บทที่ 295 เหล่าผู้บริหารหายตัวไป

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 295 เหล่าผู้บริหารหายตัวไป
บทที่ 295 เหล่าผู้บริหารหายตัวไป

เช้าวันถัดมา

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานไปถึงบริษัทของตัวเอง เขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติในทันที

ที่ด้านในบริษัทพนักงานของเขาทุกคนต่างจับกลุ่มคุยกันหลายกลุ่มด้วยสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด!

เมื่อเดินไปถึงหน้าแผนกฝ่ายขาย และยังเห็นว่ามีพนักงานกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มกำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ด้านนอก อวี้ฮ่าวหรานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

“ทำไมถึงไม่ไปทำงานกัน? นี่มันเก้าโมงแล้ว มาจับกลุ่มยืนคุยอะไรกันแถวนี้อยู่อีก?”

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วแน่นในระหว่างถาม นี่มันผิดปกติเป็นอย่างมาก เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพนักงานของตัวเองถึงแสดงสีหน้ากังวลกันขนาดนี้?

“ท…ท่านประธาน…มันไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ทำงาน แต่หัวหน้าแผนกของเราไม่มาทำงานวันนี้โดยไม่ลาล่วงหน้าก่อน ซึ่งมันทำให้เราไม่สามารถทำงานต่อได้เพราะเอกสารบางอย่างต้องรอลายเซ็นอนุมัติจากเขาก่อน”

“ใช่ครับท่านประธาน เอกสารที่ควรจะถูกเซ็นอนุมัติเช้านี้ยังไม่ได้เซ็นเลย ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถทำงานต่อได้”

“…”

ทุกคนต่างพากันอธิบายด้วยสีหน้ากังวล

“ทั้งหัวหน้าแผนกและรองหัวหน้าแผนกไม่มาทำงานกันทั้งคู่เลยงั้นเหรอ?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับด้วยคิ้วที่ขมวดแน่นมากกว่าเดิม

“ใช่ครับ พวกเขาไม่ได้บอกว่าจะลาล่วงหน้าเลย” หนึ่งในพนักงานตอบกลับ

“โทรหาแล้วหรือยัง?”

“พวกเราโทรแล้วแต่พวกเขาไม่รับสายเลย แถมเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่กับแผนกของเราที่เดียว แผนกอื่น ๆ ก็เผชิญปัญหาเดียวกันกับเรา”

คำพูดประโยคนี้ของพนักงาน ทำให้ชายหนุ่มถึงกับหน้าเปลี่ยนสี!

หากปัญหานี้มันเกิดขึ้นกับแค่แผนกเดียว มันอาจจะสรุปได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่นี่มันเกิดขึ้นเกือบทุกแผนกเหมือนกันและเวลาเดียวกัน นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้จัดการหวังทันที!

หลังจากโทรออกไปสีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนเป็นเย็นชา เพราะเขาโทรหาอีกฝ่ายไม่ติด

บริษัทของเขาถูกเล่นงานแล้วแน่นอน!

การที่ผู้บริหารระดับสูงทุกคนหายไปพร้อม ๆ กัน มันจะต้องเป็นฝีมือของศัตรูของเขาที่ต้องการจะทำให้เครือฮ่าวหรานกลายเป็นอัมพาต

ในเวลานี้ถ้ามีใครสักคนปล่อยข่าวนี้ออกไป ราคาหุ้นของเครือฮ่าวหรานจะต้องดิ่งลงเป็นประวัติการณ์และนั่นจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับบริษัทของเขามากกว่าเดิม

กลุ่มคนที่คิดแผนนี้ขึ้นมาเตรียมตัวมาดีจริง ๆ

แต่หลังจากที่ชายหนุ่มพอจะเข้าใจแผนคร่าว ๆ ของอีกฝ่าย จู่ ๆ พวกพนักงานระดับสูงที่ยังคงมาทำงานก็รีบวิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“ท่านประธานพวกเราแย่แล้ว! ตอนนี้มีใครก็ไม่รู้ปล่อยข่าวลือและกำลังกว้านซื้อหุ้นของเราเรื่อย ๆ เลย!”

