ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 147
กุ้ยไท่เฟย ยึดมั่นตามแนวคิดนี้มาโดยตลอด แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมา เมื่อนางกลับมา ในดวงตาก็มีประกายของความโหดร้ายเล็กน้อย
ข่าวที่มู่หรงเจี๋ยใกล้จะเสียชีวิตก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และถึงแม้ว่าอ๋องอันต้องการปิดข่าวนี้ แต่ก็ไม่อาจปิดบังได้
เพราะว่ากุ้ยไท่เฟยไม่ให้ความร่วมมือ หลังจากที่หมอหลวงบอกว่าหมดหนทางรักษาแล้ว นางจึงให้นักพรตมาร่ายคาถาอย่างเอิกเกริก
เซียวท่ายังตรวจพบที่มาที่ไปของนักพรตผู้นั้น และได้สั่งให้คนไปแจ้งอ๋องอันให้ออกมาพบ เพราะภายใต้คำสั่งอันเข้มงวดของกุ้ยไท่เฟย เขาไม่อาจเหยียบย่างเข้าไปในจวนอ๋องได้เลยสักก้าว
อ๋องอันออกจากจวนผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ และเซียวท่าก็รออยู่บนรถม้าตรงตรงปากซอย
เขาขึ้นไปบนรถม้า แล้วดึงม่านลง เซียวท่าก็รีบกล่าว “ตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่า เจ้าหมอดูลวงโลกนั่นมีชื่อว่าเถาเต๋อ เป็นนักพรตอาวุโสของอารามฝูเต๋อ เขาเริ่มติดต่อกับกุ้ยไท่เฟยก่อนที่ท่านอ๋องจะเป็นผู้ดูแลประเทศ พอฝ่าบาททรงประชวรหนัก กุ้ยไท่เฟยก็ได้ไปที่อารามฝูเต๋ออยู่สองสามครั้ง มีข่าวแพร่งพรายออกมาว่ากุ้ยไท่เฟยต้องให้เถาเต๋อร่ายคาถา เพื่อทำให้อาการประชวรของฝ่าบาทหนักขึ้น และเพื่อให้ท่านอ๋องโชคดี ทำให้ท่านอ๋องมีอนาคตที่สดใส เถาเต๋อผู้นั้นได้เตรียมการวางค่ายกล เจ็ดวันเจ็ดคืน เป็นไปตามคาด หลังจากนั้นไม่กี่วัน อาการประชวรของฝ่าบาทก็หนักขึ้น เขาจึงแต่งตั้งให้ท่านอ๋องเป็นผู้ดูแลประเทศ กุ้ยไท่เฟยก็เลยเชื่อเถาเต๋ออย่างสนิทใจ ตอนเกิดเรื่องขึ้นกับท่านอ๋อง เถาเต๋อก็มาเป็นแขกที่จวนพอดิบพอดี เพราะกุ้ยไท่เฟยเชิญเขามาพูดคุยที่จวน”
อ๋องอันประหลาดใจมาก หากนี่เป็นเรื่องจริง งั้นกุ้ยไท่เฟยก็ใช้คาถาสาปแช่งฝ่าบาทน่ะสิ? มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตเลยนะ
อ๋องอันนึกถึงท่าทีของกุ้ยไท่เฟยที่มีต่อหวงไท่โฮ่ว ดูเหมือนว่าในใจนางหวังให้อาเจี๋ยยึดอำนาจมานานแล้ว แต่อาเจี๋ยไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ถ้าหากเดาไม่ผิด นอกจากร่ายคาถาสาปแช่ง นางจะต้องวางแผนการจัดการเรื่องอื่น ๆ อีก
“คนผู้นี้มักจะติดต่อกับผู้ใดบ้าง?” อ๋องอันกล่าวถาม
“ไม่เคยติดต่อกับองค์รัชทายาท แต่ว่ามีคนเห็นคุณชายเหลียงฉีบุตรชายคนโตของเหลียงไท่ฟู่ไปที่อารามฝูเต๋ออยู่ครั้งนึง
