บทที่ 349
บทที่ 349

ตู้ม !

ปราณระเบิดออก ทำให้เกิดเสียงลั่นอีกครั้งระหว่างตัวถังหยินและหยุนเจียน …แรงระเบิดทำให้พื้นรอบตัวพวกเขาสั่นไหว

ถังหยินกระเด็นออกมาจากกำแพงเมือง ตกลงมาท่ามกลางกองทหารของเขา เกราะของชายหนุ่มแตกทุกส่วนแล้วมีเลือดท่วมตัว นอนแน่นิ่งบนพื้นไม่ต่างอะไรจากคนตาย

หยุนเจียนที่โดนระเบิดก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก เขากระเด็นออกไปกระแทกหอคอยจนเกราะแตกกระจายเลือดท่วมตัวเช่นกัน

ถังหยินที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายในตอนนี้ ทำให้พวกทหารต่างก็หวาดกลัวกันมาก “นายท่าน ?”

พวกทหารตะโกนเรียกแต่ถังหยินก็ไม่ขยับตัว

พวกเขาไม่สนสนามรบตรงหน้า และสนใจถังหยินมากที่สุดในตอนนี้ เพราะถ้าถังหยินตาย กองทัพเทียนหยวนก็ถือว่าพ่ายแพ้ !

พวกทหารเปิงที่อยู่ข้างบนกำแพงพากันชี้ลงมาแล้วตะโกนลั่น “ยิงธนูเข้าใส่เลย ! ทำให้แน่ใจว่าถังหยินมันตายสนิท !”

พวกทหารเปิงไม่รอช้า รีบหยิบจับอาวุธทุกอย่างเข้ามาโจมตีใส่ถังหยินอย่างบ้าคลั่งในทันที

ด้านล่างนั่น จ้านหูตื่นกลัวจนทำอะไรไม่ถูก เขาตาแดงแล้วตะโกนออกมา “พวกเจ้าหลีกทางไป !” ก่อนจะวิ่งเข้ามากวาดพวกทหารกระเด็นออกไปแล้วเข้ามาปกป้องถังหยินเอาไว้

ธนูมากมายปักเข้าที่กลางหลังของจ้านหู แล้วกระเด็นออกไปเพราะเกราะปราณของเขา !

จ้านหูสามารถปกป้องลูกธนูเอาไว้ได้ก็จริง แต่ก้อนหินที่พุ่งเข้ามาก็ทำให้ร่างของเขาโอนเอนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหินก้อนที่สี่ ที่ทำให้จ้านหูคุกเข่าลงกัดฟันพยายามสู้ต่อไปเพื่อปกป้องผู้เป็นนาย !

เขาจะต้องปกป้องถังหยินเอาไว้ แม้ว่าชีวิตจะหาไม่ ! เพราะถ้าไม่ใช่ถังหยิน ป่านนี้เขาก็คงเป็นทาสอยู่ที่ดูกีต่อไปจนไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันจนวันตาย !!!!

ห่าฝนธนูและก้อนหินพุ่งเข้าใส่จ้านหูจนเลือดเริ่มไหลออกจากปากของเขา

อู่กวน และพี่น้องฉางกวงต่างก็ตะลึงกับจ้านหูที่กำลังปกป้องถังหยินโดยที่ร่างของเขากำลังมีเลือดไหลท่วมอยู่ …สภาพของเขาพร้อมที่จะพังทลายได้ตลอดเวลา

อู่กวนคำรามแล้วบอกกับพี่น้องฉางกวง “พวกเจ้าพานายท่านกับจ้านหูหลบไปก่อน !” จากนั้นเขาก็เข้ามายืนขวางด้านหน้าจ้านหู และใช้ดาบฟาดฟันของทุกอย่างที่กำลังพุ่งเข้ามา

หยวนอู่และหยวนเปียวก็อาศัยจังหวะนี้แบกทั้งสองคนกลับไปยังค่ายของตนเอง

เมื่อกลับมาถึง ชิวเจิ้นกับคนอื่นที่เห็นสภาพถังหยินก็แทบจะเป็นลม และแม้ว่าชิวเจิ้นที่ใจเย็นก็ยังแทบจะเป็นบ้าเมื่อได้เห็นแบบนี้ เขาคิดว่าโลกนี้จบสิ้นลงแล้ว แต่เด็กหนุ่มก็ยังตั้งสติเอาไว้ได้และสั่งให้พาถังหยินกลับไปยังค่ายของตัวเอง ก่อนให้เย่เหล่ยดูแลอาการของชายหนุ่ม พร้อมกันนั้นเขาก็ได้สั่งให้กองทัพเทียนหยวนหยุดการรบไว้ก่อนชั่วคราว

ชิวเจิ้นรู้ดีว่าไม่อาจปกปิดเรื่องถังหยินได้ และถ้าข่าวนี้แพร่ไป พวกทหารกับแม่ทัพจะต้องหมดขวัญกำลังใจเป็นแน่ !!

ภายใต้คำสั่งของชิวเจิ้น กองทัพเทียนหยวนก็หยุดเข้าโจมตีในที่สุด

ความสูญเสียของฝั่งพวกเปิงก็ไม่น้อยไปกว่ากันเลย แต่เย่เฉิงก็ตื่นเต้นมาก เพราะเขาสามารถยื้อเอาไว้ได้ และถึงจะไม่รู้ว่าถังหยินเป็นตายร้ายดียังไง แต่สังเกตจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเขาก็รู้เลยว่าถังหยินจะต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่ ๆ! และนี่ …มันก็จะกระทบกับการปิดล้อมเมืองครั้งต่อ ๆ ไปไม่มากก็น้อย !!!

สำหรับหยุนเจียน มีคนรายงานมาว่าเขาตายเพราะเครื่องในระเบิดจากแรงปะทะ !

