ตอนที่147 ไม่รอแล้ว

เหลียวเซียวหยุนรีบวิ่งไปทางครูฝึกสอนและเอ่ยถามอย่างมีความสุขว่า

“สวัสดีค่ะ หนูชื่อเหลียวเซียวหยุน เป็นแฟนของเขาเอง มีอะไรมาเซอร์ไพรส์หน่อยค่ะ?”

“สวัสดีครับ แฟนของคุณได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้คุณ และนั้นก็คือ…การได้ขึ้นขี่ลูกวาฬตัวนี้! เป็นยังไงบ้างครับมีความสุขไหม?”

“ฮิฮิ…แน่นอนค่ะ! มีความสุขมาก!”

เหลียวเซียวหยุนจงใจตะโกนใส่ไมค์ของครูฝึก เพื่อให้ทุกคนในอัฒจันทร์ได้ยินโดยเฉพาะกับอวู่เฉียน

อวู่เฉียนโมโหอย่างมากที่เธอพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แถมยังต้องให้เงินอีกฝ่ายไปตั้งล้านนึง

ครูฝึกสอนเหลียวเซียวหยุนโดยสังเขปถึงข้อควรระวังและวิธีการขี่ที่ถูกต้อง จากนั้นก็พาเธอขึ้นขี่บนหลังของลูกวาฬตัวนั้น แต่ในความเป็นจริงเนื่องจากวาฬสายพันธุ์เบลูก้ามีนิสัยขี้กลัว เธอนั่งขี่ได้แปปเดียวก็ต้องรีบให้ครูฝึกช่วยดึงเธอขึ้นมา

หลังจากเล่นกับมันได้สักพักหนึ่ง เหลียวเซียวหยุนค่อยวิ่งกลับอัฒจันทร์อย่างมีความสุข

“อวู่เฉียน เธอจะให้เงินหนึ่งล้านเมื่อไหร่? ถ้าไม่มีเงินมาจ่ายก็คุกเขาขอโทษ และสำนึกผิดซะนะ แล้วฉันจะไม่เอาเงินเธอ”

เหลียวเซียวหยุนแบมือทวงอีกฝ่ายด้วยถ่อยคำสุภาพ

ตอนนี้อวู่เฉียนไม่มีเงินติดตัวถึงล้าน และเธอจำต้องขอพ่อแม่ เพียงอย่างไรสถานะของเธอในกลุ่มเพื่อนฝูงล้วนอยู่เหนือหัวทุกคน ด้วยความหยิ่งผยองนี้เธอไม่มีทางแสดงความอ่อนแอต่อเหลียวเซียวหยุนแน่นอน

“ไร้สาระ! คิดเหรอว่าฉันจะให้เงินล้านจริงๆ? แล้วเรื่องขอโทษอะไรนั่นเลิกฝันได้แล้ว!”

อวู่เฉียนโต้กกลับทันทีอย่างไม่สบอารมณ์

เหลียวเซียวหยุนพยักหน้าเล็กน้อย และหันไปพูดกับคนอื่นว่า

“ทุกคนคงได้ยินกันแล้วใช่ไหม? ไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้โอกาสเธอ แต่เธอไม่ต้องการขอโทษแถมยังจะเชิดเงินอีก เป็นถึงลูกประธานธนาคารใหญ่ แต่กลับไม่มีเงินซะงั้น?”

“เสี่ยวเฉียน จ่ายๆไปเถอะ เรื่องจะได้จบ”

เจียงหลี่หลินพยายามเกลี้ยกล่อม

“ถูกต้อง เซียวหยุนแก่ที่สุดในกลุ่มพวกเราแล้ว เราควรให้เกียรติเธอหน่อยนะ ไม่ใช่เอ่ยปากให้สัญญาซี่ซั่ว”

“ครั้งนี้ก็จำเป็นบทเรียน ครั้งหน้าเวลาจะทำอะไรก็ต้องคิดให้ดีก่อน”

หวางฉิงเองก็พยายามเกลี้ยกล่อมอีกแรงเช่นกัน

…..

