ตอนที่ 103.2 ความฝันเป็นนายหน้า (2)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 103 ความฝันเป็นนายหน้า! (2)

ฟู่ชางติ่งรีบเอ่ยว่า “งั้นพวกเราที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ทำยังไงล่ะ?”

“ช่วยอะไรไม่ได้!”

อาจารย์ประจำจุดแลกเปลี่ยนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “พวกคุณทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ถือเป็นตัวเลือกของพวกคุณเอง ทั้งยังครองความได้เปรียบก่อนลงสู่สนามแข่งขัน กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว สามารถเลือกสาขาและอาจารย์ที่ดี นี่คือการลงทุนของพวกคุณ ทางมหาวิทยาลัยไม่อาจช่วยชดเชยเรื่องพวกนี้อีกแล้ว”

ฟู่ชางติ่งกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพราะใช้ทรัพยากรของครอบครัว ดูเหมือนจะเสียเปรียบ แต่ความเป็นจริง ถ้าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ ไม่แสดงฝีมือเป็นที่ประจักษ์ พวกเขาอาจไม่ถูกอาจารย์ขั้นหกหมายตาเช่นกัน

ดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงไม่อาจชดเชยเรื่องพวกนี้ ต้องจ่ายออกไปถึงได้ตอบแทนคืนมา คุณได้รับการตอบแทน แต่ไม่คิดจะจ่ายออกไป นั่นใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป

ฟู่ชางติ่งเสียดายอยู่บ้าง ห้าสิบคะแนนไม่ใช่น้อยๆ เลย เขาถูกอัดหน้าบวมเป็นหัวหมู ยังได้แค่สี่สิบห้าคะแนนเท่านั้น

ฟางผิงกลับไม่สนใจเรื่องนี้มาก เพราะเขายังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์

มองรายการแลกเปลี่ยนสักพัก ก่อนฟางผิงจะเอ่ยว่า “อาจารย์ครับ ระดับการแลกเปลี่ยนอาวุธหมายความว่าอะไรเหรอครับ?”

“อาวุธเย็นในตอนนี้ส่วนมากจะทำจากโลหะผสม โลหะผสมมีทั้งแข็งอ่อน ยืดหยุ่นหรือคงสภาพแตกต่างกันไป เรื่องนี้พวกคุณคงเข้าใจ ดังนั้นแบ่งตามความแข็งแรงเป็นห้าระดับคือ ABCDE ความจริงยังมี FG อะไรอีก แต่ความแข็งแรงของพวกนั้นแทบไม่ต่างจากเหล็กธรรมดา อาวุธของผู้ฝึกยุทธ์ใช้แค่ห้าระดับ นอกจากนี้อาวุธยังขนาดไม่เท่ากัน ไม่อาจใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นชิ้นได้ แต่วัดจากน้ำหนักแทน อาวุธโลหะผสมระดับ E ค่อนข้างทนทาน ไม่กล้าพูดว่าตัดเหล็กเหมือนเป็นเต้าหู้ แต่เมื่อเทียบกับมีดที่ใช้ในบ้าน เมื่อปะทะกัน มีดต้องเป็นเป็นฝ่ายถูกทำลาย ตอนนี้พวกคุณยังไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนของพวกนี้ การสร้างอาวุธ อย่างน้อยต้องใช้โลหะผสมประมาณห้ากิโลกรัม แม้จะเป็นโลหะผสมระดับ E ที่ถูกที่สุด ก็ต้องใช้ถึงห้าสิบคะแนน สิ่งที่สำคัญสำหรับพวกคุณตอนนี้คือการกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ฝึกวิชาต่อสู้ และเรียนความรู้ทฤษฎีพื้นฐานทั้งหมด รอตอนปีสอง สามารถรับภารกิจแล้ว ค่อยพูดเรื่องแลกเปลี่ยนก็ไม่สาย”

“ปีสองถึงจะรับภารกิจได้?”

“ไม่ใช่เสมอไป ดูที่ความสามารถ ผมหมายถึงโดยทั่วไป ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทะลวงด่านอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาปีหนึ่งนั้นมีไว้ให้ทุกคนใช้ทะลวงด่านโดยเฉพาะ”

“งั้นต้องมีเงื่อนไขอะไรถึงจะรับภารกิจได้?”

