ตอนที่ 905 ออกไปแล้วกลับฝรั่งเศสไปเดี๋ยวนี้!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ผู้จัดการของเคทรับรู้ถึงสัญญาณเตือน หากแต่เธอกลับยังคงไม่รู้ตัว

 

 

จะว่าไปแล้วผู้จัดการสังเกตเห็นผลงานของนักแสดงหญิงคนอื่นๆ บนโต๊ะของเฉียวเซินตอนที่เข้ามาในห้องทำงานของเขา และเห็นได้ชัดว่าเขาเปิดดูพวกมันทั้งหมดแล้ว ดูเหมือนว่าเขากำลังพิจารณาหาคนอื่นมาแทนที่เคท

 

 

ผู้จัดการอยากให้เฉียวเซินใจเย็นลง หากแต่ด้วยอารมณ์ของเขาในตอนนี้เธอจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้เคททำอะไรไม่คิดลงไป

 

 

ด้วยเหตุนี้สุดท้ายผู้จัดการจึงมอบนาฬิกาหรูเป็นของขวัญให้กับเชี่ยวเซิน แต่เขากลับไม่รับแล้วยื่นกลับมาโดยที่ไม่เปิดดูแม้แต่น้อย

 

 

แน่นอนว่าเขาได้ต่อสายเพื่อคุยกับถังหนิงเรื่องนี้แล้ว แต่ทั้งสองมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องนักแสดงที่จะเลือก ในที่สุดพวกเขาจึงไม่สามารถตกลงเรื่องนักแสดงที่เหมาะสมได้

 

 

“ให้โอกาสเคทอีกครั้งเถอะ ไหนๆ เราก็ถ่ายทำกันมามากแล้ว น่าเสียดายที่จะยอมแพ้ตอนนี้”

 

 

“ฉันควรฟังเธอตั้งแต่ทีแรกและไม่เอานักแสดงต่างชาติมาแสดง ฉันทำตัวเองลำบากแท้ๆ เชียว”

 

 

ถังหนิงไม่ได้ตอบกลับ จริงๆ แล้วตอนนี้เธอกำลังสนใจกับรายการเด็กบนโทรทัศน์ตรงหน้าโม่จื่อเฉินอยู่ต่างหาก

 

 

เจ้าตัวป่วนมองหน้าจอตาไม่กะพริบพร้อมรีโมตที่อยู่ในมือ ถึงแม้ว่าเขาจะยังเดินได้ไม่แข็งดีด้วยซ้ำ

 

 

จากนั้นถังหนิงวางสายและจดจ่อกับภาพบนหน้าจอ…

 

 

ในบรรดาลูกทั้งสองคน โม่จื่อซีชื่นชอบการนอนเป็นที่สุด หากแต่เขาก็มีมุมขี้เล่นและซุกซน ผิดกับโม่จื่อเฉินที่เหมือนชายสูงวัย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ดูเหมือนผู้ใหญ่ขนาดย่อมๆ และสนใจสังเกตสิ่งรอบตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะเช่นนั้นจื่อซีเลยดูเหมือนเด็ก ในขณะที่จื่อเฉินดูโตกว่าวัยของเขาไปมาก เป็นอย่างนี้ต่อไป เห็นทีว่าสุดท้ายเด็กแสบคนนี้จะต้องเฉลียวฉลาดกว่าเธอและโม่ถิงแน่

 

 

 

 

ในขณะเดียวกันที่ทางเข้าสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง

 

 

ซย่าหันโม่และหลินเฉี่ยนก้าวออกมาจากสถานที่ถ่ายทำและพบว่าฝนพรำอยู่ด้านนอก ดังนั้นในระหว่างที่หลินเฉี่ยนวิ่งออกไปเอารถ โจวชิงก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังซย่าหันโม่

 

 

“หันโม่”

 

 

“พี่โจว” ซย่าหันโม่มองเขาด้วยสายตางุนงง

 

 

“ฉันรู้ว่าเธอสนิทสนมกับหลินเฉี่ยน แต่มีบางอย่างที่ฉันไม่มั่นใจว่าควรจะพูดดีหรือเปล่า ฉันแค่อยากจะแนะนำเธอ มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหรอกนะ”

 

 

เธออึ้งไปเล็กน้อยแต่ก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ “ว่ามาสิคะ”

 

 