ทุกอากัปกิริยาและคำพูดของพวกเขาล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ อวู่เฉียนต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้

อันที่จริง ถึงไม่มีบรรดาเพื่อนฝูงคอยพูดเกลี้ยกล่อม อวู่เฉียนก็อยากจ่ายเงินไปให้มันจบๆ เพียงแต่สถานที่แห่งนี้มีผู้คนมากมายเกินไป และเธออายเกินกว่าจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้

อวู่เฉียนสวนตอบทันที

“นี่ไม่เกี่ยวกับเงิน! แต่มันเป็นเรื่องหน้าตาและศักดิ์ศรี! โตกว่าแล้วยังไง ฉันกลัวที่ไหน!”

เมื่อเป็นประจักษ์แล้วว่า พวกเขาไม่สามารถโน้มโน้วใจอวู่เฉียนได้สำเร็จ ทั้งหมดจึงหยุดพูดไปโดยปริยาย เงินกู้ดอยเบี้ยต่ำจากธนาคารของพ่อเธอมีค่าเกินกว่าจะมาเสี่ยงกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ดังนั้นสงบปากสงบคำไว้เป็นดีที่สุด

ในเวลานั้นเองหยางหมิงเข้ามาสวมกอดอวู่เฉียนและสัญญาว่า

“ก็แค่เงินล้านเดียวเอง ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก เดี๋ยวผมจ่ายให้ก่อนก็ยังได้”

อวู่เฉียนกระชับกอดหยางหมิงแน่นในทันใด และประกบริมฝีปากจูบกันทั้งน้ำตาคลอ พลางกล่าวอย่างมีความสุขว่า

“ฉันไม่รู้แล้วว่าจะขอบคุณคุณยังไงดี ขอบคุณนะที่เข้ามาปกป้องในเวลาวิกฤตแบบนี้”

“ตาบ๋อง ผมเป็นแฟนคุณนะ ถ้าไม่ให้ปกป้องคุณแล้วจะให้ปกป้องใครที่ไหนล่ะ? ดูโน้นสิ ถึงเวลาได้สัมผัสลูกวาฬเบลูก้าแล้ว”

หยางหมิงพยายามปลอบโยนเธอ

อวู่เฉียนเช็ดน้ำตาและหันไปมองเหลียวเซียวหยุนเชิงยั่วยุอีกฝ่าย จากนั้นก็หันมาพูดติดตลกกับบรรดาเพื่อนฝูง

เหลียวเซียวหยุนรู้สึกว่าตอนนี้มันน่าเบื่อมาก เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว และอยากออกไปหาจ้าวเฉียน แต่ขณะนั้นเองอวู่เฉียนกลับหยุดเธอไว้

“จะรีบออกไปไหน? ฉันจะพาเธอไปจับลูกวาฬ”

อวู่เฉียนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

แต่เหลียวเซียวหยุนตอบชนิดไร้ซึ่งเยื่อใยว่า

“เมื่อกี้ฉันได้ขี่มันไปแล้ว เธอยังอยากให้ฉันลงไปจับมันอีกงั้นเหรอ? แล้วแน่ใจนะว่าครูฝึกสอนจะอนุญาตให้จับ? เสียเวลาจริงๆ ฉันออกไปทานข้าวดีกว่า”

คล้อยหลังพูดจบ เหลียวเซียวหยุนก็วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกต่อไป จากนั้นก็โทรหาจ้าวฉียนทันที

ขณะเดียวกัน จ้าวเฉียนก็กำลังเฝ้าดูนกเพนกวิกเดินเตาะแตะไปมาอย่างน่ารักน่าชัง ในเวลานั้นเองสายเรียกเข้าจากเหลียวเซียวหยุนก็ดังขึ้นมา เขากดรับสายในทันใด

“ว่าไงครับ? ยังไม่จบอีกเหรอ?”

จ้าวฉัยนเอ่ยถามขึ้น

“พวกนั้นกำลังลงไปสัมผัสวาฬกันอยู่ ฉันจะไปหานาย ตอนนี้อยู่ไหน?”

“โซนเพนกวินครับ”

“โอเค เดี๋ยวฉันไปหาเดี๋ยวนี้แหละ!”

เหลียวเซียวหยุนวางสายและรีบวิ่งไปหาทันที แต่เมื่อเธอมาถึงโซนเพนกวิน ปรากฏว่าไม่เห็นจ้าวเฉียนเสียแล้ว เธอจึงต้องโทรหาอีกครั้ง

“ฮาโหล นี่นายอยู่ไหนกันแน่? ทำไมไม่เห็นนาย?”

