ตอนที่ 906 นักแสดงนำหญิงถูกปลด!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ความจริงผู้จัดการคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าเรื่องจะต้องลงเอยเช่นนี้ หากแต่เธอหวังว่าพวกเขาจะอดทนจนกว่าจะถ่ายทำจนเสร็จสิ้นได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเคทนั้นยากเกินควบคุม เธอช่างไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าจะถึงเวลาที่ต้องเชี่ยหมากตัวนี้ทิ้งเสียแล้ว

 

 

เคทพูดจาต่อว่าถังหนิงจริง เธอกล้ามาว่าถังหนิงได้อย่างไร

 

 

เธอไม่คิดบ้างหรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากโม่ถิงมาพบเข้า

 

 

“ไม่ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น คุณเป็นคนที่เชิญฉันมาที่นี่เองคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไล่ฉันกลับไป”

 

 

อย่างไรก็ตามโม่ถิงหันหลังเดินจากไปโดยไม่มองกลับมาแม้สักครั้ง

 

 

“เดี๋ยวอีกไม่นานผมจะส่งข้อตกลงยกเลิกสัญญาตามไปนะครับ…” เฉียวเซินเอ่ยแจ้ง เขารู้ว่าโม่ถิงทนกับเคทมานานมากแล้ว น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้เธอได้ใกล้ชิดกับเขาเพียงเล็กน้อย หากแต่ในครั้งนี้เธอทำตัวโง่เง่าเกินไปที่ไปต่อว่าถังหนิง…

 

 

เธอขุดหลุมฝังตัวเองแท้ๆ ประธานโม่เป็นคนที่สามารถอดทนกับเรื่องที่เข้ามากระทบได้ดีด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้ถังหนิงโดนกระทำไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาจับได้ว่ามีใครบางคนพูดจาต่อว่าเธออย่างนี้

 

 

เคทโวยวายและกรีดร้องออกมาพร้อมตั้งคำถามกับเฉียวเซิน

 

 

หากแต่ผู้จัดการของเธอกลับทอดทิ้งเธอไปยังไม่เหลียวแล ขณะที่ไปเก็บของและโทรหาเอเจนซี่เพื่อรายงานเรื่องที่เคทไปก่อเรื่องจนถูกปลดออกจากการเป็นนักแสดง

 

 

“นี่คือสิ่งที่คุณพวกคุณทำกับนักแสดงต่างชาติอย่างนั้นเหรอ ฉันจะฟ้องร้องพวกคุณ”

 

 

เธอกล้าที่จะลองดีอีกครั้ง ทว่าเธอคิดจริงๆ หรือว่าจะเอาชนะโม่ถิงได้ง่ายๆ

 

 

เคททดสอบความอดทนของโม่ถิงมาพักหนึ่งแล้ว เธอคิดว่าโม่ถิงจะยอมทนกับเธอต่อไป หากแต่แน่นอนว่าคงจะเป็นเช่นนั้นหากเธอไม่ได้ไปพูดจาสบประมาทถังหนิงเสียก่อน

 

 

“ผู้กำกับคะ นักแสดงหญิงถูกปลดแบบนี้เราจะถ่ายทำกันต่อยังไงดีละคะ”

 

 

เฉียวเซินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ไม่ได้แน่ล่ะ แยกย้ายกลับบ้านแล้วรอผมแจ้งไปอีกทีแล้วกันนะครับ”

 

 

หลังจากทุกคนเก็บของและกำลังกลับ ในที่สุดเคทก็คิดจะตามผู้จัดการของเธอกลับไปบ้าง หากแต่อีกฝ่ายกลับก้าวคือรถอย่างจงใจไม่ให้เธอตามขึ้นมาได้

 

 

“เคทฉันทนเธอมาหลายปีแล้ว ในที่สุดตอนนี้ฉันก็เป็นอิสระเสียที เธอจะไปไหนก็ไปแล้วก็จองตั๋วเครื่องบินกลับฝรั่งเศสเอาเองแล้วกัน” ผู้จัดการเอ่ยก่อนจากไป

 

 

“ไอ้บ้า! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”

 

 

เคทวิ่งไล่ตามรถหากแต่ผู้จัดการของเธอกลับไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย

 

 

 

 

จากนั้นเฉียวเซินโทรรายงานเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ถังหนิงรู้ “ประทานโม่ได้ยินเคทต่อว่าคุณเข้า เรื่องก็เลยเป็นอย่างนี้นี่แหละ”

 

 

“โอเคค่ะ” ถังหนิงตอบ

 

 

