ตอนที่ 331 : รวมตัว

“57,800 ล้าน ครั้งที่ 1”

“57,800 ล้าน ครั้งที่ 2”

“57,800 ล้าน ครั้งที่ 3 ขาย ! ”

“ยินดีกับห้องเบอร์ 2 ของชั้นที่ 3 ที่ได้เกราะซวนอู่นี้ไปในราคา 5.78 หมื่นล้าน”

“เงินทั้งหมดนี้หอสมบัติสวรรค์จะทำการบริจาคออกไปทั้งหมด หอสมบัติสวรรค์จะเพิ่มเงินให้อีกรวมเป็นเงินจำนวน 60,000 ล้านเพื่อบริจาคให้กับผู้คน” เฉินเหล่าได้พูดขึ้นมา

เมื่อได้ยินแบบนั้น คนอื่น ๆ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะทึ่งกับหอสมบัติสวรรค์

“ยอดเยี่ยมจริง ๆ สมกับเป็นหอสมบัติสวรรค์ ท่านหลู่เองก็น่าชื่นชมเช่นกัน”

“หอสมบัติสวรรค์ทำได้ดีจริง ๆ ฉันขอชื่นชมจากใจ และที่ขาดไม่ได้ก็คือท่านหลู่ของเรา”

“ทั้งสองไม่ได้เก็บเข้ากระเป๋าตัวเองแม้แต่เครดิตเดียว”

“ใช่ ถูกแล้ว ”

บนชั้นสอง เมื่อเห็นว่าเกราะนี้ได้ตกเป็นของจางจื้อเฉียง หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ

ราคาของเกราะนี้มากกว่าเงินที่เขามี แต่เขาคงคิดไม่ถึงว่าเฉี่ยนเจินเฉียนกับคนอื่น ๆ ยอมถอนตัวไปเพราะไวน์แก้วเดียว ถ้าไม่อยางนั้นราคามันก็คงจะสูงกว่านี้

นี่คือผู้ตรวจสอบที่ถือว่าแกร่งที่สุดในหัวเซี่ย แน่นอนว่าพวกเขาต้องมีของที่โดดเด่น

แม้จะสงสัยแต่หวังเย่าก็ไม่คิดจะไปที่ชั้นสาม ยังไงซะนี่ก็ยังอยู่ในการประมูลอยู่ เขาไม่อยากจะรบกวนคนอื่น

“อีกสักพัก ของชิ้นสุดท้ายต้องน่าทึ่งอย่างมากแน่ ๆ “ หวังเย่าส่ายหน้าก่อนจะเดินกลับไปที่โซฟา เขาเอาโทรศัพท์ออกมาเพื่อค้นหาข่าวสารต่าง ๆ…

คนที่เหลือในชั้นสองต่างก็มองไปที่ชั้นสามด้วยสายตาแตกต่างกันไป ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่

สุดท้ายการประมูลเกราะซวนอู่ก็จบลง เฉินเหล่าได้บอกว่าการประมูลของชิ้นสุดท้ายจะเริ่มในอีกชั่วโมงต่อไป

เฉินเหล่าได้กลับไปที่หลังเวทีเพื่อเตรียมสินค้าชิ้นสุดท้าย

เกราะซวนอู่ได้ถูกส่งมาที่ห้องที่ชั้นสามเพื่อทำการแลกเปลี่ยน

ผู้ชมส่วนมากยังไม่หายตื่นเต้น คนส่วนมากพากันเอาโทรศัพท์เพื่อดูข่าวที่พูดถึงในอินเตอร์เน็ต

จางจื้อเฉียงได้จ่ายเงินกว่า 57,800 ล้านให้กับพนักงาน หลังจากที่พนักงานยืนยันยอดเงินแล้ว เธอก็เอากระเป๋ามิติออกมาส่งให้กับจางจื้อเฉียง

ด้านในกระเป๋ามิตินั้นมีเกราะระดับ SSS อยู่ นี่คือเกราะที่ท่านหลู่ได้สร้างขึ้นมา

จางจื้อเฉียงรับกระเป๋ามิติมาด้วยสีหน้าตะลึงก่อนที่พนักงานจะเดินออกจากห้องไป

ในแต่ตอนที่จางจื้อเฉียงกำลังจะเอาเกราะออกมาจากกระเป๋ามิติ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มันมีเสียงสามเสียงดังจากด้านนอก