อย่างที่ชิวเจิ้นคาดการเอาไว้ ข่าวถังหยินแพร่สะพัดออกไปเร็วมาก ทำให้พวกทหารเป็นกังวลจนแทบไม่สามารถทำการรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ณ ค่ายเทียนหยวน กระโจมของถังหยิน

กุนซือชิวเจิ้น แม่ทัพมูฉิง และทุกคนเข้ามารวมตัวกันที่หน้ากระโจมถังหยิน ทุกคนต่างก็เดินอย่างกระวนกระวาย พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเปิดม่านเข้าไปดูเพราะกลัวว่าจะรบกวนเย่เหล่ยที่กำลังทำการรักษาอยู่

จ้านหูยืนอยู่กลางฝูงชน เขาเป็นคนที่เข้าปกป้องถังหยินด้วยร่างกายทำให้บาดเจ็บหนัก แต่หลังจากได้รับการรักษาเขาก็แทบจะหายดีแล้ว แต่สิ่งที่เขากังวลที่สุดในตอนนี้ก็คือความปลอดภัยของถังหยิน

ซงหยวนที่เห็นสีหน้าทุกคนเป็นกังวลใจเขาก็เลียริมฝีปาก “ร่างกายของนายท่านน่ะต่างจากคนปกติทั่วไป ครั้งล่าสุดที่เขาได้รับบาดเจ็บมาก็ยังรอดมาได้เลย” เขาพยายามจะปลอบคนอื่นและตัวเองไปในตัว

ทุกคนรู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้มันแตกต่างจากครั้งที่แล้ว ถังหยินถูกไฟคลอกก็จริงแต่ก็ยังมีเกราะปราณอยู่ทำให้เขาไม่เป็นอันตรายมาก แต่ครั้งนี้เขาถูกระเบิดอย่างจัง ทำให้ทั้งร่างและเกราะแหลกไปบางส่วน !

ไม่มีใครตอบเขา ทุกคนที่อยู่ข้างนอกต่างก็เงียบเป็นเป่าสาก และจะมีก็แต่เสียงลมพัดผ่านไปมาเท่านั้น

วูบ !

วินาทีนั้น กระโจมได้เปิดออกพร้อมนายทหารหนุ่มเดินออกมา ในมือของเขามีอ่างที่เต็มไปด้วยเลือด ทุกคนที่เห็นก็รีบเข้าไปถามอย่างกระวนกระวาย “เป็นยังไงบ้าง ?”

นายทหารหนุ่มส่ายหัว “ยังไม่แน่ชัด แต่ยังต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติม”

พวกทหารข้างนอกก็ยังเป็นกังวลมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่พวกเขากังวลมากกว่านั้นก็คือเย่เหล่ยที่ทำการรักษามามากกว่า 1 ชั่วยามแล้ว

นายทหารผู้นั้นไม่คิดชักช้าอีก เขาเร่งเดินออกไปทันที

จากนั้นก็เป็นเฉิงจินที่พูดขึ้น “ข้าจะช่วยนายท่านเอง !”

“อะไรนะ ?” ทุกคนตะลึงแล้วมองหน้าเฉิงจินอย่างงุนงง เฉิงจินเป็นแค่ผู้ใช้ศาสตร์มืด แถมยังไม่รู้เรื่องยาอะไร แบบนี้จะช่วยถังหยินได้ยังไงกัน ?

เมื่อเห็นแบบนั้นเฉิงจินก็พูดต่อ “ข้าจะเสียสละตนเองเพื่อช่วยนายท่าน !”

มีวิชาศาสตร์มืดชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า ‘สละชีพ’ มันคือการโอนถ่ายพลังชีวิตและปราณทั้งหมดเพื่อช่วยชีวิตอีกคนหนึ่ง เช่นเดียวกับที่หยานหลี่เคยใช้กับถังหยินเมื่อครั้งแรกจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน และเมื่อตอนนี้อาการของถังหยินกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต เฉิงจินก็จึงคิดใช้วิธีนี้เพื่อช่วยผู้เป็นนาย !

น้อยคนนักที่จะรู้จักวิชานี้ เว้นแต่พวกผู้ใช้ศาสตร์มืดด้วยกันเอง พวกหน่วยลับของถังหยินและเจียงโมต่างก็ตัวสั่นแล้วลุกขึ้นพูดกับเฉิงจิน “ท่านแม่ทัพ ให้ข้าทำเถิด !”

ในสายตาของคนอื่น ถังหยินอาจเป็นแค่คนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านซ่งเทียนเท่านั้น แต่ในสายตาของพวกหน่วยศรทมิฬ ถังหยินคือความหวังของผู้ใช้ศาสตร์มืด !

…ถ้าถังหยินอยู่ ยังไงก็มีความหวังสำหรับพวกเขา !!!

เฉิงจินมองลูกน้องของเขาก่อนจะยิ้มออกมา “ให้ข้าทำเถอะ” จากนั้นเขาก็มองเจียงโม “เมื่อข้าไม่อยู่แล้วพวกเจ้าต้องสามัคคีกันไว้” จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในกระโจมของถังหยิน

“ท่านแม่ทัพ ?” เมื่อเฉิงจินเข้าไปแล้ว ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนกและอยากจะเข้าไปบ้าง แต่ชิวเจิ้นก็ห้ามเอาไว้ “เสียสละชีวิตคนหนึ่งเพื่อนายท่านงั้นเหรอ ? แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว !”

ทุกคนไม่รู้จักวิชานี้ยกเว้นแค่ชิวเจิ้น เขาไม่สามารถรับการตายของเฉิงจินได้ แต่ก็ไม่อาจเสียถังหยินไปได้เหมือนกัน !!