ตอนที่ 330 : ผลลัพธ์
ตอนนี้ตระกูลตงฟางเหมือนจะถอนตัวจากการประมูลเกราะนี้แล้ว ดังนั้นจึงเหลือแค่เฉี่ยนเจินเฉียน, ฮวงเทียนเจวี๋ยนและ จางจื้อเฉียงที่ยังแข่งกันต่อ
ทั้งสามเริ่มการต่อสู้อีกครั้ง
“53,100 ล้าน”
ด้วยการที่ตระกูลตงฟางถอนตัวไป ฮวงเทียนเจวี๋ยนก็ทำการเพิ่มราคาขึ้นมาทันที “53,200 ล้าน”
เฉี่ยนเจินเฉียนเองก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “53,500 ล้าน”
“53,600 ล้าน” จางจื้อเฉียงมองไปที่เฉี่ยนเจินเฉียนและฮวงเทียนเจวี๋ยน ก่อนจะพูดขึ้น “ เกราะนี้พวกนายยกให้ฉันเถอะ พวกนายก็รู้ว่าฉันต้องการเกราะนี้มากแค่ไหน ”
“53,700 ล้าน” ฮวงเทียนเจวี๋ยนพูดขึ้น “ ขอโทษด้วย ฉันเองก็ขาดเกราะระดับสูงเหมือนกัน ผลงานของท่านหลู่น่ะไม่อาจจะมองข้ามได้”
สำหรับพวกเขาแล้ว ท่านหลู่นั้นคือบุคคลที่น่าชื่นชม เขาคือคนสำคัญที่ทำให้ผ่านยุคหายนะมาได้ คนในอดีตต่างก็เล่าให้ลูกหลานฟังถึงความอันตรายของยุคหายนะเพื่อให้คนในอนาคตไม่ลืมเลือนยุคนี้ไป
“54,000 ล้าน” เฉี่ยนเจินเฉียนพูดขึ้น “ ขอโทษด้วย ฉันเองก็อยากได้เกราะนี่ พวกนายถอนตัวไปเถอะ ฉันจะชดใช้ให้พวกนายทีหลัง”
“54,100 ล้าน” ชัดแล้วว่าฮวงเทียนเจวี๋ยนนั้นไม่คิดจะถอย “ ชดเชยกะผีสิ ฉันแค่อยากได้เกราะนี่ จะเอาอะไรมาชดเชยได้”
“งั้นไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว มาดูกันว่าเงินที่นายกับฉันมีใครจะมากกว่ากัน ใครมากกว่าคนนั้นก็ได้ไป”
“54,500 ล้าน ฉันเองก็ไม่กลัว”
“55,000 ล้าน พวกนายไม่มีทางชนะฉันหรอก ”
“55,500 ล้าน อย่าคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่นายคิด”
“56,000 ล้าน มาดูกัน”
“56,500 ล้าน ฉันไม่ยอมหรอก ”
….
เสียงของทั้งสามคนดังก้องออกมาจนทุกคนได้ยินมัน
หวังเย่าที่อยู่บนชั้นสองได้ยิ้มออกมา ทั้งสามคนยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน พวกเขาไม่มีใครคิดจะยอมใครจริง ๆ
กองกำลังอื่น ๆ บนชั้นสองนั้นแม้ว่าจะอยากเข้าร่วมการประมูลแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่รับชมอยู่เงียบ ๆ
“เอิ่ม ผู้ตรวจสอบ 4 ดาวนี่เป็นอะไรไป…”
“ความสุขุมของพวกเขาหายไปไหนหมดแล้ว ? ”
“นี่ผีอะไรเข้าสิงพวกเขาให้บ้าขนาดนี้..”
“ฉันเองก็เพิ่งเห็นด้านนี้ของพวกเขา”
“ดูไปก็ไม่ได้น่าเบื่อเท่าไหร่…”
“แม้ว่าผู้ตรวจสอบจะมีท่าทีแบบนี้แต่ดูราคาสิ ตอนนี้มันกำลังจะทะลุ 60,000 ล้านไปแล้ว ”
“นายว่าผู้ตรวจสอบน่ะมีเงินมากขนาดนั้นเลยหรือ…”
….