“เหล่าจาง รีบเปิดประตูเร็วเข้า”

“เหล่าจาง เปิดประตู นายอย่าคิดหนีเชียว”

“เหล่าจาง ฉันก็แค่มาดูเฉย ๆ ”

เสียงแรกเป็นของเฉี่ยนเจินเฉียน เสียงที่สองเป็นของฮวงเทียนเจวี๋ยน เสียงที่สามเป็นของไป๋พั่วหล้าง

เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสามคน จางจื้อเฉียงก็เก็บเกราะไว้ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู

เขาเดินไปที่ประตูและเปิดมันออกด้วยสีหน้าสลด

เมื่อประตูเปิดออก ทั้งสามก็ได้เข้ามาในห้องทันที

จากนั้นพวกเขาก็ไปนั่งที่โซฟาและเทชาให้กับตัวเองโดยไม่เกรงใจเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย

แน่นอนว่าเพราะความสนิทกันนั้น จางจื้อเฉียงจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เขาได้ปิดประตูก่อนจะไปยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสามคน

“ยังไง ? พวกนายมาทำอะไรที่นี่ ? การประมูลยังไม่จบ ? พวกนายจะไม่ประมูลของชิ้นสุดท้ายรึไง ? ” จางจื้อเฉียงถามขึ้นมา

เฉี่ยนเจินเฉียนจิบชาและพูดขึ้นมา “ เราจะยอมแพ้กับของชิ้นสุดท้ายได้ยังไง แต่ตอนนี้ไม่ต้องรีบไป มีเวลาพักกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่การประมูลจะเริ่ม สำหรับว่าทำไมเราถึงได้มาที่นี่ ฉันว่านายคงรู้เหตุผล”

หลังจากที่พูดจบ เฉี่ยนเจินเฉียนก็ยักคิ้วให้กับจางจื้อเฉียง

“ฉันไม่เข้าใจ” จางจื้อเฉียงตอบกลับ

“ไม่เอาน่า เหล่าจาง นายเพิ่งรับปากเราไป นายคิดจะเบี้ยวรึไง” ฮวงเทียนเจวี๋ยนจ้องเขม็งไปที่จางจื้อเฉียง

“ตาเฒ่าจาง…ไม่เอาน่า ฉันมาที่นี่เพื่อพูดคุยเล่นด้วยเฉย ๆ ” ไป๋พั่วหล้างนั่งดูทั้งสามคนอยู่เงียบ ๆ

“ฉันติดหนี้อะไรพวกนาย เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่า..” จางจื้อเฉียงยังพูดไม่ทันจบก็นึกถึงบางอย่างก่อนที่จะมองไปที่ทั้งสามคน

“ใช่ นายรับปากเราไว้แล้วนิ รีบเอาไวน์ออกมาได้แล้ว” เฉี่ยนเจินเฉียนพูดด้วยแววตาที่เป็นประกาย

“เร็วเข้า เร็ว ๆ ฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว” ฮวงเทียนเจวี๋ยนไม่มีภาพลักษณ์ที่เคร่งขลึมของผู้ตรวจสอบอีกต่อไป

หากคนอื่นเห็นแบบนี้เข้า พวกนั้นคงอ้าปากค้าง

“ฉันเบื่อเฉย ๆ เลยมาที่นี่ นายไม่ต้องสนใจฉันก็ได้” ไป๋พั่วหล้างยิ้มแห้ง ๆ ออกมา

“พวกนายรีบขนาดนั้นเลยรึไง ? ฉันคิดว่ารอจนจบการประมูลก่อน แล้วพวกนายถึงจะมาเอาของ ? ” จางจื้อเฉียงอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

“อย่ามัวพูดไร้สาระ อย่าบอกนะว่านายจะกลับคำพูด” เฉี่ยนเจินเฉียนพูดจบก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา

“ถ้านายอยากกลับคำพูด งั้นนายต้องโดนดีแน่ ๆ นายอยากหาเรื่องเจ็บตัวสินะ” ฮวงเทียนเจวี๋ยนหักมือและลุกขึ้นยืนทันที

มีแค่ไป๋พั่วหล้างเท่านั้นที่มองดูพวกนั้นอย่างพอใจ