“ท่านประธานโปรดคิดหาวิธีรับมือด้วย หากพวกเราไม่รีบทำอะไรสักอย่าง ความเสียหายมันจะใหญ่จนเราแก้ไขไม่ได้”

“ใช่ อีกฝ่ายลงมือเร็วมาก หลังจากปล่อยข่าวลือและเห็นว่าราคาหุ้นของเราร่วง พวกเขาก็รีบโกยซื้อหุ้นของพวกเราทันที จนตอนนี้ได้ส่วนแบ่งไปหลายเปอร์เซ็นต์แล้ว!”

“…”

พวกเขาทุกคนต่างกังวลกันเป็นอย่างมาก เครือฮ่าวหรานคือบริษัทที่มีสวัสดิการดีที่สุดในเมืองฮ่วยอัน ดังนั้นหากบริษัทนี้เป็นอะไรไปขึ้นมามันหมายความว่าพวกเขาอาจจะต้องออกไปหางานที่บริษัทใหม่ที่ห่วยกว่า ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการเลย

“เข้าใจแล้ว พวกคุณกลับไปทำงานที่แผนกตัวเองกันก่อน เดี๋ยวผมจะคอยประคับประคองสถานการณ์เอง”

อวี้ฮ่าวหรานลอบถอนหายใจ เขาไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะลงมือเร็วขนาดนี้

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าสถานการณ์จะแย่ลง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ตื่นตระหนก

เขามีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปีแล้ว เขาผ่านสถานการณ์เป็นตายมานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นปัญหาแค่นี้ไม่ได้ทำให้ใจของเขาหวั่นไหวสักเท่าไหร่

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานเดินกลับไปที่ออฟฟิศของตัวเองเพื่อหาทางจัดการกับสัดส่วนหุ้นที่กำลังถูกกว้านซื้อไปอย่างรวดเร็ว

ในทันทีที่เข้าไปในออฟฟิศของตัวเอง อวี้ฮ่าวหรานโทรออกหาเฉิงกัวอัน อย่างรวดเร็ว

“มีบางอย่างเกิดขึ้นกับบริษัทของผม”

“ฉันได้ข่าวมาแล้ว! พวกผู้บริหารในบริษัทของนายพากันลาออกไปพร้อม ๆ กันหมดเลยงั้นเหรอ? ข่าวนี้ฉันเพิ่งได้รับเมื่อครู่นี้เองและกำลังจะโทรหานายเพื่อยืนยันพอดี”

แน่นอนว่า เฉิงกัวอันได้ยินข่าวลือมาแล้วเช่นกัน

“ข่าวนี้มันแพร่ไปทั่วเมืองแล้วใช่ไหม?”

ตามที่อวี้ฮ่าวหรานคาดเอาไว้ ข่าวลือนี้ถูกแพร่ไปเร็วไม่ต่างอะไรกับไฟลามทุ่ง

“ใช่ ตอนนี้แทบทุกคนรู้ข่าวนี้หมดแล้ว เพราะแทบจะทุกสื่อต่างประโคมข่าวนี้กันตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่! ตอนนี้หุ้นของเครือฮ่าวหรานกำลังดิ่งลงไม่หยุดเลย!”

เสียงของเฉิงกัวอันวิตกกังวลอย่างชัดเจน

“อืม เร็วและรุนแรงตามที่คาดเลยจริง ๆ”

“ตอนนี้ฉันกำลังรวบรวมทุนเพื่อจะกว้านซื้อหุ้นของเครือฮ่าวหรานเช่นกัน ด้วยวิธีการนี้ฉันน่าจะพอช่วยให้ราคาหุ้นไม่ตกเร็วมากสักเท่าไหร่ และหุ้นจะได้ไม่ตกไปอยู่ในมือของคนอื่นมากนัก เอาไว้หลังจากจบเรื่อง นายก็มาซื้อหุ้นที่ฉันถือคืนไป”

เฉิงกัวอันรีบกล่าวเสริม

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

อีกฝ่ายรู้ว่าควรจะช่วยเขายังไงโดยที่เขาไม่ต้องพูดอะไรเลย การมีมิตรที่ฉลาดแบบนี้คอยช่วยเหลือถือว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก

“ว่าแต่ นายช่วยบอกฉันทีได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าพวกผู้บริหารของนายจะพากันลาออกพร้อม ๆ กันในช่วงเวลาที่บริษัทของนายกำลังรุ่งเรืองแบบนี้”

หลังจากบอกแผนการของตัวเอง เฉิงกัวอันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในเรื่องนี้

เมื่อได้ยินคำถามนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชาและตอบกลับ

“ลาออกงั้นเหรอ? ไม่ใช่หรอก พวกเขาถูกลักพาตัวไปต่างหาก!”

