ตอนที่ 239 เปิดใจ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 239 เปิดใจ

ข่าวสงครามปะทุขึ้นที่ม่อเป่ยมิเพียงกระจายไปถึงวังหลวงเท่านั้น ทว่าอ๋องมู่แม่ทัพใหญ่ผู้ดูแลกองทหารม้าก็ได้ทราบข่าวแล้วเช่นกัน

ภายในจวนอ๋องมู่ ทหารส่งสารคุกเข่าลงพื้นแล้วนำรายงานฉบับหนึ่งยื่นให้อ๋องมู่

บนซองรายงานเขียนคำว่า ‘ด่วน’ เอาไว้ มีแต่สถานการณ์อันเร่งด่วนจริง ๆ ทหารส่งสารจึงต้องใช้คำนี้

อ๋องมู่เปิดซองรายงานออก จังหวะที่เห็นเนื้อหาในกระดาษ สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที เมื่ออ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง สายตาก็แฝงไปด้วยความดุดันเล็กน้อย

“แคว้นชิงเยว่มิได้สงบอย่างที่คิดไว้จริง ! ”

เขาโยนรายงานทิ้งไปด้านข้าง จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นชา

กองทัพม่อเป่ยขัดแย้งกับแคว้นชิงเยว่มาหลายปี ทว่าส่วนใหญ่เป็นการปะทะเล็กน้อย การยกทัพมาเป็นแสนนายเพื่อโจมตีต้าโจวเยี่ยงนี้ยังมิเคยเกิดขึ้นมาก่อน

เดิมทีเขาคิดว่าม่อเป่ยสงบมาได้ครึ่งปีแล้ว เพราะครั้งก่อนได้ตีแคว้นชิงเยว่จนทำให้พวกมันกลัวและมิกล้าบุกมาต้าโจวอีก แต่แท้จริงเป็นเพียงแผนซ่องสุมกำลังทหารไว้อย่างลับ ๆ จากนั้นก็ยกทัพตีต้าโจวโดยมิให้ทันเตรียมการ

“ท่านอ๋อง ต้องให้ข้าน้อย…”

อ๋องมู่โบกมือ “มิต้อง ด้านฝ่าบาทคงมีผู้รายงานแล้วเช่นกัน แต่จักทำอย่างไรต่อไปข้ายังต้องฟังคำสั่งของพระองค์ก่อน”

นี่เป็นเรื่องสำคัญในการต่อสู้ระหว่างสองแคว้น ฮ่องเต้ต้องได้รับข่าวแล้วแน่นอน

เขามีฐานะเป็นอ๋องบรรดาศักดิ์ แต่เดิมก็ถูกฮ่องเต้ระแวงอยู่แล้ว ยามนี้จึงมิควรเคลื่อนไหวโดยพลการ เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ฮ่องเต้หวาดระแวงจนเป็นบ้า

เรื่องที่ฮ่องเต้ระแวงอ๋องบรรดาศักดิ์ คนในราชสำนักล้วนรับรู้กันดี

นอกจากขุนนางที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาใหม่แล้ว เหล่าขุนนางเก่าแก่ที่อยู่ในราชสำนักล้วนทราบกันหมด เพียงแต่มิมีใครกล่าวออกมาเท่านั้น

อังอิงเฉิงเอาชนะพระทัยได้เพราะโรคระบาด ทว่าจวนอ๋องมู่มิเหมือนกัน หากจวนอ๋องมู่ยังครอบครองกำลังทหารไว้ในมือหนึ่งวัน ฮ่องเต้ก็ยังระแวงพวกเขาอยู่อีกหนึ่งวัน

ทุกการกระทำของพวกเขาถูกคนทั้งเมืองจิงคอยจับจ้องอยู่ ความรู้สึกเช่นนี้ย่อมมิดีเท่าไรนัก

ท่านอ๋องมู่กลับมีความรู้สึกอิจฉาอังอิงเฉิงขึ้นมาเล็กน้อย คนผู้นั้นเป็นเพียงคนธรรมดาที่อายุล่วงเข้าสู่วัยกลางคนแล้วแต่ก็ยังทำอันใดเป็นชิ้นเป็นอันมิได้สักอย่าง ในราชสำนักจึงถือว่าไร้ตัวตนคนหนึ่ง

แต่เขากลับให้กำเนิดบุตรีที่ล้ำเลิศขึ้นมา!