“ผู้ฝึกยุทธ์ทำได้ แต่การรับภารกิจ ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ไม่อาจเห็นเป็นเรื่องสนุก ตายนั้นเท่ากับตายเปล่า โดยทั่วไป รอมหาวิทยาลัยจัดการทดลองทำภารกิจสักสองสามครั้ง หลังจากพวกคุณมีประสบการณ์แล้ว ค่อยรับภารกิจจะเหมาะสมที่สุด”

“…”

อาจารย์คนนี้บอกอย่างไม่มีกั๊ก ประโยชน์ในมหาวิทยาลัยควรจะบอกกล่าวให้ทราบอยู่แล้ว

เว้นแต่ว่าข้อมูลจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ดังนั้นฟางผิงอยากถามอะไร อีกฝ่ายล้วนให้คำตอบได้ทั้งนั้น

หลังจากออกมาจากฝ่ายบริการ ฟางผิงก็เอ่ยทั้งส่ายหน้า “สองร้อยคะแนนเหมือนจะเยอะ ความจริงกลับแลกยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองได้ไม่กี่เม็ดเท่านั้น ยาบำรุงแพงเกินไปแล้ว”

ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างหงุดหงิด “อย่าโลภไปหน่อยเลย! มหาวิทยาลัยมีส่วนร่วมกับการผลิตยาบำรุง ราคายานั้นถูกจนน่าตกใจแล้ว! ยาป้องกันอวัยวะภายในขั้นสองหนึ่งเม็ด ราคาตลาดสูงถึงสองแสนหยวน ที่นี่ขอแค่หกสิบคะแนนเท่านั้น หรือก็คือหกหมื่นหยวน…แน่นอนว่า นำเงินมาซื้อต้องใช้หนึ่งแสนแปดหมื่นหยวน ราคาไม่ต่างจากพวกเราซื้อเองเท่าไหร่ มหาวิทยาลัยนั้นไม่อยากให้พวกนักศึกษาเสียเงินซื้อยาบำรุงจากภายนอก”

ยาป้องกันอวัยวะภายในขั้นสอง ขายข้างนอกอยู่ที่สองแสนหยวน แต่โดยทั่วไป ถ้ามีช่องทางในการซื้อ ถูกสุดคงได้ในราคาหนึ่งแสนแปดหมื่นหยวน

ในมหาวิทยาลัยใช้หกสิบคะแนนซื้อเหมือนจะไม่เยอะ แต่ถ้าใช้เงินซื้อ เปลี่ยนเงินเป็นคะแนน นั่นต้องใช้ถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นแล้ว

มองแบบนี้ เหมือนมหาวิทยาลัยจะไม่จำกัดอะไร อันที่จริงกลับจำกัดอย่างมาก!

พวกนักศึกษาไม่อาจใช้เรื่องนี้ในการเป็นนายหน้าขายยาได้!

ฟางผิงถอนหายใจ ครั้งนี้เขาทำกำไรได้ไม่น้อย

สองร้อยสองคะแนน ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาอีกสิบเม็ด ถ้าจะแลกเปลี่ยนออกมา คงเป็นสองร้อยสามสิบสองคะแนน!

ตอนที่คะแนนยังไม่มาถึงมือ ทรัพย์สินของฟางผิงจึงไม่ได้เพิ่มขึ้น

แต่หลังจากการตรวจสอบเมื่อครู่ ถือว่าคะแนนเป็นของฟางผิงแล้ว ค่าทรัพย์สินของเขามีการเปลี่ยนแปลงทันที

สิบนาทีที่แล้ว ตัวเลขที่ปรากฏ :

ทรัพย์สิน : 1,900,000

ปราณ : 209 แคล

จิตใจ : 210 เฮิรตซ์

เพื่อรักษาสภาวะสูงสุด ฟางผิงจึงใช้ทรัพย์สินประคองค่าปราณและจิตใจให้ถึงขีดจำกัดอยู่เรื่อยมา

จากค่าทรัพย์สินสองล้านหนึ่งแสนเมื่อคืน ก่อนหน้านี้เขาเสียไปสองแสนหยวน! แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่า

ตอนนี้ค่าทรัพย์สินของฟางผิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ทรัพย์สิน : 6,640,000

ปราณ : 209 แคล

จิตใจ : 210 เฮิรตซ์

ช่วงเวลาสั้นๆ ทรัพย์สินเพิ่มถึงสี่ล้านสี่แสนเจ็ดหมื่นหยวน หนึ่งคะแนนนั้นเท่ากับค่าทรัพย์สินสองหมื่น

แน่นอนว่า คำนวณได้แบบนี้แล้ว ค่าทรัพย์สินยังมากขึ้นมาอีกหนึ่งแสน

แววตาของฟางผิงเป็นประกายอยู่บ้าง เขาค้นพบว่า ทรัพย์สินที่มากขึ้นหนึ่งแสน น่าจะมาจากยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาสิบเม็ด!