เหลียวเซียงหยุนเอ่ยถามเจือน้ำเสียงโกรธ

“ผมเดินมาที่โซนนางเงือกแล้ว”

จ้าวเฉียนเอ่ยตอบด้วยท่าทีแสนใจเย็น

“แล้วทำไมถึงไม่บอกฉัน!”

เหลียวเซียวหยุนตวาดใส่เสียงหนึ่ง

“แล้วทำไมผมต้องบอกคุณ?”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็ตัดสายทิ้งไปทันที มีหรือที่เหลียวเซียวหยุนจะทนไหว? เธอรีบวิ่งไปที่โซนนางเงือกต่อทันที

เวลานี้เองมีสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่แต่งตัวเป็นนางเงือกมาโชว์ตัว จ้าวเฉียนยืนมองอย่างใจจดใจจ่อ แต่กลับไม่รู้เลยว่า เหลียวเซียวหยุนยืนอยู่ข้างหลังเขาแล้ว เหลียวเซียนหยุนที่เห็นภาพฉากแบบนั้นก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ เธอยืนอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้ว แต่จ้าวเฉียนไม่แม้กระทั่งสังเกตเห็นเธอด้วยซ้ำ

“สวยใช่ไหมล่ะห่ะ? สวยจนไม่ทันสังเกตเห็นฉันเลย! ทำไมไม่อุ้มเธอกลับไปดูที่บ้านเลยละ!!”

เหลียวเซียวหยุนตวาดใส่ด้วยความโกรธ

จ้าวเฉียนเบนสายตาเหลือบมองเหลียวเซียวหยุนเล็ฌกน้อย คลี่ยิ้มบางประดับมุมปากกล่าวว่า

“ไม่สังเกตเห็นอะไร? ฉันเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอยืนอยู่ข้างหลังผม แค่ว่าผมไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคุณ”

“โกหก! ทำตัวหื่นแล้วทำไมยังมาปากแข็งอีก? มองขนาดนั้น ไปนอนกับเธอเลยดีไหม?!”

เหลียวเซียวหยุนสวนตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา

บรรดานักท่องเที่ยวที่ยืนชมการแสดงนางเงือกอยู่ข้างๆ ทุกคนต่างหัวเราะทันที สงสัยเจอแฟนมาตาม แต่ละคนอยากรู้อย่างมากว่า จ้าวเฉียนจะตอบกลับไปว่าอะไร?

จ้าวเฉียนรู้สึกขายหน้าเล็กน้อยภายในใจ แต่บนผิวเผินย่อมดูสุขุมและเยือกเย็น เขาตอบกลับไปว่า

“ผมว่าผมไม่ใช่คนเริ่มทะเลาะนะ แถมอีกอย่างผมจะนอนกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักได้ยังไง ต่อให้จ้างนอน ผมยังไม่นอนเลย ถ้าผมกับคุณอยู่กันในห้องสองต่อสอง ผมขอนอนพื้นยังดีซะกว่า”

“ฮ่าฮ่า…”

เหล่านักท่องเที่ยวรอบข้างที่แอบฟังอยู่ถึงกับหลุดขำออกมา

“นี่นาย…นายกำลังพูดถึงฉันงั้นเหรอ!?”

เหลียวเซียวหยุนมองจ้าวเฉียนตาขวาง

จ้าวเฉียนทนฟังเธอมามากพอแล้ว และไม่อยากสนใจอีกต่อไป จึงหมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป แต่ทันใดนั้นเองเหลียวเซียวหยุนก็รีบกุมแขนของเขาแน่นและเอ่ยขึ้นว่า

“นี่นายจะไปไหน? นาย…ต้องพาฉันไปด้วย!”

“นี่ก็เกือบเที่ยงแล้ว ผมอยากกินอะไรรองท้องสักหน่อย ถ้าเป็นคนรวยแบบพวกคุณแค่ได้ต่อปากต่อคำกันก็คงอิ่มพอดี แต่ผมต้องหาอะไรลงท้องสักหน่อย”

“ไม่ รอไปกินพร้อมกันสิ!”

