ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 161 แข็งแกร่งปะทะแข็งแกร่ง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ครั้นจางเหยาเห็นหลิวเซ่งเฟิงปล่อยจอมยุทธ์วัยกลางคนผู้นั้น นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเป็นอันดับแรก

กระนั้นเมื่อเห็นเขากับเยี่ยนจ้าวเกอจะตาต่อตา ฟันต่อฟันกันอีก นางก็พลันรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที

แม้ว่าหลิวเซิ่งเฟิงพูดถึงการอาศัยความแข็งแกร่งข่มเหงผู้อ่อนด้อย และรังแกผู้อ่อนแอให้หวาดกลัวยอดฝีมือราวกับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ทว่าเท่าที่จางเหยารับรู้ คนผู้นี้ไม่ได้ขาดแคลนประสบการณ์การต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในระดับชั้นเดียวกันแต่อย่างใด

ตรงกันข้าม ประสบการณ์การต่อสู้สังหารในการรบจริงของหลิวเซิ่งเฟิงสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง ในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นเยาว์แห่งเขาไร้พรมแดน เขาแทบจะถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง

“ศิษย์พี่เยี่ยน…” จางเหยามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงแม้ว่าผลการประมือในอดีตของเยี่ยนจ้าวเกอดูจะแพรวพราวกว่าหลิวเซิ่งเฟิง ทว่าบัดนี้อย่างไรเสียเขาก็อยู่ในขั้นเคียงนภาระยะต้น จะต่อสู้กับอีกฝ่ายที่อยู่ในขั้นเคียงนภาระยะท้ายได้อย่างไร

เยี่ยนจ้าวเกอโบกมืออย่างไม่ใส่ใจนัก “ศิษย์น้องจาง เจ้าถอยไปก่อน เดี๋ยวจะถูกลูกหลงเอาได้”

จางเหยาเผยสีหน้ากลัดกลุ้ม ทว่านางก็รู้ดีเช่นกัน ว่าการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาทั้งสองคน ไม่ใช่เรื่องที่นางจะสามารถเข้าแทรกได้ จึงทำได้เพียงแค่ถอยออกมา

หมีสยงเมายักษ์ตัวนั้นที่ติดหนึบอยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอ มันจดจ้องหลิวเซิ่งเฟิงเขม็ง

ความเกียจคร้านก่อนหน้าอันตรธานหายไป ในดวงตาคู่นั้นปรากฏแววตาดุร้ายและคมกริบออกมาอยู่หลายส่วน แม้ว่าดูไปแล้วร่างกายยังคงอ้วนฉุและงุ่มง่าม กระนั้นอุปนิสัยของมันกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เผยความรู้สึกอันบ้าคลั่งออกมาอย่างชัดเจน

ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย ตบมันเบาๆ “เจ้าเองก็ดูอยู่ด้านข้างก็พอแล้ว”

เจ้าหมีสยงเมายักษ์ตัวนั้นกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะปีนขึ้นไปด้านข้างอย่างเชื่อฟัง พลังทั่วกายหดหายไป กลับกลายเป็นมีท่าทางซุกซนไร้เดียงสาอีกครั้ง

เยี่ยนจ้าวเกอหันกลับไปมองหลิวเซิ่งเฟิง เอ่ยพูดอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่ชักช้า “พลังค่ายกลบนเกาะถูกข้ารบกวนไปเมื่อครู่ ปราณวิญญาณที่สั่งสมไว้กระจัดกระจาย ชั่วขณะหนึ่งไม่อาจรวมตัวกันอีกครั้งได้ ศึกครานี้ของพวกเรา สามารถลงมือได้อย่างเต็มที่ ไม่ทำให้มิติเกิดการเปลี่ยนแปลงเนื่องด้วยค่ายกลเป็นเหตุ ส่งผลจนสิ่งของกระจัดกระจาย”