“ฉันรู้ว่าหลินเฉี่ยนมีความสามารถ แล้วก็รู้ว่าเธอดูแลเธอดีมาก แต่ฉันเชื่อว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของเธอต้องไม่ธรรมดาแน่ ถึงยังไงแฟนหนุ่มของเธอก็ทำงานในกองทัพ ถ้าวันหนึ่งเธอแต่งงานไปแล้วเอาแต่สนใจเรื่องของครอบครัวตัวเองล่ะ ฉันว่าเธอต้องเตรียมใจกับเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นและลองหาผู้จัดการกับผู้ช่วยที่เหมาะสมเอาไว้บ้างนะ…

 

 

…ถึงฉันจะรู้ว่าถังหนิงจะเตรียมการไว้แล้ว แต่ฉันเชื่อว่าเธอต้องคิดถึงความต้องการของเธอเองเป็นหลัก”

 

 

หลังฟังจบ ซย่าหันโม่พยักหน้ารับ “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะพี่โจว แต่ฉันว่ายังไม่จำเป็นตอนนี้หรอกค่ะ”

 

 

“ก็จริง ฉันแค่อยากให้เธอเตรียมตัวเอาไว้น่ะ” โจวชิงส่งยิ้มให้

 

 

ไม่นานรถของหลินเฉี่ยนก็มาถึงพร้อมกับผู้ช่วยของโจวชิงที่เข้ามาจอดเทียบต่อหน้าทั้งคู่ พวกเขาก้าวขึ้นรถของตัวเองและกลับไปยังที่พัก แต่ทว่าซย่าหันโม่กลับรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่าโจวชิงจะเพียงออกปากแนะนำ เธอก็ทนไม่ได้ที่วันหนึ่งหลินเฉี่ยนอาจจากเธอไป

 

 

ดังนั้นในระหว่างที่พวกเธอขับรถกลับบ้าน ซย่าหันโม่อดไม่ได้ที่จะถามหลินเฉี่ยน “คุณวางแผนจะแต่งงานเมื่อไหร่เหรอคะ”

 

 

“ฉันยังไม่ได้คิดเลยค่ะ” หลินเฉี่ยนตอบ

 

 

ซย่าหันโม่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตราบใดที่ยังไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ เธอจะไม่เก็บเรื่องที่โจวชิงยกขึ้นมาพูดมาคิดอีกจนกว่าเวลานั้นจะมาถึง

 

 

 

 

เคทต้องการตัวโม่ถิง เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามใกล้ชิดเขาด้วยร่างกาย หากแต่ในครั้งนี้ทีมงานส่วนใหญ่รู้แล้วว่าเธอสนใจในตัวเขา

 

 

อย่างไรก็ตามพวกเขาต่างโล่งใจที่เห็นโม่ถิงไม่เคยชายตามองเธอสักครั้ง สร้างความสบายใจให้กับแฟนๆ ของคู่รักโม่อย่างพวกเขาทีเดียว

 

 

“เคทคนนี้น่ารังเกียจจริงๆ เธอไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปได้เลย”

 

 

“ประธานโม่เป็นของถังหนิง ฉันหวังว่าผู้หญิงคนนี้จะยับยั้งชั่งใจได้บ้าง”

 

 

“ฉันล่ะไม่ชอบนักแสดงต่างชาติเลยสักนิด พวกเขาอาจจะเก่งเรื่องการแสดง แต่เรื่องความสัมพันธ์นี้ฉาวโฉ่สุดๆ ไปเลย”

 

 

“คอยดูเถอะ เคทจะต้องได้ฉีกหน้าตัวเองแน่ๆ ”

 

 

ในขณะที่ทีมงานสุมหัวกันซุบซิบนินทาเคท สิ่งที่พวกเขาพูดกันก็ลอยเข้าถึงหูผู้จัดการของเคทอย่างเลี่ยงไม่ได้ การถ่ายทำที่กองก็ลำบากพวกเขาพออยู่แล้ว เคทยังไม่รู้จักควบคุมตัวเองเอาไว้อีก

 

 

ไม่นานหลังจากนั้น เคทขอให้ทีมงานคนหนึ่งเอาน้ำมาให้เธอ หากแต่จิบไปได้อึกเดียว เธอก็บ้วนออกมาและโยนแก้วลงบนพื้นเพราะน้ำที่ร้อนเกินไป

 

 

“เธอทำอะไรของเธอ ตั้งใจจะลวกฉันหรือยังไง”

 

 

ผู้ช่วยตำแหน่งเล็กๆ ในกองรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ยิ่งการเสิร์ฟน้ำให้กับนักแสดงไม่ได้เป็นหน้าที่ของเธอมาตั้งแต่แรกด้วยแล้ว

