**เมื่อภรรยาต้องพบแม่สามี**
“นี่แน่!! ประชดประชันเก่งนัก!”
เฉิงเม่ยเฟิงแสยะยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิกที่เนื้อนุ่มๆตรงเอวของหลิงหยุน พร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่พอใจนัก
เฉิงเม่ยเฟิงเป็นถึงสาวงามแห่งจิงฉู ใบหน้าของเธอจึงสวยงาม ผิวพรรณละเอียดละออสะอาดสะอ้าน และค่อนข้างหยิ่งจองหอง แต่ในยามโกรธกลับดูเซ็กซี่และมีเสน่ห์อย่างมาก
“ผมขอโทษ! ผมผิดไปแล้ว อย่าทำผมเลย!” หลิงหยุนยกมือขึ้นยอมแพ้พร้อมกับจ้องมองใบหน้าที่สวยงามของเฉิงเม่ยเฟิง
เสี่ยวเม่ยเม่ยได้แต่หัวเราะคิกคักจนตัวโยก หน้าอกใหญ่โตสองข้างที่อยู่ภายใต้เสื้อยืดรัดรูปสีแดงถึงกับสั่นไปมาตามแรงหัวเราะ จนเตะสายตาของหลิงหยุนอย่างมาก
“นี่.. อย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย! เมื่อคืนเจ็บกว่านี้ตั้งหลายเท่า ฉันยังไม่เห็นนายร้องสักแอะเลย! ตอนนี้มาทำเป็นร้อง..” ภายใต้ดวงตาคู่สวยของเฉิงเม่ยเฟิงที่มองหลิงหยุนนั้น เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่
รอยยิ้มที่ดูเหมือนวายร้าย และสายตาที่ดูสงบนิ่งในทุกสถานการณ์ของเด็กหนุ่มร่างใหญ่ เขาไม่ต่างจากเทพบนสวรรค์ที่ลงมาช่วยเธอให้รอดพ้นจากปากเสือได้ทันเวลา!
เมื่อหลิงหยุนเห็นเฉิงเม่ยเฟิงที่อยู่ๆก็หน้าแดงและนิ่งไป เขารู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น เขาจึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แล้วเอื้อมมือไปลูบไหล่ของเธอเบาๆ พร้อมกับปลอบเธอว่า
“มันกล้าจับเมียของผมไป.. มันสมควรต้องโดนแบบนั้น! นี่คุณยังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้อยู่ใช่ไม๊? มันผ่านไปแล้ว อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย!”
“อืมม..” เมื่อได้ยินหลิงหยุนเรียกเธอว่าเมียเต็มปากเต็มคำ ใบหน้าที่หยิ่งจองหองของเฉิงเม่ยเฟิงก็แดงก่ำด้วยความอายขึ้นมาทันที เธอยกมือขึ้นกำหมัดและชกเข้าที่แขนของหลิงหยุนเบาๆ
คำพูดแบบนี้ควรจะพูดกันตอนอยู่กันสองต่อสองในห้อง ไม่ควรมาพูดต่อหน้าบุคคลที่สาม..
วันนี้หลิงหยุนตั้งใจกลับมาพักผ่อนที่บ้านเพื่อเป็นการชาร์จแบต และไม่ต้องการวุ่นวายกับหญิงสาวสองคนมากนัก เขาจึงถามเรื่องเจ้าขาวปุยขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่าแต่ยังไม่มีใครบอกผมเลยว่าเจ้าขาวปุยไปใหน?”
“น่าโมโหจริงๆ คนสองคนอยู่ต่อหน้ากลับไม่ถามสักนิดว่าที่ผ่านมาสองวันเป็นยังไงบ้าง แต่กลับเอาแต่ถามเรื่องสุนัขจิ้งจอก! สงสัยหนิงน้อยของคุณคงจะเอาไปด้วยแล้วมั๊ง?!”
หลังจากผ่านพ้นคืนนั้นมา เฉิงเม่ยเฟิงก็ค่อยๆคลายความตกใจ และคลายความกระอักกระอ่วนใจกับความสัมพันธ์ที่เคลือบแคลงระหว่างหลิงหยุน เกาเฉินเฉิน และเสี่ยวเม่ยหนิง
แน่นอนว่าหลิงหยุนรู้ดีว่าเฉิงเม่ยเฟิงกำลังหึงหวง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาจัดการปัญหาพวกนี้ เขาจึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
“หนิงน้อยเอาไปด้วยงั้นเหรอ.. แล้วเธอไม่กลัวหรือยังไง?”