เมื่อเห็นทุกคนถอนตัวออกจากการประมูลและมองมาที่พวกเขา ไป๋พั่วหล้างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
แม้ว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของไป๋พั่วหล้าง แต่ทั้งสามคนก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่าย พวกเขายังคงแข่งกันต่อ
“57,500 ล้าน” ฮวงเทียนเจวี๋ยนเพิ่มราคาขึ้นมา
“57,600 ล้าน” จางจื้อเฉียงพูดขึ้นต่อ
“57,700 ล้าน” เฉี่ยนเจินเฉียนเองก็ไม่ยอมแพ้
หากมองดูใกล้ ๆ จะพบว่าที่หน้าผากของพวกเขาเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมาแล้ว
ชัดแล้วว่าการที่ราคาสูงถึงขนาดนี้มันทำให้พวกเขากดดัน
“57,800 ล้าน”
“เหล่าเฉี่ยน เหล่าฮวง พวกแกยังไม่ยอมแพ้อีกรึไง ถ้าพวกแกยอมแพ้ให้กับฉัน ฉันจะเอาไวน์ขั้นศักดิ์สิทธิ์ไปให้” เห็นได้ชัดว่าจางจื้อเฉียงอยากได้เกราะนี้มากแค่ไหน ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่เอาของหายากแบบนี้มาเสนอให้กับทั้งสองคน
“….” เป็นครั้งแรกที่เฉี่ยนเจินเฉียนเงียบไป ชัดแล้วว่าไวน์นั่นมีความหมายอย่างมาก
“ ….” ฮวงเทียนเจวี๋ยนเองก็เงียบไป ตาของพวกเขาเป็นประกายทันทีที่ได้ยินแบบนี้
แต่หากให้พวกเขายอมแพ้กับเกราะที่ท่านหลู่สร้างขึ้นมา พวกเขาก็ไม่ยินยอม แต่ไวน์นั่นก็น่าดึงดูดใจเช่นกัน
ตอนนั้นเฉี่ยนเจินเฉียนและฮวงเทียนเจวี๋ยนต่างก็เงียบและตกอยู่ในอาการครุ่นคิด
พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมรบกันมาหลายปี สนิทกันจนเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนตายก็ว่าได้
อย่ามองท่าทีที่พวกเขาแสดงออกมาในตอนนี้ หากไม่ใช่ว่าสนิทกันอย่างมาก ไม่อย่างงั้นพวกเขาคงไม่กล้าแสดงนิสัยแบบนี้ออกมา
มันแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเป็นกันเองมากแค่ไหน
บอกได้ว่าหากมีใครสักคนตกที่นั่งลำบาก คนอื่น ๆ ก็จะรีบเข้าไปช่วยทันทีไม่ว่าจะต้องฝ่าทะเลไฟรึทะเลมีดก็ตาม พวกเขาจะไปโดยไม่ลังเล
เพราะมิตรภาพที่พวกเขามีให้กันนั้นมันมากกว่าความผูกพันธ์ของญาติเสียอีก
เมื่อจางจื้อเฉียงยอมทุ่มเทขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นได้แล้วว่าเกราะซวนอู่นั้นสำคัญต่อเขาขนาดไหน ที่เขาถึงกับยอมเอาไวน์ขั้นศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อแลกมันกับทุกคน
ทุกคนตกสู่ความเงียบ
คนที่ชั้นล่างก็พากันเงียบเช่นกัน เฉินเหล่าเริ่มนับถอยหลังเพราะดูเหมือนว่าจะไม่มีใครประมูลต่อ
“ฉันต้องได้มา 1 แก้วเต็ม ๆ ไม่งั้นฉันไม่เลิก” เฉี่ยนเจินเฉียนพูดขึ้นมา
“แกนี่ขี้งกจริง ๆ ฉันมีไม่มากเท่าไหร่” จางจื้อเฉียงพูดขึ้น
“งั้นก็แสดงว่านายปฏิเสธสินะ” เฉี่ยนเจินเฉียนพูดขึ้น
“ก็ได้…ก็ได้” จางจื้อเฉียงกัดฟันแน่นและพูดขึ้นมา
“ก็ได้ ฉันจะถอนตัว” เฉี่ยนเจินเฉียนเผยรอยยิ้มออกมา
จางจื้อเฉียงไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายต่อ เขามองไปที่ฮวงเทียนเจวี๋ยนแทน
“ฉันเองก็ขอ 1 แก้วเต็ม ๆ ” ฮวงเทียนเจวี๋ยนพูดขึ้น
“แต่….ก็ได้” จางจื้อเฉียงต้องกัดฟันแน่นอีกครั้ง
“งั้นก็ตกลง ฮ่าฮ่า” ฮวงเทียนเจวี๋ยนหัวเราะออกมาทันที
เมื่อเห็นท่าทีพอใจของทั้งสองคนแล้ว จางจื้อเฉียงก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที ที่ต้องแลกกับของมีค่าเช่นนั้นไป