ตอนที่ 23 กลับกลอก

Mars เจ้าสงครามครองโลก

เลือดพุ่งออกมาจากปากของอู๋เจิงหยง

“คุณเย่ คุณหวาง ผมจะจัดการคนพวกนี้เดี๋ยวนี้ ต้องขออภัยที่ทำให้พวกคุณสองคนตกใจ”

สารวัตรโจวกล่าวด้วยความตกใจและกลัวจนใจเต้นรัว แล้วมองไปมองหนานกงหยู่

แม่งฉิบหาย!

กล้ายุยั่วเจ้าเทพและนายหญิง เบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม

สารวัตรโจวสะบัดแขนและตบไปที่หน้าของหนานกงหยู่

“กล้ามาก่อเรื่องที่นี่ ดูเหมือนว่าคุณจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่ไหม!”

หนานกงหยู่ถูกทำร้ายจนเลือดเต็มปาก และตกใจเป็นอย่างมาก เขาคุกเข่าอย่างรวดเร็วและกำลังจะขอโทษ แต่กลับถูกสารวัตรโจวเตะล้มลงบนพื้น “คุณคู่ควรคุกเข่าให้คุณเย่หรือ?”

หลังจากกล่าวจบ เขาก็ให้คนจับตัวอู๋เจิงหยงออกไป

หนานกงหยู่หายใจเข้าลึก ๆ และสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

คนที่ถูกจับไปนั้นกลับเป็นอู๋เจิงหยง!

หรือว่าเจ้าเทพยังตอบแทนบุญคุณเย่เซิ่งเทียนไม่หมด? พวกเขาเข้าใจความหมายของสำนักงานจ่งตูผิด?

เป็นไปไม่ได้ ความหมายที่ซ่อนเร้นของสำนักงานจ่งตูนั่นคือเจ้าเทพกำลังแสดงให้เห็นว่าตนเองได้ตอบแทนบุญคุณเย่เซิ่งเทียนไปหมดแล้ว!

ถูกต้อง ถ้าเขาลงมือทำร้ายเย่เซิ่งเทียนต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก มันจะเป็นการดูหมิ่นเจ้าเทพ ดังนั้นสิ่งที่เจ้าเทพต้องการคือการจัดการเย่เซิ่งเทียนอย่างลับ ๆ

เพราะงานแต่งงานนั้นยิ่งใหญ่มาก และแอบอ้างชื่อของเจ้าเทพอย่างสมบูรณ์!

ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หนานกงหยู่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

หลังจากกลับไปที่นั่งของตนเองแล้ว หวางซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก และกล่าวเบา ๆ ว่า “โชคดีที่พวกเรามากับเลขาเวิน มิฉะนั้น มันจะเป็นเรื่องใหญ่”

เย่เซิ่งเทียนกลั้นยิ้มและพยักหน้าอย่างจริงจัง “ต้องขอบคุณเลขาเวินแล้ว”

หวางซีกล่าวด้วยความโมโหว่า “ฉันบอกให้เตรียมของขวัญแล้ว แต่คุณไม่ยอมให้เตรียม ตอนนี้ไม่เป็นไงล่ะ คนอื่นมีของขวัญ มีแต่พวกเราที่ไม่มี”

เย่เซิ่งเทียนปลอบโยน “ผมรู้สึกว่าเทพเจ้าเกลียดการมอบของขวัญมากที่สุด”

“ยังพูดจาเหลวไหลอีก ทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของคุณ”

หวางซีรู้สึกกระวนกระวายใจมาก เพราะทุกคนได้เตรียมของขวัญมา และการที่เธอไม่ได้เตรียมของขวัญมานั้น เป็นเพราะฟังคำพูดของเย่เซิ่งเทียน

สถานการณ์เช่นนี้ คนปกติจะต้องรู้สึกวิตกกังวล

“ฮึ่ม อย่าคิดว่าพวกคุณเข้ามาพร้อมกับเลขาเวินแล้ว ก็จะได้งานประกวดราคาในครั้งนี้?”

หนานกงหยู่มองเย่เซิ่งเทียนและหวางซีด้วยความอาฆาตแค้น เขาถูกบังคับให้คุกเข่าในงานแต่งงาน และเมื่อสักครู่ก็ถูกตบหน้าต่อสาธารณชน แล้วเขาจะพอใจได้อย่างไร

ขณะนี้ เวินเฉินเดินออกมาจากหลังเวทีและประกาศว่า “ฉันชื่อเวินเฉิน เป็นเลขาของเจ้าเทพ และเป็นคนที่รับผิดชอบงานของเขตกองทัพเจียงหนานชั่วคราว”

ฮึด

ทุกคนสูดหายใจเข้าลึกๆ

เวินเฉินเป็นจอมพลหญิงคนแรกนับตั้งแต่การก่อตั้งกองทัพต้าเซี่ยมา!