เมื่อนึกถึงอันหลิงเกอแล้ว อ๋องมู่ก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย

สตรีที่ดีเลิศเช่นนี้ ฮ่องเต้ทรงประทานนางให้แต่งกับจวินฮานแล้ว ทว่าน่าเสียดายที่นางไร้วาสนากับจวนอ๋องมู่ของพวกเขา

อ๋องมู่มีความคิดมากมายอยู่ภายในใจ เขาย่อมมิทราบว่าการยกเลิกงานแต่งนี้เป็นการตกลงกันอย่างดีแล้วของมู่จวินฮานกับอันหลิงเกอ หากมารู้ทีหลังก็เกรงว่าต้องไล่ตีมู่จวินฮานสักหลายไม้อย่างแน่นอน

“ไปเรียกจวินฮานมาพบข้า”

อ๋องมู่ดึงสติกลับมาพลางเอ่ยกับทหาร

บ่าวในจวนอ๋องมีไหวพริบมิน้อย เมื่อเห็นเช่นนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าอ๋องมู่อารมณ์มิดี

เขาขยิบตาให้นายทหาร จากนั้นก็แสดงสีหน้าจริงจังอย่างยิ่งออกมาแล้วอ้าปากกล่าวโดยไร้เสียง

มิรู้ว่านายทหารเห็นสีหน้าของเขาหรือไม่ พออ๋องมู่หันกลับมาก็พบว่าบ่าวรับใช้กำลังทำหน้าตาประหลาดพอดี

“ชิงเฟิง เจ้ากำลังทำอันใด ? ”

อ๋องมู่ถลึงตาใส่เขา ท่าทางดูทรงอำนาจอย่างยิ่ง

บ่าวที่ชื่อชิงเฟิงยิ้มอย่างมีไหวพริบ “เรียนท่านอ๋อง เมื่อครู่ฝุ่นเข้าตาข้าน้อย แต่ข้าน้อยมิกล้าเอามือขยี้จึงได้แต่กะพริบตาเพื่อให้ฝุ่นออกไปขอรับ”

ถุย เจ้าบ่าวรับใช้ผู้นี้โดนมู่จวินฮานซื้อตัวไปนานแล้วสิท่า

อ๋องมู่รู้ดีแก่ใจ ทว่ามิได้เปิดโปงออกมา เขาแค่จงใจหางานให้ชิงเฟิงสองสามอย่างแล้วปล่อยตัวไปทำงาน

ชิงเฟิงเพิ่งออกไป มู่จวินฮานก็เดินมาถึงห้องตำรา ท่านอ๋องมู่ยืนเอามือไพล่หลัง หันหน้าไปทางภาพวาดโบราณที่แขวนอยู่บนผนัง “แคว้นชิงเยว่กำลังระดมทหารและม้าเพื่อโจมตีต้าโจว เจ้าทราบเรื่องนี้หรือไม่ ? ”

“เรียนฟู่หวาง ลูกพอได้ยินข่าวมาบ้างขอรับ” มู่จวินฮานมองท่านอ๋องมู่ที่ค่อย ๆ หันกลับมา บนโต๊ะวางแผนที่ไว้แผ่นหนึ่ง

ในฐานะทหารเฝ้าระวังในม่อเป่ย นอกจากแผนที่ของราชวังแล้ว แผนที่ของจวนอ๋องมู่ก็ถือว่ามีรายละเอียดมากที่สุด ละเอียดจนเห็นแม่น้ำทุกสายเลยก็ว่าได้

อ๋องมู่ชี้ไปบนแผนที่ด้วยสีหน้าดูภาคภูมิใจ

“เดือนสิบสองของปีที่แล้ว พ่อยกทัพไปตีทหารแคว้นชิงเยว่จำนวน 30,000 นายตรงแม่น้ำยวี่ นอกจากทำให้พวกมันถอยออกจากด่านประตูยวี่แล้วยังทำให้รอบภูเขาเยี่ยนไร้คนของแคว้นชิงเยว่แม้แต่คนเดียว”

นี่คือผลงานการสู้รบของบิดาและมู่จวินฮานย่อมรู้ดี

ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้จึงมีคำสั่งให้อ๋องมู่กลับมาเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน ในราชโองการได้เขียนคำยกย่องอ๋องมู่ไว้มากมายและยังให้เขากลับมาประจำอยู่ที่เมืองจิงพร้อมครอบครัวอีกด้วย

