บทที่ 294 เริ่มแผนการ
บทที่ 294 เริ่มแผนการ

“พ…พวกเราจะทำให้ทันที…แต่…แต่ว่าคุณหลี่ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วย คุณอย่าฟ้องพวกเราเลยได้ไหม? ตระกูลอู๋บังคับให้พวกเราทำ…”

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูเข้าไป เขาเห็นผู้หญิงสองคนกำลังยืนก้มหน้าให้กับหลี่หรงด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“เรื่องเมตตาเอาไว้พูดกันทีหลัง! ถ้าบัญชีที่พวกเธอเอามาให้ฉันมันไม่มีปัญหาอะไร พวกเธอจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าพวกเธอคิดเล่นตุกติกล่ะก็ พวกเธอได้ไปนอนในคุกแน่!”

หลี่หรงซึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะของเธอเอ่ยขู่ขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

“ม…มั่นใจได้เลยคุณหลี่ เดี๋ยวเราจะรีบไปเอาบัญชีของแท้มาให้คุณแน่นอน!”

เมื่อโดนขู่ว่าจะถูกส่งตัวเข้าคุก อดีตพนักงานบัญชีสองคนที่ลาออกไปเมื่อเดือนที่แล้วต่างก็หวาดกลัวจนยอมทำตามที่หญิงสาวบอกทุกอย่าง

“ดี! เอาล่ะ ตอนนี้รีบไปเอามาให้ฉันได้แล้ว และอย่าลืมปิดประตูหลังจากออกไปด้วย!”

หลี่หรงพยักหน้าก่อนที่จะโบกมือไล่สองคนนั้นให้ออกไป และหันมาหา อวี้ฮ่าวหรานที่เพิ่งเข้ามา

เมื่อเห็นว่าไม่มีคนนอกอยู่ในห้องแล้ว เธอบ่นขึ้นทันที

“พี่เขย! เมื่อวานฉันโดนลักพาตัวไปแท้ ๆ ทำไมวันนี้ตอนเช้าพี่ถึงไม่มาทำงานกับฉันด้วย!”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะตอบกลับ

“ก็ไม่ใช่ว่าเมื่อวานพี่จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือไง เธอยังจะกลัวอะไรอีก?”

เมื่อวานหลังจากช่วยหลี่หรงกลับมาได้ ด้วยความกังวล อวี้ฮ่าวหราน จึงมาที่บริษัทของหลี่หรงอีกรอบในช่วงเย็น จัดการปลดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยกชุด และตั้งใจว่าจะหาทีมใหม่มาแทน

และยิ่งไปกว่านั้น อวี้ฮ่าวหรานยังสั่งให้คนของเขาไปตามตัวพนักงานบัญชีเก่าของหลี่หรงให้มาที่นี่ในวันนี้อีกด้วย

“แต่ว่าพี่เขย พี่ไล่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของฉันยกชุดเลย จนตอนนี้ที่บริษัทของฉันไม่มีใครทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลยสักคนหากมีอะไรเกิดขึ้นอีกฉันจะทำยังไง…”

หลี่หรงรู้สึกจนใจ เมื่อบริษัทไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่เลย เธอจึงรู้สึกไม่มั่นคงเล็กน้อย

“ไม่ต้องห่วง ปัญหานี้พี่จะจัดการเดี๋ยวนี้นี่แหละ”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานโทรหาเฉิงกัวอันทันทีและอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

“ฮ่าวหราน นายอยากจะยืมพวกบอดี้การ์ดของฉันไปใช้งานก่อนงั้นเหรอ?”

“ใช่ ผมขอยืมมาก่อนเป็นการชั่วคราว”

“ฮ่า ๆ ได้! ไม่มีปัญหา ฉันมีบอดี้การ์ดดี ๆ อยู่เยอะแยะ เดี๋ยวฉันแบ่งไปให้ยืมก่อน และนายไม่ต้องกังวล พวกเขาถูกฝึกมาอย่างดีเยี่ยม นายไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความซื่อสัตย์ของพวกเขาเลย!”

เฉิงกัวอันตอบตกลงอย่างง่ายดาย

“อืม ผมขอบคุณมาก”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และแน่นอนว่าครั้งนี้เขาจำบุญคุณของอีกฝ่ายที่ช่วยเหลือเขาเอาไว้อีกครั้ง ชายหนุ่มจึงตั้งใจว่าจะตอบแทนให้กับเฉิงกัวอันแน่นอนหากมีโอกาส

เฉิงกัวอันจัดการเรื่องที่อวี้ฮ่าวหรานขอเร็วมาก แค่เพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง บอดี้การ์ดมืออาชีพที่ดูน่าเกรงขามยี่สิบคนก็มาถึงบริษัทของหลี่หรง

เมื่อตรวจสอบแล้วว่ารายได้และสวัสดิการของตัวเองเป็นที่น่าพึงพอใจ กลุ่มบอดี้การ์ดก็พากันเซ็นสัญญาทำงานชั่วคราวให้กับหลี่หรง

จากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็แบ่งบอดี้การ์ดมาสิบคน และพาพวกเขาตระเวนไปทั่วบริษัทของเธอ เพื่อถอนรากถอนโคนหนอนของตระกูลอู๋ที่ยังอยู่ในแผนกต่าง ๆ ของบริษัท

“ม..ไม่ใช่นะ! ฉันไม่ใช่คนของตระกูลอู๋! ฉันทำงานที่นี่มาตั้งสองปีกว่าแล้ว ฉันจะไม่มีทางหักหลังบริษัทแน่นอน!”