เจ้าเทพช่างน่ากลัวมาก!

ไม่เพียงแต่บ่มเพาะความสามารถของสามเทพสงคราม แต่เขายังบ่มเพาะจอมพลหญิงอีกคนด้วย! และเธอก็เต็มใจติดตามเจ้าเทพมาที่นี่!

อย่างไรก็ตาม แค่รับผิดชอบงานของเขตกองทัพเจียงหนาน ก็สามารถทำให้ผู้คนตกใจได้แล้ว

“ยังดีที่พวกเราได้เตรียมของขวัญมา ถึงแม้จะไม่ถูกใจเจ้าเทพ แต่ก็เป็นน้ำใจ”

“ถูกต้อง ของขวัญในงานแต่งงานนั้นมอบผิดคน คราวนี้พวกเราจะผิดพลาดไม่ได้ มิฉะนั้นการสร้างเมืองใหม่จะไม่มีส่วนแบ่งของพวกเราแล้ว”

“ยึดตามธรรมเนียมไว้ ผู้คนล้วนไม่ติติง คนระดับอย่างเจ้าเทพ ไม่สนใจคุณค่าของของขวัญ แต่สนใจความคิดเห็นของสาธารณชน พวกเราเป็นตัวแทนของเมืองเฉียนถัง และของขวัญนั้นถือเป็นสิ่งที่พวกเราแสดงความเคารพเจ้าเทพ”

หนานกงหยู่คิดว่าเขาเดาเจตนาที่แท้จริงของเจ้าเทพได้ จับหน้าตนเองและมองหวางซีด้วยความเคียดแค้น “พวกคุณไม่ได้เตรียมของขวัญมาใช่ไหม? เจ้าเทพปกป้องคุ้มครองทำให้ต้าเซี่ยสงบ พวกคุณไม่มีความสำนึกบุญคุณสักนิดเลยหรือ?”

หวางซีก้มศีรษะลง เธอรู้สึกอับอายมากจนอยากหารอยแยกบนพื้นเพื่อมุดเข้าไป

เดิมทีตระกูลหวางได้เตรียมของขวัญไว้แล้ว แต่เย่เซิ่งเทียนปฏิเสธที่จะนำมา

ตอนนี้ทุกคนต่างมอบของขวัญแล้ว แต่ตนเองไม่ได้เตรียมของขวัญมา และคงเป็นไปไม่ได้ที่ตนเองจะได้โครงการมา

หวางซีรู้สึกสิ้นหวัง

หนานกงหยู่รู้สึกลำพองใจมากยิ่งขึ้น “คนที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน ไม่มีความสำนึกบุญคุณเลยสักนิด ยังอยากชนะการประกวดราคาอีก ฝันไปเถอะ”

แต่ขณะนี้ เวินเฉินกล่าวต่อไปว่า “เจ้าเทพ ไม่ชอบการมอบของขวัญ งานประกวดราคาคราวนี้ คนที่มอบของขวัญทุกคนไม่มีสิทธิ์ชนะการประกวดราคา”

“อะไรน่ะ?”

พวกหนานกงหยู่ที่เตรียมของขวัญล้ำค่าต่างรู้สึกตกตะลึง

หวางซีมองเย่เซิ่งเทียนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เขาเดาถูกเจริง ๆ

สิ่งที่เวินเฉินกล่าวต่อไป ทำให้เกิดความโกลาหลอีกครั้ง

“ในบรรดาคนทั้งหมด มีเพียงคุณหวางซีเท่านั้นที่ไม่ได้มอบของขวัญ เธอต้องการมาประกวดราคาจริง ๆ และไม่ใช่กลั่นแกล้งผู้อื่น ดังนั้นขอมอบโครงการทั้งหมดของเมืองใหม่ให้กับหวางซี”

“ให้…ให้ฉันหรือ?”

หวางซีรู้สึกตกตะลึง แล้วมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความมึนงง

เป็นอย่างที่พูดจริง ๆ

เดิมทีเธอต้องการเตรียมของขวัญ แต่ถูกเย่เซิ่งเทียนขวางไว้

เธอได้ละทิ้งความหวังที่จะชนะการประกวดราคาแล้ว

แต่ตอนนี้ เลขาเวินได้มอบโครงการสร้างเมืองใหม่ให้เธอจริง ๆ!

ตัวแทนของตระกูลอื่นต่างตบหน้าตนเองด้วยความเจ็บปวด “พวกเราเข้าใจความหมายของเจ้าเทพผิด!”

สีหน้าของหนานกงหยู่แข็งทื่อ เพราะทันทีที่เขากล่าวจบ เลขาเวินก็กล่าวว่าเจ้าเทพไม่ชอบให้มอบของขวัญ

นี่เป็นเรื่องที่เสียหน้ามาก!