 

 

ทว่าเพื่อไม่เป็นการไปมีเรื่องกับอีกฝ่าย เธอได้แต่เก็บแก้วน้ำขึ้นมาและไปเอาอย่างอื่นมาให้ แต่ในครั้งนี้เคทกลับบ่นว่าเธอไม่ได้ใส่น้ำตาลลงไป

 

 

ผู้ช่วยในกองไม่อาจทนไหวอีกต่อไปและพึมพำบางคำออกมาเบาๆ อย่างไรก็ตามเคทได้ยินสิ่งที่เธอพูด ถึงจะไม่เข้าใจภาษาจีนแต่เธอก็ดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังต่อว่าเธออยู่ จึงหันไปถามผู้จัดการของตัวเอง “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร”

 

 

“เธอบอกว่าคุณเทียบถังหนิงไม่ได้เลย” อีกฝ่ายตอบไปตามตรง

 

 

“ถ้าถังหนิงดีนักหนาแล้วทำไมพวกคุณไม่ให้เธอแสดงแทนล่ะ ฉันมั่นใจว่าพวกคุณคงจะเข้าข้างเธอไม่ว่าเธอจะเป็นนังแพศยาชั่วช้าแค่ไหนก็ตาม”

 

 

ทีมงานไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเธอจึงได้แต่ทำท่าไม่พอใจมากกว่าเดิม เมื่อเห็นดังนั้นเคทหลุดขำออกมาและเทน้ำในแก้วราดหัวอีกฝ่าย “ถังหนิงเป็นนังแพศยาชั่วช้า นังแพศยาชั่วช้า!”

 

 

ผู้จัดการปล่อยให้เคทพูดคำเหล่านี้ออกมาเพราะรู้ว่าไม่มีใครอยู่แถวๆ นี้ แต่นึกไม่ถึงว่าคำพูดพวกนี้จะลอยไปถึงหูโม่ถิง

 

 

ถึงอย่างไรทีมงานในกองเองก็ถูกกดขี่ข่มเหง เธอจึงต้องบอกเรื่องนี้กับเชียวเชินอยู่แล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่ก็จำคำสุดท้ายที่เคทลั่นออกมาได้ก่อนทวนออกมาให้เฉียวเซินฟัง

 

 

เมื่อเขาได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยความโกรธ ที่แย่ที่สุดคือโม่ถิงกำลังยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา

 

 

“ประธานโม่…”

 

 

โม่ถิงไม่ปริปากใดๆ พลางปรายตามองเคทที่ยืนอยู่ไกลๆ ก่อนก้าวเข้าไปหาเธอ

 

 

เฉียวเซินและผู้ช่วยกองคนนั้นรีบตามหลังไป เตรียมรับมือกับพายุที่กำลังจะโหมกระหน่ำ

 

 

แน่นอนว่าเคทแปลกใจที่เห็นโม่ถิง จะว่าไปแล้วเขาเคยเข้าหาเธอด้วยตัวเองตั้งแต่เมื่อไรกัน เธอพลันลุกขึ้นจากเก้าอี้และทักทายเขาพร้อมรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามโม่ถิงทำเพียงว่าใส่หน้าเธอ “ออกไปแล้วกลับฝรั่งเศสไปเดี๋ยวนี้! อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีกเด็ดขาด!”

 

 

สีหน้าของเคทเปลี่ยนเป็นเฉยชาด้วยความงุนงงจากคำสั่งของโม่ถิง

 

 

“ทำไมคะ”

 

 

“ชิ่ว” โม่ถิงเอ่ยอย่างเย็นชาในขณะที่หันไปทางผู้จัดการของเคท “ถ้าคุณฉลาดพอก็น่าจะบอกให้เอเจนซี่ของคุณเลิกหวังในตัวเคทสักที ไม่อย่างนั้นผมจะทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อน”

 

 

อีกฝ่ายไม่ได้ขยับตัวไปไหน จริงๆ แล้วไม่รู้ว่าจะรับมือกับคำข่มขู่ของโม่ถิงอย่างไรด้วยซ้ำ

 

 

ผู้จัดการบอกได้เลยว่าโม่ถิงโกรธจนถึงขีดสุด

 

 

ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามที่เขาบอก ถึงอย่างไรเทียบกับเคทแล้ว คงไม่มีใครกล้าลองดีกับไห่รุ่ย