ทว่าคำโกหกเหล่านั้นก็หลอกได้แค่ราษฎร มิอาจหลอกพวกเขาได้

คำสั่งเรียกอ๋องมู่กลับเมืองหลวงมิได้เกิดจากการเห็นอกเห็นใจแต่อย่างใด

แต่เป็นการหยุดมิให้อ๋องมู่มีอำนาจมากขึ้นในม่อเป่ย ฮ่องเต้ทรงกังวลว่าเขาจักครองใจเหล่าทหารและสร้างผลงานเหนือกว่าผู้ที่อยู่สูงสุด ดังนั้นจึงเรียกอ๋องมู่กลับเมืองจิง

จากนั้นเพื่อลองใจว่าอ๋องมู่คิดเป็นอื่นหรือไม่ จึงได้มีราชโองการประทานสมรสให้จวินฮาน

เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว ความโลภของชาวชิงเยว่ยังมิหายไป พวกมันยังอยากแย่งแผ่นดินส่วนหนึ่งของต้าโจวดังเดิม

ดวงตาเรียวยาวของมู่จวินฮานมีประกายแหลมคมวาบผ่าน โฉมหน้าอันหล่อเหลาดูคมกริบราวใบมีด “ครั้งนั้นแคว้นชิงเยว่สูญเสียนายทหารกว่าสามหมื่นนาย เดิมทีควรอยู่อย่างสงบ แต่พวกมันก็รวบรวมกองกำลังทหารกว่าแสนนาย เรื่องนี้ช่างผิดปกติยิ่งนัก”

ตามหลักแล้วแคว้นที่ประสบความพ่ายแพ้อย่างรุนแรงและสูญเสียทหารหลายหมื่นนาย อย่างน้อยต้องเก็บกำลังของตนไว้ ฟื้นฟูความเป็นอยู่ของผู้คนและทำให้ชาติแข็งแกร่งขึ้นจึงจักถูก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคว้นชิงเยว่ที่เป็นแคว้นเล็ก ๆ การรบที่แม่น้ำยวี่ทำให้พวกมันเสียกำลังพลไปมาก ใครจักคาดว่าพวกมันยังกล้ายกทหารเตรียมบุกโจมตีต้าโจวอีก

อ๋องมู่พยักหน้า “พ่อรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เหล่าสายลับมิได้ส่งข่าวอันใดกลับมาอีก”

เขานิ่งไปชั่วครู่แล้วเอ่ยว่า “หากข่าวที่แคว้นชิงเยว่เตรียมบุกโจมตีต้าโจวเป็นความจริง หากมิมีการเปลี่ยนแปลง พรุ่งนี้ฝ่าบาทต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้ในท้องพระโรงแน่นอน”

และสิ่งที่มิผิดไปจากการคาดเดาก็คือฮ่องเต้ต้องส่งอ๋องมู่นำทหารไปสู้ศึก

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้มิเหมือนครั้งก่อนที่เป็นการปะทะเพียงเล็กน้อย แต่ต้าโจวกำลังเผชิญกับกองกำลังทหารราวแสนนายของแคว้นชิงเยว่ หากม่อเป่ยต้านมิอยู่ ดินแดนทิศเหนือของต้าโจวก็จักมิมีอีกแล้ว

ขอแค่กองทหารม้าของแคว้นชิงเยว่ผ่านม่อเป่ยมาได้ พวกเขาก็จักสามารถยกทัพลงทางใต้และมาถึงเมืองหลวงได้อย่างแน่นอน

ฮ่องเต้ย่อมมิอยากเสี่ยงกับเรื่องนี้ ดังนั้นจึงต้องส่งอ๋องมู่ผู้ที่คุ้นเคยกับม่อเป่ยที่สุดไป

ท่านอ๋องมู่ยื่นมือมาตบไหล่แล้วมองชายหนุ่มที่สูงกว่าตนไปช่วงหนึ่งของศีรษะด้วยแววตาชอบใจ

“พ่อรู้ว่าเจ้ามิได้เหลวไหลอย่างที่แสดงออกภายนอก หากฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้พ่อไปม่อเป่ยจริง เจ้าต้องดูแลมารดาให้ดี สุขภาพของนางเดิมทีก็อ่อนแออยู่แล้ว ครั้งก่อนยังโดนพิษอีก ที่พ่อเป็นห่วงที่สุดก็คือนาง”

น้อยครั้งที่สองพ่อลูกจักได้เปิดใจคุยกันอย่างสงบเช่นนี้