อ๋องอันส่ายหัวแล้วกล่าว “ข้าคิดว่าเถาเต๋อผู้นี้น่าจะเป็นคนของเหลียงไท่ฟู่ ไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนั้น ที่เขาจะไปเป็นแขกที่จวนพอดิบพอดี ยังมีอีก เหตุใดภรรยาของหนี่หรงจึงไปหากุ้ยไท่เฟยที่จวนอ๋องอย่างกะทันหัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนี่หรงออกทำภารกิจ บางครั้งก็ไปเป็นเดือน ๆไม่ได้กลับมา ก็ไม่เห็นว่านางจะไปตามหา ที่บังเอิญกว่านั้นคืออีเจิ้งฟูเหรินจากสำนักฮุ่ยหมินก็อยู่ที่จวนนั่นพอดี เรื่องบังเอิญเรื่องนึงก็คือเรื่องบังเอิญ เรื่องบังเอิญสองเรื่องก็มีความเป็นไปได้ แต่ถ้ามีเรื่องบังเอิญมากมายมาอยู่รวมกันแบบนี้ มันก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว แต่ว่ามีคนจงใจสร้างมันขึ้นมา”
“ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน แล้วเซี่ยจื่ออานล่ะ ท่านได้พบนางหรือไม่” เซียวท่ากล่าวถาม
อ๋องอานส่ายหัว “เข้าพบนางไม่ได้ กุ้ยไท่เฟยไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปเยี่ยมหรือติดต่อกับนางทั้งนั้น”
“บังคับไม่ได้เหรอ?” เซียวท่ากล่าวอย่างกังวลใจ “ถ้าหากปล่อยให้หมอดูปลอมนั่นรักษาต่อไป จะต้องเกิดเรื่องกับท่านอ๋องขึ้นแน่ ๆ”
“ข้าตัดสินใจจะใช้ไม้แข็งแล้ว” อ๋องอันเปิดม่านแล้วลงจากรถม้าด้วยใบหน้าที่แลดูมุทะลุ ก้าวเท้ายาว ๆ ออกไป
เซียวท่าเป็นกังวลมาก แต่ว่าที่ประตูมีคนของไท่เฟยเฝ้าอยู่ เขาไม่สามารถเข้าไปได้ นึกถึงตอนที่หมอดูลวงโลกพูดว่าเขาเป็นชี่พิฆาตเป็นภัยต่อท่านอ๋อง เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาเป็นอย่างมาก เกลียดมากซะจน อยากจะหักคอหมอดูลวงโลกผู้นั้น นำมาเป็นลูกตะกร้อแล้วใช้เตะ
รถม้าคันน้อยที่หลังคาด้านบนเป็นแผ่นยางสีเขียวขับเคลื่อนออกมาจากประตูหลังของจวนอ๋อง มีคนนั่งอยู่หน้ารถม้าสามคน คนหนึ่งเป็นคนขับรถม้า และอีกสองคนดูเหมือนจะเป็นองครักษ์
คนขับรถม้ามีท่าทางลับ ก็รีบขับรถม้าออกไปอย่างรีบร้อน
เซียวท่าเกิดความสงสัยขึ้นในทันที แต่ก็ไม่ได้เข้าไปข้างใน
ผู้ที่อยู่ในรถม้าที่แท้ก็คือจื่ออาน เธอถูกขังอยู่ในคุกเป็นเวลาสองวัน คุกที่ทั้งมืดและชื้น ไม่แสงแดดเลยสักนิด ก่อนหน้านี้นางลืมกดปุ่มเพื่อชาร์จแหวนแห่งจิตวิญญาณ ตอนนี้แหวนแทบจะไม่มีพลังงานไฟฟ้าหลงเหลืออยู่เลย
นางถูกมัดตัวไว้ ปากก็ถูกปิดไว้ และถูกอุ้มมาไว้บนรถม้า ไม่ต้องคิดเลยก็รู้ว่า กุ้ยไท่เฟยกำลังจะจัดการนางอย่างลับ ๆ
เมื่อรถม้าออกมาจากทางเข้าด้านข้าง นางก็มองเห็นเซียวท่าผ่านช่องว่างในม่าน แต่ไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ นางรีบนอนตะแคง เท้าที่ถูกมัดไว้ของนางยื่นออกจากม่านด้านข้างของรถม้า นางถูไถรองเท้าจนมันตกลงสู่พื้น โดยหวังว่าจะดึงดูดความสนใจจากเซียวท่าได้
ในขณะที่รองเท้าหล่นลงสู่พื้น เซียวท่าก็ปิดม่านลงพอดี กลับเข้าไปนั่งในรถม้า
ด้านนอกมีแสงแดด จื่ออานพยายามใช้เท้ายกม่านขึ้น ให้แดดส่องเข้ามาด้านใน เพื่อให้แหวนแห่งจิตวิญญาณสามารถดูดซับรังสีจากดวงอาทิตย์ พลังงานจะได้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่นานองครักษ์ก็รู้ตัว คนหนึ่งเข้าไปในรถม้า ดึงผมของจื่ออานขึ้นมาแล้วอีกมือหนึ่งก็กำหมัดต่อยไปที่ศีรษะของจื่ออาน และพูดอย่างโมโห “ต้องการขอความช่วยเหลือ? อยากจะตายนักใช่ไหม?”