“คุณจะไล่ฉันไม่ได้นะ! คุณไล่ฉันโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ ฉันไม่ยอมแน่!”

ในระหว่างที่เก็บกวาดพวกหนอนที่ถูกส่งมาแฝงตัว บรรดาพนักงานที่ถูกลากออกไปต่างตะโกนร้องขอความยุติธรรม หรือไม่บางคนก็ถึงขนาดขู่อาฆาตเลยก็มี

อย่างไรก็ตาม ภายใต้เนตรเทวะของอวี้ฮ่าวหราน เขาสามารถรับรู้ได้ทั้งหมดว่าใครโกหกใครพูดจริง

ส่วนหลี่หรงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เอาแต่ยืนแสดงสีหน้าหดหู่ นึกไม่ถึงเลยว่าบริษัทของตัวเองนั้นจะถูกแทรกซึมเข้ามาถึงขนาดนี้

การกวาดล้างดำเนินไปถึงเวลาเกือบเที่ยง

“เฮ้อ…ในที่สุดก็เสร็จสักที…คนพวกนั้นนี่มันร้ายกาจกันจริง ๆ”

หลี่หรงถอนหายใจด้วยความกังวล การกวาดล้างนั้นไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นสักเท่าไหร่ พวกพนักงานหลายคนที่ถูกไล่ออกไปต่างข่มขู่เธอและอวี้ฮ่าวหราน ซึ่งมันทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจ

แต่ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจอะไรกับคำขู่พวกนั้นเลย

“คนพวกนั้นมันก็แค่ตัวตลก ถ้าพวกมันยังกล้าโผล่หน้ามา พี่จะกวาดล้างให้พวกมันไม่กล้าอยู่ในเมืองนี้อีกเลย”

“จ้า จ้า พ่อพี่เขยคนเก่งของฉัน ฉันเชื่อ! แต่พี่เขย ตอนนี้ฉันหิวแล้ว เราออกไปหาอะไรกินกันไหม?”

เนื่องจากพ่อครัวในโรงอาหารก็ถูกไล่ออกไปเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องไปกินอาหารที่ข้างนอกบริษัทก่อนชั่วคราวจนกว่าจะหาพ่อครัวคนใหม่มาได้

อวี้ฮ่าวหรานขบขันเล็กน้อยเมื่อเห็นหลี่หรงลูบท้องของตัวเอง และแสดงสีหน้าทุกข์ทน จากนั้นเขาก็พาหลี่หรงออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารในละแวกใกล้ ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเย็นนี้มันกำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับบริษัทของเขาเอง…

เย็นของวันเดียว บรรดาพนักงานทั้งหลายของเครือฮ่าวหรานต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

ผู้จัดการหวังขับรถกลับบ้านทางเดิมตามปกติเฉกเช่นที่ทำเป็นประจำ แต่จู่ ๆ เมื่อขับไปถึงย่านเปลี่ยวผู้คน รถของเขาก็ถูกรถตู้แปดคันล้อมเอาไว้และบังคับให้หยุด!

“พวกแกเป็นใครกัน!”

หลังจากรถจอดเขาลดกระจกลงและตะโกนถามพวกรถตู้ที่กำลังล้อมรถตัวเองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

แต่แล้วเมื่อรถทั้งหมดหยุดลง นักเลงเกือบยี่สิบคนก็กรูกันลงมาจากรถตู้!

เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้จัดการหวังจึงรีบเลื่อนกระจกรถขึ้นปิดทันที

แต่กระจกรถบาง ๆ จะไปทนมือทนไม้พวกนักเลงเกือบยี่สิบคนได้ยังไง?

โครม โครม โครม!! เพล้ง!!

แต่เพียงไม่กี่อึดใจ พวกนักเลงทุบกระจกรถของผู้จัดการหวังจนแตกละเอียดและเอื้อมมือเข้าไปในรถเพื่อปลดล็อกประตูจากด้านใน ก่อนที่จะลากตัวของผู้จัดการหวังออกมา

“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย! แกกล้าดียังไงถึงล็อกประตูใส่พ่อของแกคนนี้ แกอยากตายงั้นเหรอ!”

นักเลงที่ลากตัวผู้จัดการหวังลงจากรถตะคอกใส่ด้วยสีหน้าดุเดือด

“พ…พวกคุณเป็นใคร? ผมไม่เคยล่วงเกินอะไรพวกคุณ ทำไมพวกคุณถึงกับผมแบบนี้???”

ด้วยความไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ว่าจะกลัว ผู้จัดการหวังก็ยังถามกลับไป เขาอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คนพวกนี้เล่นงานคนผิดหรือเปล่า?

“แกใช่หวังจุนหรือเปล่า?”

หนึ่งในนักเลงถามกลับด้วยสีหน้าข่มขู่

“ช…ใช่ผมเอง”

“ฮ่า! ถ้างั้นก็ไม่ผิดตัว! แกเนี่ยแหละที่พวกฉันกำลังตามหา!”

หลังจากนั้น ผู้จัดการหวังถูกอุ้มขึ้นรถตู้อย่างรวดเร็วและรถตู้ก็เร่งเครื่องจากไปทันที

อันที่จริงในเวลาเดียวกันนี้ ชะตากรรมของพวกผู้บริหารเครือฮ่าวหรานทั้งหลายต่างก็คล้ายคลึงกับผู้จัดการหวัง