จ้าวเฉียนกลอกตาใส่เล็กน้อยและเอ่ยถามไปว่า

“ผมพอกับคนพวกนั้นแล้ว สร้างปัญหาอะไรไม่รู้จบ ผมไม่ได้มีหน้าที่เป็นเครื่องมือแก้แค้นให้คุณนะ”

“ขอร้องนะ! พวกนั้นกำลังเล่นกับวาฬอยู่อีกแปปเดี๋ยวเอง นายรอก่อนได้ไหม? ไม่นานหรอก!”

เหลียวเซียวหยุนเอ่ยปากขอร้อง

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะใส่ทันทีที่ได้ยินและตอบไปว่า

“ไม่ได้ยินที่ผมพูดรึไง โทรให้พวกเขาออกมาหาผมเองแล้วกัน ผมขอล่วงหน้าไปหาอะไรทานก่อนแล้ว ทำไมต้องเสียเวลารอคนพวกนั้น?”

เหลียวเซียวหยุนไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่นักที่จะปล่อยจ้าวเฉียนออกไปตามลำพัง จึงเอ่ยถามขึ้นว่า

“นายพูดจริงนะ?”

“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ ผมไม่อยากเสียเวลารอพวกนั้น! อ่อ…ผมสั่งเจ้าของพิพิธภัณฑ์แล้วว่า ห้ามไม่ให้เพื่อนของคุณสัมผัสวาฬเด็ดขาด ถ้าพวกนั้นถามก็บอกไปตามนี้”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็เดินจากออกไปทันทีที่พูดจบ ไม่ว่าเหลียวเซียวหยุนจะพยายามฉุดรั้งเขาไว้ยังไง แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงจากออกไป

เหลียวเซียวหยุนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทรหาอวู่เฉียนโดยไว และบอกไปว่า

“รีบหน่อยได้ไหม เขาบอกว่า เขาคุยกับเจ้าของพิพิธภัณฑ์แล้ว และสั่งห้ามไม่ให้พวกเธอสัมผัสวาฬ อย่าเสียเวลาอยู่อีกเลย รีบมาทานข้าวเถอะ”

อวู่เฉียนระเบิดหัวเราะเยาะลั่นและตอบกลับไปว่า

“นี่เธอพูดจาไร้สาระอะไรอีก? เขานี่นะ? จะคุยกับเจ้าของพิพิธภัณฑ์? มันมีคุณสมบัติอะไรถึงสามารถสั่งคนใหญ่คนโตขนาดนั้นได้?”

“เหอะ เหอะ…แค่เขาทำให้ฉันขึ้นขี่วาฬได้มันก็พิสูจน์อะไรให้เธอเห็นมากพอแล้วนะ ฉันแค่โทรมาบอก ถ้าช้าฉันไม่รอแล้วนะ!”

เหลียวเซียวหยุนกดวางสายทิ้งทันที จากนั้นก็รีบวิ่งติดตามจ้าวเฉียนไป

อวู่เฉียนยิ้มเยาะพร้อมสีหน้าสุดแสนจะดูถูก เธอกล่าวขึ้นว่า

“เหลียวเซียวหยุนเป็นคนตลกจริงๆ เธอโทรมาสั่งให้ฉันรีบไปกินข้าว แถมยังบอกอีกว่า แฟนหนุ่มของเขาคุยกับเจ้าของพิพิธภัณฑ์แล้วว่า ไม่อนุญาตให้เราแตะต้องวาฬ พวกเธอคิดว่า มันน่าตลกไหม?”

“ฮ่าฮ่า…”

ทุกคนต่างระเบิดหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน และไม่มีใครเชื่อสักคน

“นี่มันคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ใหญ่คับฟ้ามาจากไหน?”

แฟนของเจียงหลี่หลินกล่าวดูแคลน

คนอื่นๆต่างก็หัวเราะเยาะไม่หยุดหย่อน จ้าวเฉียนหลงตัวเองเกินไปจริงๆ

แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นหวางฉิงที่จู่ๆก็ตั้งคำถามขึ้นว่า

“แต่ฉันกลัวว่าสิ่งที่เขาพูดไปจะเป็นความจริง ไม่อย่างนั้นทางพิพิธภัณฑ์จะยอมให้เหลียวเซียวหยุนขี่วาฬเบลูก้าได้เหรอ?”