที่นายไม่ตายอยู่ข้างใน ฉันขอชีวิตนายละกัน”
ลู่ฝานขยับปากเบาๆ เช่นกัน
เอี๋ยนชิงได้ยินเสียงลู่ฝานดังข้างหูอย่างชัดเจน
“วางใจเถอะ ฉันจะไปสั่งสอนนายที่คณะหยินหยาง”
เอี๋ยนชิงหรี่ตาลง
เขาก็ใช้พลังปราณส่งเสียงเป็นเหมือนกันเหรอ