ดูเหมือนเสี่ยวเม่ยเม่ยจะอารมณ์ดี เธอยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า “เด็กสาวคนนั้นไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว ดูเธอจะชอบเจ้าขาวปุยมาก และดูเหมือนอยากได้เจ้าขาวปุยไปเป็นสัตว์เลี้ยงของตัวเอง”
“ห๊ะ?!” หลิงหยุนกลับรู้สึกระอักระอ่วนใจขึ้นมาแทน เขาไม่เคยบอกว่าสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเป็นสัตว์เลี้ยงสักหน่อย แต่ดูๆไปแล้วก็เหมาะสมกันดี.. เด็กปีศาจกับปีศาจจิ้งจอก!
ถ้าเจ้าขาวปุยไปกับเสี่ยวเม่ยหนิงแบบนี้ เขาก็คงไม่ต้องกังวลและห่วงอะไรมาก เพราะเพียงแค่โทรไปหาเสี่ยวเม่ยหนิงให้เอาเจ้าขาวปุยมาส่งคืนก็ได้แล้ว
“ช่วยเตรียมน้ำอุ่นให้ผมได้ไม๊? ผมอยากแช่น้ำแล้ว”
เมื่อวานและวันนี้ อากาศค่อนข้างร้อนและอุณหภูมิก็สูงถึงสามสิบองศา แม้หลิงหยุนจะยังไม่ได้อาบน้ำถึงสองวันเต็มๆ แต่ร่างกายของเขากลับไม่มีกลิ่นเหม็น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกอึดอัดเหนียวตัวเล็กน้อย
“ฉันเตรียมไว้ให้แล้วล่ะ…” เฉิงเม่ยเฟิงได้ยินหลิงหยุนพูดเรื่องแช่น้ำในอ่าง ใบหน้าของเธอถึงกับแดงเป็นลูกตำลึงทันที และรีบหลบตาหลิงหยุนพร้อมกับตอบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
เฉิงเม่ยเฟิงกำลังเข้าใจความหมายของหลิงหยุนผิดไป เขาเพียงแค่ต้องการที่จะอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายสดชื่นเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปกว่านั้น
“ถ้างั้นผมไปอาบน้ำก่อนล่ะ! บ่ายนี้คุณสองคนมีธุระอะไรไม๊?” หลิงหยุนลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันไปทางเฉิงเม่ยเฟิง
“เอ่อ.. นายจะให้พวกเราทำอะไรเหรอ…?”
เฉิงเม่ยเฟิงอดคิดไม่ได้ว่า ‘อย่าบอกนะว่าจะให้พวกเราสองคนเข้าไปอาบน้ำกับนายพร้อมๆกัน.. ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็น่าอายแย่!’
เสี่ยวเม่ยเม่ยเองก็กำลังมองหลิงหยุนด้วยสายตาหลงใหล และปากเล็กๆแสนเซ็กซี่ก็เผยอขึ้นเล็กน้อย แม้จะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ดวงตาของเธอก็บ่งบอกว่ากำลังรอคอยอยู่เช่นกัน
เมื่อเห็นอาการของหญิงสาวทั้งสองคน หลิงหยุนก็เข้าใจได้ทันทีว่าพวกเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาถึงกับยิ้มกว้างและถามขึ้นว่า
“นี่คุณสองคนต้องการ… อยากอาบน้ำพร้อมกับผมไม๊?”
“ไอ้โรคจิต!” เฉิงเม่ยเฟิงพูดขึ้นอายๆพร้อมกับคว้าหมอนที่อยู่บนโซฟาปาเข้าไปที่ขาของหลิงหยุน
เสี่ยวเม่ยเม่ยได้ฟังแล้ว ในใจของเธอก็นึกถึงเหตุการณ์ในคืนที่หลิงหยุนกลับบ้านมาคลายจุดให้กับเธอ คิดถึงตอนนั้นเธอก็ได้แต่หนีบขาเข้าหากันแน่น
แม้คืนนั้นจะเป็นคืนที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสสำหรับเธอ แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นก็ทำให้เธอมีความสุขอย่างมาก
หลิงหยุนเห็นสองสาวที่ยังคงนิ่งอึ้ง ในใจก็แอบคิดว่า ‘สองสาวนี่แอบไปตกลงอะไรกันไว้รึเปล่า?’