หลิวเซิ่งเฟิงจ้องเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง “เจ้าแกร่งนัก แกร่งอย่างยิ่ง พูดตามตรง พลังฝึกปรือของปรมาจารย์ชั้นจิตราชั้นนอกระยะท้าย เอาชนะจี้ฮั่นหรูที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะต้น เรื่องนี้ข้าทำไม่ได้ ระยะอันสั้นเพียงแค่หนึ่งปีกว่า พลังฝึกปรือจากระดับชั้นจิตราชั้นในระยะท้าย กระโจนทะยานถึงขั้นเคียงนภาระยะต้น นี่ข้าก็ทำไม่ได้เช่นกัน”

“แต่ด้วยเหตุนี้เช่นกัน ที่ทำให้ตอนนี้ข้าอยากจะสังหารเจ้ายิ่งนัก” ดวงตาของหลิวเซิ่งเฟิงที่มองเยี่ยนจ้าวเกออยู่ค่อยๆ หรี่ลง “เพราะหากตอนนี้ไม่กำจัดเจ้าเสีย ตามแนวโน้มของเจ้าแล้ว ปล่อยให้เจ้ากระโจนทะยานขึ้นอีก เจ้าอาจจะข้ามผ่านเบื้องหน้าไปก็เป็นได้ ถึงตอนนั้นก็น่าจะเป็นข้าที่ต้องหลบหนีเจ้าไป เพียงแค่คิดดู ข้าก็รู้สึกเกลียดชังยิ่งนัก”

ฝีเท้าหลิวเซิ่งเฟิงไม่เร็วเท่าไร ทว่าทุกย่างก้าวที่เหยียบลง พื้นปฐพีล้วนคล้ายกับว่าสั่นสะเทือนไปครู่หนึ่ง ดุจขุนเขากำลังก้าวเดินอย่างไรอย่างนั้น

“ข้าอยากสังหารเจ้าจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำ เจ้าทำลายเขาไร้พรมแดน ทำให้พวกข้าต้องขัดใจกันกับตำหนักอัสนีสวรรค์”

หลิวเซิ่งเฟิงชี้ที่ตนเอง แล้วก็ชี้ไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ “ข้าสังหารเจ้า เพียงเพราะข้าอยากสังหารเจ้า แต่ไม่ใช่เพราะสิ่งอื่นใด บนกายเจ้ามีกลิ่นหนึ่งที่ทำให้ข้าไม่ชอบยิ่งนัก ไม่ชอบเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก”

เขาเก็บนิ้วมือกลับ ชี้ไปที่หัวใจของตนเอง “ในนี้บอกข้าว่าต้องสังหารเจ้าเท่านั้น ข้าถึงจะรู้สึกสบายใจได้!”

เยี่ยนจ้าวเกอขยับมือทั้งสองไปไพล่หลัง บนใบหน้าคล้ายกับจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ไม่พูดกล่าวเช่นกัน เหมือนกับกำลังดูตัวตลกตัวหนึ่ง

แววตาภายในดวงตาทั้งสองของหลิวเซิ่งเฟิงอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป สีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก “ไม่เลว แบบนี้แหละ ยิ่งเจ้ามีท่าทีเช่นนี้ ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจ! เพื่อให้ข้าคลายความไม่สบายใจลงได้บ้าง ได้แต่สังหารเจ้าทิ้งเท่านั้น!”

หลิวเซิ่งเฟิงกล่าวไปพลาง ย่ำเท้าไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ไปพลาง จนบัดนี้เขามาถึงเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พลังของเขายิ่งทะยานจนถึงขีดสุด หมัดหนึ่งต่อยมาทางเยี่ยนจ้าวเกอโดยพลัน!

เยี่ยนจ้าวเกอมองไป รู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้าคล้ายกับว่ามีภูเขาใหญ่เอนเอียง ล้มลงมาทางตนเอง อีกฝ่ายใช้หมัดเทพขุนเขาเช่นเดียวกับจี้ฮั่นหรู ทว่าแข็งแกร่งมากกว่ายิ่งนัก!

ปราณจิตราทรงพลังหลากหลายสายหลอมรวมจนคล้ายกับของแข็งจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น รวมเข้าด้วยกันกลายเป็นโลกลวงตา

เมฆหมอกและป่าไผ่เบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอล้วนอันตรธานหายไป เหลือเพียงแค่ภูเขาสูงตระหง่านเท่านั้น ราวกับว่าตนกำลังอยู่กลางภูเขาใหญ่ที่ไร้สิ้นสุด

เมื่อครู่ความเร็วในการสาวเท้าของหลิวเซิ่งเฟิงชักช้า ทว่าขณะนี้พอลงมือแล้วจริงๆ หมัดของเขาก็มาถึงเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอในชั่วพริบตาเดียว!

เยี่ยนจ้าวเกอไม่รีบไม่ร้อน สำแดงเต่าและงูผนึกโจมตี กระตุ้นจุดซางชวีประตูโลหิต

แรงระเบิดอันแข็งแกร่งทั่วกายปะทะการกดอัดของโลกลวงตา อันกลายสภาพมาจากปราณจิตราของหลิวเซิ่งเฟิงเอาไว้

จากนั้นร่างกายของเขาก็พลันเสเอียงทันที หลบหมัดของหลิวเซิ่งเฟิง ใต้ฝ่าเท้าส่งพลังร่างกายถลาพุ่งไปข้างหน้า

พลังของเขาทะลุเข้าไปในแขนขวา ปราณจิตราราวกับมังกรเพลิงและมังกรน้ำแข็งหลายตัวพันรอบแขน คล้ายกับกลอนประตูโลหะหนึ่ง ทอดขวางทุบไปกลางลำตัวของหลิวเซิ่งเฟิง!

‘พลั่ก!’

หลิวเซิ่งเฟิงยิ้มเย็น ราวกับว่าไร้ความรู้สึกใดๆ ทว่ากลับเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่รู้สึกว่าแขนของตนเองเกิดอาการชาเล็กน้อย

จอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนสันทัดในการโจมตีและตั้งรับซึ่งๆ หน้า ความถึงอกถึงใจจึงสะท้อนอยู่บนร่างกายของหลิวเซิ่งเฟิง ราวกับเทพยักษ์เหล็กกล้าองค์หนึ่ง!

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น เขาเพียงเลิกคิ้วเล็กน้อย ‘ที่แท้บำเพ็ญกลายเป็นกายาเทพแห่งขุนเขารึ’

หลิวเซิ่งเฟิงหัวเราะเสียงดัง “ถึงตาข้าแล้ว!”

กล่าวจบ หมัดหนึ่งก็ทุบลงไปทางเหนือศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอ!

ชายหนุ่มหัวเราะ ‘ฮ่า’ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาคำหนึ่ง ทั่วกายตึงแน่นแล้วจึงปล่อย!

หมัดอสูรวานรจอมพลัง!

ร่างกายของเขากำยำล่ำสันขึ้นทั้งร่าง กล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นทุกส่วนกางออก เลือดลมซัดสาด ราวกับเทพสวรรค์ลงมาสู่โลกมนุษย์!

ไม่รอให้หมัดหลิวเซิ่งเฟิงตกลงมา แขนของเยี่ยนจ้าวเกอที่ยันอยู่บนหน้าอกคู่ต่อสู้ออกแรงเป็นครั้งที่สอง พลันทำให้หลิวเซิ่งเฟิงสั่นสะท้านจนต้องถอยร่นไป!