“ถึงเคทจะไม่ได้เข้าฉากมากนัก แต่การหาคนมาแทนที่เธอหมายความว่าเราจำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่หมด ปัญหาใหญ่ตอนนี้ก็คือเรายังหาคนที่เหมาะสมกับบทบาทนี้ไม่ได้เลย”

 

 

ความกังวลครั้งใหญ่ของเฉียวเซินคือเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถแสดงหญิงที่เหมาะสมได้

 

 

อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ถังหนิงระบายยิ้มก่อนเอ่ยถามขึ้น “ไหนๆ เราก็ต้องหานักแสดงหญิงคนใหม่แล้ว ทำไมเราไม่ใช้โอกาสนี้เปลี่ยนบทใหม่สักหน่อยละคะ”

 

 

“คุณคิดจะทำยังไงล่ะ” เฉียวเซินถามกลับ

 

 

“ฉันคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ค่ะ”

 

 

เป็นไปไม่ได้ที่ถังหนิงจะแสดงเองเพราะเธอกำลังตั้งท้องอยู่ และคงจะไม่เข้าท่านักเช่นกันที่จะต้องใช้นักแสดงหญิงคนอื่น ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปการถ่ายทำจะต้องไม่คืบหน้าไปไหนอย่างแน่นอน ดังนั้นความคิดหนึ่งจึงแล่นเข้ามาในหัวถังหนิง

 

 

หากแต่ในขณะที่เฉียวเซินและถังหนิงกำลังปรึกษาและหาทางออกกันในเรื่องนี้ เคทได้บุกเข้าไปที่สถานทูตฝรั่งเศสและทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตเกินเหตุขึ้นมา

 

 

แน่นอนว่าทางสถานทูตฝรั่งเศสทำเพียงเมินเฉยใส่เธอด้วยเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ

 

 

ทว่าสุดท้ายเรื่องนี้ก็หลุดออกไป ถึงก่อนหน้านี้จะมีคนสงสัยเรื่องถังหนิงกับเฉียวเซินก็ตาม แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาจะยังเดินหน้าสร้างภาพยนตร์ไซไฟกันต่อไป

 

 

ตอนนี้นักแสดงหญิงช่างเรื่องอื้อฉาวขึ้นขนาดนี้ ความฝันในการสร้างภาพยนตร์ไซไฟของเธอยังจะเป็นไปได้อีกหรือ

 

 

ยิ่งทำให้ผู้คนเฝ้าจับตาดูด้วยความสงสัย

 

 

“ถังหนิงทิ้งการเป็นนักแสดงและเพื่อไล่ตามความฝันที่เลื่อนลอย เธอคงเพ้อเจ้อไปแล้วแน่ๆ”

 

 

“แม้ว่าฉันจะสนับสนุนถังหนิง แต่ตลาดหนังไซไฟในประเทศก็ไม่ได้สู้ดีนักจนฉันคิดว่ามันคงจะไม่สำเร็จหรอก”

 

 

“คอยดูกันต่อไปแล้วกัน พวกเขากำลังบุกเบิกด้วยความตั้งใจที่จะสร้างหนังภายในประเทศอย่างแท้จริง แต่พวกเขากลับใช้นักแสดงต่างชาติแทนเนี่ยนะ”

 

 

“ฉันหวังว่าถังหนิงจะไม่ถลำลึกไปในเส้นทางจอมปลอมอย่างนั้น”

 

 

ในสายตาของผู้คน ถังหนิงกำลังใช้วิธีการที่ไม่จริงใจอยู่

 

 

อีกทั้งเรื่องของผู้จัดการของเคท ไม่มีใครเชื่อในภาพยนตร์ไซไฟของถังหนิง พวกเขาต่างคิดว่าเธอเสียสติไปแล้ว

 

 

ทว่าหากถังหนิงสนใจความคิดของคนอื่นจริง เธอคงจะไม่เริ่มสร้างภาพยนตร์ขึ้นและไม่ทุ่มเทสุดตัวกับมันเช่นนี้

 

 

ดังนั้นในขณะที่ทุกคนต่างเฝ้าสงสัย ถังหนิงได้ไปพบกับเฉียวเซิน

 

 

“ไห่รุ่ยจะจัดการเรื่องของเคทเอง แล้วฉันก็มาคุยกับคุณเรื่องความคิดของฉันด้วยค่ะ…

 

 

…ฉันว่าเรื่องราวความเป็นมาของ มดราชินี สามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่ค่ะ…” ถังหนิงยื่นแผนผังที่เธอร่างมาให้เฉียวเซินดู “ช่วงนี้หนังไซไฟไม่ค่อยจำเป็นต้องใช้ตัวละครจำพวกวีรบุรุษกับหญิงสาวผู้อ่อนแอ มันเชยไปแล้ว ฉันว่าหนังไม่จำเป็นต้องมีผู้หญิงก็ได้ค่ะ”