สีหน้าแข็งทื่อลงทีละน้อย

นี้เป็นเหมือนความฝัน

“ขอบคุณ ขอบคุณค่ะ”

หวางซีลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และจริงจังเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็รู้สึกประหม่ามากเช่นกัน “ฉัน ฉันจะไม่ทำให้เจ้าเทพต้องผิดหวัง จะทำโครงการเมืองใหม่ให้ดีที่สุด”

ดวงตาที่ริษยาของหนานกงหยู่ลุกเป็นไฟ และคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกเสียใจกับการเตรียมของขวัญ

จนกระทั่งกลับบ้านแล้ว แต่หวางซียังคงไม่อยากเชื่อเลยว่าตนเองจะเป็นคนที่ชนะโครงการเมืองใหม่จริง ๆ และยังเป็นรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว!

“ได้โครงการเมืองใหม่จริง ๆ หรือ?”

หลี่หลานคิดว่าตนเองฟังผิด จึงถามสามครั้งติดต่อกัน

เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณแม่ ซีเอ๋อร์ทำภารกิจสำเร็จลุล่วงแล้ว และได้งานทั้งหมดของโครงการเมืองใหม่”

“ขอบคุณสวรรค์ สวรรค์มีเมตตา ในที่สุดครอบครัวของพวกเราก็มีทางรอดแล้ว พวกเรารีบไปบอกข่าวดีกับหญิงชรากันเถอะ”

หลี่หลานเช็ดน้ำตาด้วยความตื่นเต้น

“หวางซี คุณไม่ได้โกหกคุณย่าใช่ไหม? คุณไม่ได้มอบแม้แต่ของขวัญ แต่ยังสามารถได้โครงการเมืองใหม่มา?”

หวางเปียวรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นฟืน และกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ

คนอื่นต่างก็ไม่เชื่อ หวางซีไม่ได้นำของขวัญไป แล้วจะได้โครงการมาได้อย่างไร

“คุณย่า เจ้าเทพไม่ชอบการมอบของขวัญ ฉันเป็นคนเดียวที่ไม่ได้มอบของขวัญ”

หวางซีเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในงานประกวดราคา

สายตาของหวางเอี๋ยนเต็มไปด้วยความริษยา หัวเราะเยาะเย้ยว่า “หวางซี อย่าคิดว่ามันเป็นความดีความชอบของคุณ คุณมันเป็นแค่แมวตาบอดเจอหนูตายเท่านั้นเอง ถ้าฉันเป็นคนไป ฉันก็สามารถได้โครงการเหมือนกัน”

คนตระกูลหวางทุกคนต่างรู้สึกว่าหวางซีโชคดี

ทุกคนล้วนพูดจาบั่นทอนกำลังใจ

“เอาล่ะ”

หญิงชรากล่าวว่า “ไม่ว่าจะยังไง หวางซีก็ได้โครงการมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก หวางเปียว คุณไปลงนามโครงการตอนนี้เลย”

“ครับ คุณย่า”

หวางเปียวและคนอื่น ๆ ยิ้มอย่างมีความหมาย

และเหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น จะทำให้ครอบครัวหวางซีไม่มีทางฟื้นคืนได้ตลอดไป!

เป็นแค่ความอัปยศของตระกูลหวาง แล้วยังอยากจะได้หุ้นคืนเพื่อจะได้โดดเด่น?

มันเป็นแค่ความฝัน!

หลี่หลานกล่าวด้วยความระมัดระวัง

สีหน้าของนายหญิงใหญ่หวางเย็นชา “สิ่งที่ฉันเคยพูดนั้นเป็นไปตามสัญญาอย่างแน่นอน ฉันจะโอนหุ้นของเจ้ารองก่อนเสียชีวิตให้หวางซี แต่คฤหาสน์ที่เขตจวนสวรรค์นั้นตระกูลจะครอบครองชั่วคราว”

หลี่หลานรีบกล่าวว่า “คุณแม่ นั้นเป็นสิ่งที่ตระกูลจ้าวมอบให้ซีเอ๋อร์ ทำไมคุณ ….. ”

“หือ? คุณกำลังสอนฉันหรือ?”

ทัศนคติของนายหญิงใหญ่หวางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้หลี่หลานรู้สึกสั่นไหว และมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้ว นี่คิดจะกลับกลอกเหรอ?

นายหญิงใหญ่หวางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกคุณต้องการหุ้น 25% เปอร์เซ็นต์ของเจ้ารองก่อนที่เขาจะเสียชีวิตไม่ใช่หรือ? ฉันจะโอนให้พวกคุณ! หุ้นของเจ้ารองนั้นเป็นหุ้นของบริษัทหัวหยวน และฉันมอบบริษัทหัวหยวนให้กับหวางซี ขณะเดียวกันก็เรียกคืนบ้านที่ครอบครัวหวางซีอาศัยอยู่ตอนนี้”