ตอนที่ 210 รักแท้ของสหาย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เช่นนั้นที่นี่มอบให้พวกเจ้าแล้ว ข้าไปดูทางนั้นเสียหน่อยก็ดี” กล่าวจบ ร่างสีม่วงพุ่งออกไปนอกเมืองราวกับสายฟ้าฟาด

มู่เฉียนซีรีบออกไปนอกเมือง พลันได้ยินเสียงอาถิงตะโกนว่า “เจ้าชั่วช้า เอาคืนมา!”

“ไสหัวไป!”

— ปัง! —

ร่างสีเขียวอ่อนของอาถิงถูกตบจนกระเด็นออกไป  จิ่วเยี่ยยิ้มเยาะทันที เขากล่าวอย่างเย็นชาไร้ซึ่งความปราณี “เจ้าตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป”

“ส่วนเจ้านั้นน่ารังเกียจ…”

มู่เฉียนซีเห็นร่างของอาถิงกลายเป็นภาพมายามากขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดก็สลายหายไปต่อหน้านาง

ภายในมิติ อาถิงจมลงไปในทะเลสาบวิญญาณ เขากล่าวอย่างอ่อนแรง “หญิงโง่! มันไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะใช้ประโยชน์จากพลังวิญญาณของเจ้าเปลี่ยนร่างเป็นร่างผู้ใหญ่อย่างกะทันหันเช่นนี้ได้ การต่อสู้กับเจ้าบ้านั่นทำให้สูญเสียพลังทั้งหมดไปเสียได้ ประเดี๋ยวข้าจะนอนหลับไปสักพัก ในขณะที่ข้ายังไม่ตื่นขึ้นมา เจ้าต้องจัดการตัวเอง อย่าให้ถูกใครทำร้ายล่ะ”

มู่เฉียนซีถาม “อาถิง เหมือนว่าเจ้ากําลังพยายามเล่นสนุกกับจิ่วเยี่ย เจ้าต้องการอะไรกันแน่ ?”

อาถิง “ข้ารู้มานานแล้วว่าชายคนนี้แปลกประหลาดผิดมนุษย์ หลังจากสามารถแปลงกายได้ ในที่สุดข้าก็พบว่า… เขา… บนร่างของเขามี…”

“อื้อ!”

อาถิงกล่าวยังไม่ทันจบ พลันผล็อยหลับไปทิ้งปริศนาไว้ให้มู่เฉียนซีหงุดหงิดใจ

อาถิงกลับเข้าไปในมิติเพื่อหลับลึก และสถานการณ์ของจิ่วเยี่ยในเวลานี้ไม่ดีนัก เขาร่วงลงสู่พื้นเบา ๆ รูปสัญลักษณ์สีดําเป็นลวดลายขดคล้ายเถาวัลย์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

— แกร๊ก! —

หน้ากากหลุดออกมา ใบหน้างดงามไร้ที่ติถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายสีดํา  เวลานี้จิ่วเยี่ยแม้แต่จะยืนก็ยังยาก มู่เฉียนซีรีบเข้าไปประคองเข้าไว้พลางกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ?!”

จิ่วเยี่ยเอนตัวพิงร่างของมู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งอ่อนแรง “ซี พาข้าไปที่เขาชิงซาน ทะเลสาบเยาเยี่ย ที่นั่นมีค่ายกลที่สามารถยับยั้งคําสาปของข้าได้”

“ได้” มู่เฉียนซีรีบกล่าวพลางพยักหน้า  นางรีบพาจิ่วเยี่ยไปที่ทะเลสาบเยาเยี่ยอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดก็มาถึงทะเลสาบเยาเยี่ย จิ่วเยี่ยพุ่งออกไป จมร่างลงไปในน้ำของทะเลสาบเยาเยี่ยไม่รอช้า

ทะเลสาบเยาเยี่ยที่สงบนิ่งพลันกลายเป็นคลื่นโหมกระหน่ำ

“จิ่วเยี่ย เจ้าต้องไม่เป็นไร…” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเบา อันที่จริงนางก็ปฏิเสธใจตนเองมิได้ว่าเป็นห่วงเขาอยู่

ในตอนนั้นเอง ร่างสีเขียวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี

คนผู้นี้มีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบมิได้ เสื้อคลุมสีเขียวมรกตห่อหุ้มร่างสูงเพรียวเรียวยาวของเขาไว้ คิ้วของเขาดูราวกับคิ้วเทพในภาพวาด ดวงตาของเขามีเสน่ห์ ผิวเนียนคล้ายหยกขาวที่ขาวราวกับไขมันแกะ ความงดงามสามารถล่อลวงทุกผู้คนในโลกได้ จื่อโยวนั่นเอง

เขากล่าวอย่างเกียจคร้าน “ข้าอยู่กับหญิงงามมาสักพักหนึ่ง แล้วเกิดอะไรขึ้นในแคว้นจื่อเยี่ยดินแดนแห่งการต่อสู้นี้ ?  ปล่อยให้เยี่ยปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งออกมามากเพียงนั้น ทําให้เขาไม่สามารถระงับคําสาปได้และทำได้เพียงวิ่งเข้าไปในทะเลสาบ”

คนของสํานักอวิ๋นเยียนมิใช่ภัยคุกคามต่อจิ่วเยี่ย แต่เป็นอาถิงต่างหากที่ได้สร้างสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ขึ้นมาต่อเขา

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำ “เขาต่อสู้กับผู้ทําพันธสัญญาของข้า ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดพวกเขาทั้งสองถึงสู้กันมาจนถึงขั้นนี้”

จื่อโยวพึมพํา “ศาลานิรันดร์ ศาลาเรือนรางเก้าชั้น ไม่แปลกใจเลย… แต่ความแข็งแกร่งของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่เพิ่งฟื้นคืนขึ้นนั้นอ่อนแอมาก มันแปลกมากที่สามารถกลายร่างออกมาได้”

“เจ้าของศาลานิรันดร์ไม่ธรรมดาเลย!”

อาถิงบอกว่าเป็นเพราะพลังวิญญาณของนางเพิ่มขึ้นในชั่วพริบตา  ณ ตอนนั้นอวิ๋นฮุ่ยแห่งสํานักอวิ๋นเยียนของสํานักอีชิง ทําให้จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวของนางปะทุความโกรธ หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้อาถิงแปลงกายออกมาได้ ?

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ารู้ดีอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าจิ่วเยี่ยจะเชื่อใจเจ้ามาก”

จื่อโยวหัวเราะ “หึ ๆ แน่นอน แม่สาวน้อยคนงาม ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าเป็นคนของจิ่วเยี่ย”

เสียงสุดท้ายที่ลากยาว แฝงไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่มีสิ้นสุด  บุรุษรูปงามจื่อโยวผู้นี้ชั่วร้ายอย่างมาก แต่มู่เฉียนซีเชื่อในสายตาของจิ่วเยี่ย

นอกจากนี้ เมื่อจื่อโยวกล่าวเกี่ยวกับศาลาเรือนรางเก้าชั้นของศาลานิรันดร์ ดวงตาที่มีเสน่ห์ของเขานั้นไม่มีร่องรอยของความโลภอยู่เลย

มู่เฉียนซี “จื่อโยว เจ้าอยู่ที่นี่เฝ้าจิ่วเยี่ยเถอะ ข้าไม่รู้ว่าที่ค่ายกลด้านล่างของทะเลสาบนั่น จะสามารถยับยั้งคําสาปจิ่วเยี่ยได้หรือไม่ ดังนั้นข้าจึงตั้งใจจะเตรียมปรุงผสมยาน้ำศักดิ์สิทธิ์เสียหน่อย เตรียมพร้อมเพื่อที่จะใช้ได้ทุกเมื่ออย่างไรล่ะ”

จื่อโยวกล่าว “สาวน้อย เจ้าไปทำเถอะ ข้าจะเฝ้าเขาอยู่ที่นี่เอง”

นางได้ทําพันธสัญญากับหม้อปาฮวางชิงมู่แล้ว เวลานี้เพื่อสร้างยายับยั้งคําสาป มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย  หยิบสมุนไพรวิญญาณล้ำค่าต่าง ๆ ที่จื่อโยวส่งมาให้แล้วเริ่มผสมยาอย่างบ้าคลั่ง

เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ  ทั่วทั้งทะเลสาบเยาเยี่ยเริ่มเดือดพล่าน จื่อโยวมองไปยังผิวทะเลสาบ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ดวงตาฉายแววเคร่งเครียด เขากล่าวเสียงต่ำว่า “ดูเหมือนว่ายามค่ำจะทรมานมาก ค่ายกลนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากแล้ว โชคยังดีที่สาวน้อยอยู่ที่นี่ แม้คืนนี้จะอันตรายแต่ก็ต้องผ่านมันไปให้ได้”