เมื่อเห็นสองสาวต่างก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา หลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า “ผมล้อเล่นน่า! ผมแค่จะบอกว่าถ้าบ่ายนี้คุณสองคนว่าง ก็ไปบ้านแม่ผมด้วยกัน ไปช่วยถังเมิ่งดูแลเรื่องตกแต่งบ้าน ผมกลัวว่าเขาทำคนเดียวจะยุ่งเกินไป”
เฉิงเม่ยเฟิงเป็นถึงลูกสาวเศรษฐีแห่งจิงฉู หากจะพูดเรื่องสไตล์และรสนิยมแล้วล่ะก็ น้อยคนนักที่จะเทียบเธอได้ และตอนนี้ฉินจิวยื่อก็ยุ่งอยู่กับการจัดบ้านจนมือเป็นระวิง คงไม่จำเป็นต้องซ่อนสองสาวนี่ไว้ที่ห้องอีกแล้วล่ะ พาพวกเธอไปช่วยน่าจะเป็นเรื่องเหมาะสมกว่า!
เมื่อเฉิงเม่ยเฟิงและเสี่ยวเม่ยเม่ยได้ยินว่าหลิงหยุนไม่ได้ต้องการให้เธอทั้งคู่อาบน้ำด้วยจริงๆ ทั้งคู่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ก็แอบผิดหวังอยู่เล็กน้อย!
และเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงหยุน เฉิงเม่ยเฟิงก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ “อะไรนะ?! ไปบ้านแม่ของนายงั้นเหรอ?”
หลิงหยุนไม่เข้าใจว่า เขาก็แค่ต้องการให้พวกเธอไปช่วยแม่ แต่ทำไมต้องทำท่าทางตกอกตกใจขนาดนั้น เขาพยักหน้า “ใช่.. ทำไม? คุณไม่อยากไปที่นั่นงั้นเหรอ?”
“บ้านหลังนั้น.. คุณบอกว่าแม่ของคุณย้ายเข้าไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” ใบหน้าของเฉิงเม่ยเฟิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกังวล
หลิงหยุนพูดต่อว่า “ใช่.. ก็เพราะแม่กับน้องของผมย้ายมาอยู่แล้วน่ะสิ ผมถึงต้องการตกแต่งเพิ่มเติม ผมอยากให้แม่กับน้องได้อยู่ในบ้านที่ตกแต่งไว้สวยงามที่สุด”
และในนาทีนั้นเอง หลิงหยุนก็เพิ่งจะเข้าใจว่าเพราะเหตุใดเฉิงเม่ยเฟิงจึงดูตื่นเต้นขขนาดนั้น เขายิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ทำไมล่ะ.. เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอที่ลูกสะใภ้จะต้องไปพบแม่สามีของตัวเอง แม่ผมต้องชอบคุณแน่!”
“จริงเหรอ.. ฉันต้องไปจริงๆงั้นเหรอ?!” เฉิงเม่ยเฟิงมีอาการตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก หลิงหยุนเสนอให้เธอไปพบแม่ของเขา นี่เรียกได้ว่าเป็นการระบุสถานะของเธออย่างไม่เป็นทางการ เธอกำลังจะไปพบแม่ของหลิงหยุน หัวใจของเธอถึงกับเต้นรัว
แต่ถ้าแม่สามีเกิดไม่ชอบเธอเข้าล่ะ เธอจะทำอย่างไรดี? ด้วยศักยภาพของหลิงหยุนในเวลานี้ เฉิงเม่ยเฟิงรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่และสำคัญไปกว่าญาติๆของหลิงหยุนอีกแล้ว
เฉิงเม่ยเฟิงรู้สึกกังวล.. แต่นางฉินจิวยื่อเองก็ได้เห็นเธอแล้ว และก็รู้เรื่องราวของเธอเป็นอย่างดี
“ผมจะบอกอะไรให้ หนิงน้อยก็กำลังช่วยแม่ผมอยู่ที่นั่นตอนนี้ พวกคุณสองคนยังไม่รีบตัดสินใจกันอีก ฮ่า ฮ่า..”
หลิงหยุนเห็เฉิงเม่ยเฟิงและเสี่ยวเม่ยเม่ยที่กำลังลังเลและกังวล เขาจึงต้องยกเอาเสี่ยวเม่ยหนิงขึ้นมากระตุ้นหญิงสาวทั้งสองคน
“ผมจะไปอาบน้ำก่อนล่ะ พวกคุณก็ค่อยๆปรึกษากันไปก็แล้วกัน..”