แต่เนื่องจากตอนนี้เขาไม่มีเวลามากพอที่จะอธิบายอะไรมากนัก หลังจากตอบประโยคนี้กลับไป อวี้ฮ่าวหรานก็วางสายทันที

หลังจากปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกันทั้งหมด อวี้ฮ่าวหรานรู้ดีว่าคนของเขาเป็นยังไง มันไม่มีทางที่ผู้จัดการหวังและผู้บริหารคนอื่น ๆ จะลาออกและหายหน้าไปพร้อม ๆ กันแบบนี้ในชั่วข้ามคืน

ความเป็นไปได้อย่างเดียวมันคือพวกเขาถูกลักพาตัวไปแน่นอน!

“มันเป็นพวกไหนกัน? แก๊งวาฬยักษ์? ตระกูลอู๋? หรือองค์กรอสรพิษ?”

ตั้งแต่อวี้ฮ่าวหรานกลับมายังโลกนี้ เขาเจอกับอุปสรรคขวางทางมากมาย แม้ว่าจะผ่านมันมาได้ทั้งหมด แต่การที่เขาไม่สามารถฆ่าใครได้ตามใจชอบก็ทำให้บรรดาศัตรูของเขายังคงอยู่และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้ ชายหนุ่มเองก็สับสนไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายไหนที่กำลังเล่นงานตัวเอง

ในขณะเดียวกับที่อวี้ฮ่าวหรานกำลังครุ่นคิด จู่ ๆ พนักงานคนหนึ่งก็เปิดประตูอฟฟิศของเขาเข้ามาโดยที่ไม่เคาะประตูก่อนด้วยสีหน้าเร่งร้อน

“ท่านประธาน! ตอนนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งมาตามหาท่าน! เธออ้างตัวเองว่าเธอเป็นภรรยาของผู้จัดการหวัง พวกเราพยายามหยุดเธอแล้วแต่เธอไม่ฟังเลยและกำลังวิ่งมาที่นี่!”

อวี้ฮ่าวหรานเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ใส่ใจกับการที่พนักงานคนนี้ไม่ยอมเคาะประตูห้องก่อน เขาโบกมือและเอ่ยขึ้น

“ปล่อยให้เธอเข้ามาหาผมได้เลย”

ถัดมาไม่เกินหนึ่งนาที ผู้หญิงหน้าตาดีอายุประมาณสามสิบต้น ๆ คนหนึ่งก็เข้ามาในออฟฟิศของอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าย่ำแย่

“ป…ประธานอวี้! คุณต้องช่วยสามีของฉันนะ! หวังจุนถูกลักพาตัวไป ค…คนพวกนั้นเรียกค่าไถ่สามีของฉันสามล้านหยวน พวกมันบอกว่าถ้าฉันไม่จ่ายมันจะไม่มีทางปล่อยหวังจุน!”

“เรียกค่าไถ่?”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกสนใจทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้จากอีกฝ่าย พวกผู้บริหารคนอื่นที่หายตัวไป แต่กลับไม่มีญาติคนไหนของผู้บริหารพวกนั้นเอ่ยขึ้นถึงเรื่องเรียกค่าไถ่เลย

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายที่จับตัวคนของเขาไปน่าจะมีความเห็นต่างกันเล็กน้อย

“บอกรายละเอียดผมมา ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”

ในทางกลับกัน ถึงแม้ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะเอ่ยให้ความมั่นใจออกไป ภรรยาของผู้จัดการหวังก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย

“เมื่อวานหลังจากที่ฉันรอหวังจุนจนถึงสี่ทุ่ม และเห็นว่าเขายังไม่กลับบ้าน ฉันก็เลยโทรหาเขา ในตอนแรกไม่มีใครรับสายเลย แต่พอผ่านไปสักพักก็มีคนโทรกลับมา และบอกว่าพวกเขาจับตัวหวังจุนเอาไว้และต้องการเงินสามล้านเพื่อเป็นค่าไถ่”

ในระหว่างที่พูด หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นจากความกลัว