— พรวด! —

ชายร่างหนึ่งที่ราวกับปีศาจพุ่งออกมาจากทะเลสาบเยาเยี่ย  เสื้อคลุมของเขาขาดออกจากกัน รูปสัญลักษณ์ลวดลายสีดําเสมือนเลื้อยแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา

“จิ่วเยี่ย!” พลังรอบตัวรุนแรงอย่างมาก มู่เฉียนซีไม่สามารถจดจ่อกับการปรุงยาได้ นางมองไปที่จิ่วเยี่ยและอุทานออกมาดังลั่น

จื่อโยวยิ้มหยอกเย้า “แม่สาวน้อย เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ? รูปร่างของเยี่ยนั้นยอดเยี่ยมใช่หรือไม่ ? ข้าดูแล้วยังอิจฉาที่ตัวข้าเองด้อยกว่าเขา หญิงงามอย่างเจ้าจะต้องชอบมากเป็นแน่”

เมื่อได้ยินคําพูดไม่ถูกที่ถูกเวลาของจื่อโยว มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“จื่อโยว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาพูดเช่นนี้ เจ้าคิดหาวิธีช่วยเขาเสียก่อนเถอะ!”

จากนั้น จิ่วเยี่ยที่ร่างกายเต็มไปด้วยแรงสังหารหมายจะฆ่าจื่อโยว  กลิ่นอายแห่งความพินาศ  จิตสังหารแห่งความกระหายเลือด ทุกอย่างในร่างของเขาตอนนี้ไม่สามารถควบคุมได้เขาต้องการที่จะทําลายโดยไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะเป็นศัตรูหรือมิตรสหายของตน

มู่เฉียนซีรีบกล่าวอย่างตระหนกตกตื่น “จื่อโยว ระวังตัวด้วย!”

จื่อโยวรีบหลบ ใบหน้าเขายังคงปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ “สาวน้อยห่วงใยข้ารึ ? ข้าซาบซึ้งใจมากจริง ๆ ทุกครั้งที่คําสาปของเยี่ยปะทุขึ้น  เมื่อข้าอยู่เขาก็ต้องการจะสังหารข้า ข้าชินแล้ว…  และก่อนหน้านี้ แม้ว่าคำสาปของเขาจะไม่ปะทุขึ้น เขาก็ต้องการที่จะฆ่าข้าอยู่ดี  แต่กล่าวก็กล่าวเถอะ ข้าสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้จนถึงตอนนี้ข้าก็ถือว่าแน่อยู่เช่นกัน  เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ถูกเจ้าหมอนี่ฆ่าตายง่าย ๆ  สาวน้อย… เจ้าจัดการงานยาของเจ้าเถอะ ข้าไม่มีทางถูกเยี่ยฆ่าได้โดยง่ายแน่นอน”

ใบหน้ามู่เฉียนซีดหม่นคล้ำ จื่อโยวมักจะเสี่ยงถูกสังหารแต่ยังสามารถกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายได้ เขาไม่บ่นแม้เพียงสักคํา ช่างเป็นสหายที่ดีจริง ๆ

แต่นั่นก็จริงดังที่เขาว่า… เมื่อเป็นเพื่อนของจิ่วเยี่ย มันมิใช่เรื่องง่ายเลย

จื่อโยวยังมีความคิดที่จะหยอกล้อมู่เฉียนซีต่อไป  ขณะที่จิ่วเยี่ยเวลานี้ ยิ่งลงมือก็ยิ่งโหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อย ๆ  มันช่างเป็นกระบวนท่าที่อันตรายยิ่งนัก

มุมปากของจื่อโยวยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกาย

เยี่ยนั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว แม้ว่าคําสาปจะระเบิดออกมาอย่างไม่มีเหตุผลจนถึงขั้นนี้ แต่ในใจของเขากลับยังคงสนใจสาวน้อยคนงามมู่เฉียนซีคนนั้น ช่างน่าสนใจเสียจริง

เวลานี้มู่เฉียนซีเห็นมือของจิ่วเยี่ยทะลุผ่านหน้าอกของจื่อโยว ทันใดนั้นหน้าอกของจื่อโยวเริ่มเปลี่ยนเป็นกระดูกสีขาวและค่อย ๆ แพร่กระจายออกไปตามร่างกายส่วนที่เหลือ

สีหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปอย่างมาก นางอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไป “จื่อโยว!”

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ นางก็รักษาไม่ได้ จื่อโยวต้องตายแน่ ๆ แล้ว

.