พูดจบ หลิงหยุนก็เดินเข้าห้องน้ำไป และไม่สนใจกับสองสาวอีก
เฉิงเม่ยเฟิงและเสี่ยวเม่ยเม่ยต่างก็ไม่สนใจหลิงหยุนเช่นกัน หญิงสาวสองคนนั่งมองหน้ากันไปมา ต่างคนต่างก็เห็นความตึงเครียดในสายตาของอีกฝ่าย…
“ไปก็ได้!” เฉิงเม่ยเฟิงร้องออกมาพร้อมกับลุกขึ้นพูดว่า “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน!”
จะไม่ไปได้อย่างไรกัน หลิงหยุนกำลังตกแต่งบ้านให้กับแม่สามีของเธอในอนาคต นี่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่?
ไม่เพียงแค่ต้องไป แต่ต้องแต่งตัวให้สวยที่สุดด้วย!
หลิงหยุนแช่น้ำอุ่นอย่างสบายอกสบายใจอยู่ราวสิบห้านาที จากนั้นก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อตัวแล้วเดินออกมาด้านนอก
ทันทีที่เห็นสองสาวที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หลิงหยุนก็ถึงกับยืนตะลึง!
เฉิงเม่ยเฟิงสวมเสื้อสีชมพูและกระโปรงสั้นแค่เข่าสีเหลืองอ่อน หน้าอกขนาด 36D ของเธอที่อัดแน่นอยู่ในเสื้อเชิ้ตนั้น ช่วยเน้นให้เอวคอดเล็กของเธอดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น สวมถุงน่องและรองเท้าส้นสูงสีขาว สวมเครื่องเพชรกับชุดเสื้อผ้าธรรมดา แต่ก็ดูสวยงามเข้ากันได้ดี
ส่วนเสี่ยวเม่ยเม่ยนั้นสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูเช่นกัน แต่สวมกางเกงยีนส์รัดรูป ปลายเสื้อเชิ้ตสอดเข้าไปในกางเกง ช่วยเน้นให้หน้าอกกลมโตของเธอดูโดดเด่น กางเกงที่รัดจนแนบกับร่างกายส่วนล่างนั้น ก็แนบจนเห็นสามเหลี่ยม และก้นกลมงอนที่เด้งดึ๋งราวกับลูกบอล เสี่ยวเม่ยเม่ยแต่งหน้าเพียงแค่บางๆ แต่ก็ทำให้ดูมีเสน่ห์มากมาย
“โอ้โห! คุณสองคนแต่งตัวกันสวยเกินไปไม๊?” หลิงหยุนมองเฉิงเม่ยเฟิงกับเสี่ยวเม่ยเม่ย และพึมพำออกมา “นี่จะไปทำงานนะ ไม่ได้ไปประกวดความสวยความงาม..”
“เชอะ!!” เฉิงเม่ยเฟิงเหลือบมองหลิงหยุน แล้วตอบกลับไปว่า “พวกเรารู้อยู่แล้วว่าต้องไปทำงาน ถึงไม่สวมชุดราตรีไปไง!”
“ก็แล้วแต่.. อยากจะแต่งตัวยังไงก็ตามใจ แต่ผมแนะนำว่าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะดีกว่า..”
แม้ว่าเฉิงเม่ยเฟิงจะเป็นถึงสาวงามแห่งจิงฉู และเสี่ยวเม่ยเม่ยก็มีเสน่ห์ แต่หากเทียบกับนางฉินจิวยื่อและหนิงหลิงยู่แล้ว ไม่มีทางเทียบได้อย่างแน่นอน
“แล้วทำไมต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยล่ะ?” เฉิงเม่ยเฟิงถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ.. ผมกลัวว่าเดี๋ยวแม่เห็นแล้วจะชอบคุณมากจนอยากจะอยู่กับคุณทั้งวันไง…”
ความจริงแล้ว.. ที่หลิงหยุนต้องการให้หญิงสาวทั้งสองรู้จักกับแม่ของเขาไว้นั้น เพราะต้องการให้นางฉินจิวยื่อช่วยคุ้มครองพวกเธอทั้งสองคนด้วย เพราะหากเมื่อใดที่ตระกูลซัน หรือแม้แต่องค์กรนักฆ่าหาที่อยู่ของเขาพบ พวกเธอก็จะได้หนีไปที่บ้านแม่ของเขาได้..
“จริงเหรอ?” หญิงสาวสองคนดูมีความสุขมาก และรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปเรียกแท๊กซี่
หลิงหยุนมองทั้งคู่เดินออกไปเรียกรถ ส่วนเขาก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอนจัดการเปิดโน๊ตบุ๊ค
จากนี้ไปเขาคงต้องศึกษาหาข้อมูลเรื่องนิทานปรัมปราและตำนานเกี่ยวกับประเทศจีนอย่างจริงจังแล้ว!