ใต้ฝ่าเท้าไม่มั่นคง หมัดของหลิวเซิ่งเฟิงจึงคว้าน้ำเหลวเช่นกัน เขาแผดเสียงตะโกนด้วยความโมโหออกมา ก่อนหยุดนิ่งตั้งฝีเท้า และโจนทะยานขึ้นมาอีกครั้ง

เยี่ยนจ้าวเกอค้อมกายต่ำ สองหมัดตั้งออกไปพร้อมกัน ต่อยไปบนซี่โครงของหลิวเซิ่งเฟิง โจมตีจนอีกฝ่ายต้องถอยร่นไปเป็นครั้งที่สอง

ทว่าขณะที่อีกฝ่ายถอยร่นเอนล้ม เขากลับยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น เตะมาทางเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน

ชายหนุ่มอาศัยรากฐานของหมัดนอแรดและหมัดวิญญาณสยบคลื่น ต้านทานหลิวเซิ่งเฟิงโดยตรง กระนั้นเทียบกับหลินโจวแล้ว หลิวเซิ่งเฟิงที่สังกัดอยู่เขาไร้พรมแดนไม่เพียงแต่ระดับพลังฝึกปรือจะสูงกว่า กระบวนท่าเองก็ทรงพลังกว่ามาก

ต้านทานซึ่งๆ หน้าครานี้ทำให้โครงกระดูกทั่วกายเยี่ยนจ้าวเกอเกิดเสียงดังขึ้น เลือดลมอันยุ่งเหยิงภายในร่างกายกระทบกระเทือนไม่หยุดยั้ง เปรียบกับคู่ต่อสู้คนอื่นแล้ว ความสามารถในการต้านทานและโจมตีของหลิวเซิ่งเฟิงแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

กายาแห่งเทพขุนเขามิแตกซ่าน แม้ถูกหมัดทั้งสองของเยี่ยนจ้าวเกอทุบเข้าตรงท้องอย่างแรง หลิวเซิ่งเฟิงเพียงแค่เบื้องหน้ามืดมน เลือดลมว้าวุ่น ไม่นานนักก็ฟื้นกลับคืน

ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมถอย ต้องการช่วงชิงฐานะเป็นต่ออย่างสุดกำลัง

หลังจากต้านทานการรุกโจมตีของอีกฝ่ายโดยตรงแล้ว ก็ถลาขึ้นอีกครั้งทันที!

ใบหน้าเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎแสงสีแดงวาบพักหนึ่ง ด้วยกำลังขับเคลื่อนวิชาพลังอัคคีของท่าวายุอัคคี

“มา!” เยี่ยนจ้าวเกอเปล่งเสียงดัง พร้อมกันนั้นก็ก้าวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง ชิงโจมตีหมัดหนึ่งออกไปทางบริเวณศีรษะของหลิวเซิ่งเฟิงก่อน

หลิวเซิ่งเฟิงแผดเสียงอู้อี้เช่นเดียวกัน ทว่าไม่หลบไม่หลีก ปล่อยหมัดหนักต่อยขึ้นมาครั้งหนึ่งเป็นการตอบโต้

ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะโจมตีอย่างหนักหน่วงและบ้าระห่ำ ต่อสู้หมายสังหารโหดอย่างดุดัน ทว่าสำหรับทุกกระบวนท่าที่หลิวเซิ่งเฟิงรุกโจมตีมา เขากลับยังต้องใจจดใจจ่อเพ่งมอง ไม่อาจวอกแวกได้แม้แต่นิดเดียว

ครั้นต่อสู้จนถึงจุดสูงสุด เยี่ยนจ้าวเกอปล่อยปราณจิตราทั่วกายออกมาอย่างเต็มที่ หมัดต่อหมัด ยันหมัดเหล็กของหลิวเซิ่งเฟิงเอาไว้ซึ่งๆ หน้า

ร่างกายของทั้งสองฝ่ายต่างก็หยุดชะงักเล็กน้อย

หลังจากนั้นร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอก็พลิกหมุนด้วยความคล่องแคล่วปราดเปรียว กลับไปศอกกลับใส่เอวของหลิวเซิ่งเฟิง ทำเอาอีกฝ่ายตัวงอในทันใด!

………………..