ตอนแรกฟางผิงคำนวณว่า ยาบำรุงเลือดและปราณหนึ่งเม็ดคงแลกค่าทรัพย์สินมาให้เขาเจ็ดหมื่นหยวน

ตอนนี้ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหนึ่งเม็ดเท่ากับสามคะแนน จากสัดส่วนแลกเปลี่ยนหนึ่งคะแนนแลกได้สองหมื่นหยวน ในนั้นยังมีราคาต่างอยู่

หมายความว่า ตอนนี้ถ้าฟางผิงใช้สองร้อยสองคะแนนของตัวเองแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุงธรรมดาหกสิบเจ็ดเม็ด อาจจะได้ทรัพย์สินมากขึ้นถึงหกแสนเจ็ดหมื่นหยวน!

“หรือจะลองดู?”

ฟางผิงตื่นเต้นอยู่บ้าง ตอนนี้แลกยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหกสิบเจ็ดเม็ด อาจเพิ่มทรัพย์สินได้มากถึงหกแสนเจ็ดหมื่นหยวน

และถ้าขายยาบำรุงหกสิบเจ็ดเม็ดออกไปอีกครั้ง อาจจะได้กำไรก้อนโต เพิ่มค่าทรัพย์สินและเงินสดให้เขาขึ้นมาอีกครั้ง

สำหรับคนอื่น การค้าขายนี้อาจไม่คุ้มค่า พอขายออกไป พวกเขาแลกเปลี่ยนเป็นคะแนน ต้องจ่ายเงินสดถึงสองเท่า จึงไม่ได้กำไร

แม้จะได้ก็ได้เพียงนิดเดียว ไม่มีความหมายอะไร

แต่ฟางผิงไม่เหมือนกัน หากเขาขายออกไป ถึงจะไม่ได้กำไร แต่ราคาต่างที่ได้จากทรัพย์สินคงจะไม่น้อย

“ประเด็นอยู่ที่ว่าขายยาบำรุงเยอะขนาดนี้ มหาวิทยาลัยจะจับได้หรือเปล่า?”

“ถ้าอาศัยลู่ทาง ขายน้อยยังพอว่า แต่ขายจำนวนมากแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่แน่ว่ายังต้องลดราคาถึงจะขายออกไปได้ งั้นคงได้กำไรไม่เยอะ สิ่งสำคัญอยู่ที่ค่าทรัพย์สิน…”

ฟางผิงลองคำนวณดูยกใหญ่ ตัดสินใจว่าจะรอก่อน

ตอนนี้คะแนนยังไม่เยอะมาก ทั้งเขายังไม่มีช่องทางซื้อยาบำรุงบางอย่าง

อย่างเช่นยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสอง ภายหลังอาจจะได้ใช้ คงต้องเก็บคะแนนไว้ก่อน

ประเด็นอยู่ที่ตอนนี้ทรัพย์สินพอใช้แล้ว ชั่วพริบตาเดียวก็สามารถเติมเต็มค่าทรัพย์สินที่ฟางผิงใช้ไปหลายวันที่ผ่านมา

ค่าทรัพย์สินหกล้านกว่า เพียงพอให้เขาใช้ช่วงหนึ่ง!

“พรุ่งนี้พักผ่อน พอดีเลยฉันจะได้ไปหาอาจารย์ เตรียมทำเรื่องทะลวงด่าน!”

ฟางผิงรู้สึกรอไม่ไหวอีกต่อไป หลอมกระดูกสามครั้งจะเก่งยังไงก็ยังแค่นั้น

หากเขาไม่มีระบบช่วย ปะทะกับจ้าวเหล่ยหรือฟู่ชางติ่ง บางทีฟางผิงอาจจะไม่ใช่คู่มือของพวกเขาด้วยซ้ำ

อย่างน้อยตอนที่เขาปะทะตัวต่อตัว กระดูกของเขาคงแข็งแรงสู้อีกฝ่ายไม่ได้

ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ หลอมกระดูกข้างหนึ่งแล้ว กระดูกส่วนนั้นจึงแข็งแรงกว่าส่วนอื่นอย่างมาก

—————–