 

 

“หือ” เฉียวเซินไม่ค่อยเข้าใจนัก “คุณกำลังจะบอกว่า…”

 

 

“เราถอดบทหญิงสาวออกแล้วเพิ่มบทเด็กผู้หญิงเข้าไป แล้วก็เล่าเป็นเรื่องราวของพ่อกับลูกสาวแทน มันจะทำให้เนื้อหาของหนังยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น อีกอย่างหนังแบบนี้ก็ประสมความสำเร็จในต่างประเทศมาหลายเรื่องแล้วด้วยค่ะ…

 

 

“นอกจากนี้นี่เป็นหนังไซไฟ ถ้าเพิ่มตัวละครเด็กผู้หญิงที่ไร้ทางสู้เข้าไปด้วย ก็จะยิ่งทำให้ดูตื่นเต้นและกระตุ้นสัญชาตญาณการปกป้องของผู้ชมและฉากนั้นก็จะยิ่งดูน่าลุ้นมากกว่าเดิมอีกด้วย ฉันว่าการมีเด็กหญิงในหนังคงไม่น่าตื่นตาตื่นใจน้อยไปกว่าตัวละครหญิงสาวหรอกค่ะ…

 

 

“ที่สำคัญที่สุดคือฉันเลือกคนที่เหมาะสกับบทนี้เอาไว้แล้วค่ะ” ถังหนิงตอบพลางยื่นข้อมูลให้กับเฉียวเซิน “เด็กผู้หญิงคนนี้ชื่อโคโค่ลี [1] พ่อของเธอเป็นคนแคนาดา เด็กคนนี้มีเครื่องหน้าที่สวยทีเดียว ยังไงก็ตามนั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกค่ะ ประเด็นก็คือเธอมีทักษะในการแสดงต่างหาก”

 

 

เฉียวเซินไม่รู้ว่าจะตอบกลับคำพูดของถังหนิงอย่างไร หากแต่ในฐานะของหุ้นส่วนทางธุรกิจคำแนะนำของถังหนิงนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขา

 

 

ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดกับตัวเองครู่หนึ่ง ในที่สุดเฉียวเซินเอ่ยถามถังหนิงขึ้น “คุณได้ความคิดนี้มาจากไหน”

 

 

ถังหนิงต้องขอบคุณจื่อเฉิน เจ้าแสบตัวน้อย

 

 

เด็กหนึ่งขวบคนหนึ่งที่กำลังดูโทรทัศน์ได้ช่วยแม่ของเขาแก้ปัญหาที่คิดไม่ตก

 

 

“นี่เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวเลยนะ ที่สำคัญฉันจะได้ไม่ต้องคอยอยู่อย่างหวาดระแวงตอนที่เลือกนักแสดงหญิงมาเล่นประกบกับประธานโม่ด้วย” เฉียวเซินยังอกสั่นขวัญแขวนกับโม่ถิงไม่หาย

 

 

“อีกอย่าง คุณได้คุยเรื่องนี้กับประธานโม่หรือยัง”

 

 

ถังหนิงพยักหน้ารับ ในคืนที่เธอเจอเด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนี้ เธอได้บอกให้เขารู้ “คุณคิดว่าฉันจะทำทุกอย่างนี้ได้ด้วยตัวเองเหรอคะ ต่อให้ฉันทำได้ ก็คงต้องใช้เวลาหลายวัน แต่สำหรับโม่ถิงใช้เวลาแค่หนึ่งคืนเท่านั้นเองค่ะ”

 

 

โม่ถิงไม่ได้มีเพียงอำนาจแต่เขายังฉลาดหลักแหลม ที่สำคัญเขายังวางแผนได้อย่างแยบยลอีกด้วย

 

 

มีเรื่องมากมายที่เขาไม่จำเป็นต้องทำด้วยตัวเอง แต่ตราบใดที่เขาลงมือจัดการเองแล้ว ทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทาง

 

 

“คุณกำลังจะบอกว่าประธานโม่ตั้งใจทำให้เรื่องของเคทเป็นเรื่องใหญ่เหรอ”

 

 

สำหรับเรื่องนี้โม่ถิงนั้นโกรธอย่างถึงที่สุด

 

 

 

 

——

 

 

[1] ผู้เขียนทราบดีว่าชื่อเหมือนกับดาราในชีวิตจริง แต่เป็นเพียงเหตุบังเอิญเท่านั้น เด็กคนนี้ขื่อว่าหลี่เค่อเค่อ แต่ด้วยพ่อของเธอเป็นคนแคนาดา ผู้เขียนจึงพยายามทำให้ออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษ