ตอนที่ 563 เรียกอีกที
งานประมูลใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว เฉินฝานซิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กลับไม่ได้ฟังคำพูดส่งท้ายของพิธีกร ทว่ากำลังมองกุญแจอายุยืนในมือชิ้นนั้นอย่างไม่ละสายตา นิ้วเรียวขาวบรรจงลูบลงไปบนลวดลายวิจิตรด้านหน้าและลูกกระพรวนเล็กๆ ทั้งห้า ภายในดวงตาอวลไปด้วยความอบอุ่น
ทว่าในห้องวีไอพีชั้นบนของตึกฝั่งตรงข้าม สายตาบนใบหน้าที่บ่งบอกช่วงวัยของชายวัยกลางคนคนหนึ่งในชุดเสื้อสูทรองเท้าหนังกลับกำลังมองมายังเฉินฝานซิงด้วยสายตาที่ไม่ยินดียินร้าย ความอึมครึมฉาบทับอยู่บนนัยน์ตาลึกล้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ละทิ้งรอยยิ้มที่เฉียบแหลม
“เดิมกะจะมาร่วมสนุกเพื่อคั่นเวลาเสียหน่อย แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้มาเห็นภาพที่น่าสนใจเช่นนี้ เป็นการมาที่ไม่เสียเที่ยวเลยจริงๆ”
ผู้ติดตามในชุดเครื่องแบบสีดำที่ยืนอยู่ข้างกันก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มอย่างเคารพ
“ผู้หญิงคนนั้นคือคนเดียวกับที่คุณชายใหญ่ยอมจ่ายเงินร้อยล้านเพื่อเต้นรำกับเธอในงานขึ้นรับตำแหน่งครับ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมาก…แต่นึกไม่ถึงเลยว่า คุณชายใหญ่ที่ดูสงบเสงี่ยมมาเสมอจะออกตัวเพราะผู้หญิงคนนี้ได้ขนาดนี้…”
ชายวัยกลางคนจ้องมองเฉินฝานซิงด้วยสายตาที่เรียบนิ่งโดยตลอด ก่อนจะยกแก้วไวน์ตรงหน้าขึ้นมาจิบเบาๆ
แก้วไวน์ใสสะอาดและของเหลวสีชาดกระจัดแสงหลากสีออกมาระหว่างจุดเชื่อมต่อ บนแก้วสะท้อนให้เห็นใบหน้าของชายที่ถึงแม้จะอานามจะมากแล้วแต่ความสง่ากลับไม่ได้ลดลง
ท่ามกลางความรางเลือน ใบหน้าหล่อเหล่าเช่นนี้กลับมองออกได้ถึงบางส่วนที่แลดูคุ้นตา โดยเฉพาะอำนาจที่เผยออกมาให้เห็นตรงกลางคิ้ว…
แลดูคล้ายกับป๋อจิ่งชวนจนน่าประหลาดใจ
ของเหลวในแก้วไหวตัวไปมาอย่างแผ่วเบา ชายกลางคนหรี่ดวงตาลงมองเบื้องล่างของอาคาร พลางยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างลึกซึ้ง
“ไม่อยากเชื่อว่าจะมีสาวๆ กับเขาด้วย…นี่เจ้าจิ่งชวนมันไม่เห็นเราอยู่ในสายตาเลย หรือว่ามันถือดีเกินไปนะ”
สีหน้าของผู้ติดตามเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น
“คุณชายใหญ่เป็นคนสุขุมตั้งแต่เกิด ทำอะไรก็มักจะเยือกเย็น ละเอียดถี่ถ้วน…”
ชายวัยกลางคนเผยยิ้มขึ้นน้อยๆ “นายกำลังจะบอกว่า มันมีสิทธิ์จะถือดี?”
ผู้ติดตามเม้มปากแน่น ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า
“สุขุม เยือกเย็น?” ชายวัยกลางคนคลี่ยิ้มจางๆ “ไม่เคยเห็นท่าทางที่มันต่อต้านคุณชายตระกูลเผยรึไง หากคืนนี้คุณชายจากตระกูลเผยเฉียดเข้าใกล้มันอีกนิดเดียวล่ะก็ เชื่อไหมล่ะว่าเจ้าจิ่งชวนคงได้ปรี่เข้าไปตีกับเขาแน่”
ผู้ติดตามตีคิ้วขมวด สายตาจ้องมองลงไปยังเบื้องล่างของอาคาร ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ ด้วยความเงียบงัน
ชายวัยกลางคนยกแก้วในมือขึ้นสูงแล้วจิบมันอีกครั้ง ก่อนจะมองของเหลวที่วาววับดั่งคริสตัลภายในนั้นแล้วเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
“ไวน์เป็นของเหลวมีชีวิต ลิ้มรสได้ แต่อย่าอาวรณ์ นี่เป็นสิ่งที่อันตรายมาก และมันทำให้เราเสพติดได้อย่างง่ายดาย โดยที่เราเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ…แต่สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าไวน์ นายรู้ใช่ไหมว่าคืออะไร”
ผู้ติดตามนิ่งเฉย
“คือหญิงสาว” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยตัวเอง ดวงตายังคงทอดมองไปยังป๋อจิ่งชวน ด้วยสายตาใช้ความคิด “เพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นบอร์โดที่ทำให้คนเสพติดได้รึเปล่า…”
“นี่…ยังไม่ชัดเจนอีกหรือครับ…” ผู้ติดตามเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
เรื่องระหว่างหนุ่มสาวเช่นนี้ ยากแท้จะหยั่งถึง เขาเองก็ไม่อาดคาดเดาได้เช่นกัน
ชายวัยกลางคนยิ้มขึ้นน้อยๆ “ต้องลองถึงจะรู้ จริงไหม”
เขากระดกดื่มไวน์ในมือจนหมดเกลี้ยง ชายวัยกลางคนค่อยๆ ลุกยืนขึ้นและมองบุคคลทั้งสองที่อยู่เบื้องล่างอีกครั้ง
“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ มันก็คงจะมีจุดอ่อนที่อันตรายจนถึงฆาต จะคอยดูสิว่ามันจะถือดีไปได้ถึงไหนกัน”
เขาทิ้งคำพูดไว้ด้วยความเยือกเย็น จากนั้นชายวัยกลางคนจึงหมุนตัวออกจากห้องหรูนี้ ก่อนที่ผู้ติดตามจะก้าวตามเขาออกไป
ในที่สุดงานประมูลก็สิ้นสุดลง เผยอวิ๋นเจ๋อกลับออกไปพร้อมๆ กับป๋อจิ่งชวนและเฉินฝานซิง
ตอนที่ 564 ไม่เป็นจุดอ่อนของคุณ
ในที่สุดงานประมูลก็สิ้นสุดลง เผยอวิ๋นเจ๋อได้กลับออกไปพร้อมๆ กับป๋อจิ่งชวนและเฉินฝานซิง
“นายยังมีธุระอะไรอีก” ป๋อจิ่งชวนเอ่ยถามเผยอวิ๋นเจ๋อด้วยเสียงเย็น
“ไม่มี”
สายตาของป๋อจิ่งชวนเย็นขึ้นไปอีกขั้น
เฉินฝานซิงพ่นลมหายใจเบาๆ พลางยกมือขึ้นกุมขมับอย่างเหน็ดหน่าย
“ฉันจะไปถอยรถ” เผยอวิ๋นเจ๋อแกว่งกุญแจรถในมือ
ป๋อจิ่งชวนกำกุญแจรถในมือของตัวเองแน่น
ทั้งคู่จำต้องไปถอยรถพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
หลังจากที่ต่างคนต่างก็หารถของตัวเองเจอแล้ว ขณะที่กำลังเปิดประตูรถอยู่ จู่ๆ เผยอวิ๋นเจ๋อก็ได้เอ่ยขึ้น
“ฉันขอแนะนำว่าเรื่องผู้หญิงอย่าเก็บเอามาใส่ใจให้มันมากนัก รู้ว่าแคร์ แต่ก็หัดเก็บอาการซะบ้าง สกุลป๋อของพวกนายเหมือนกับตระกูลทั่วไปซะที่ไหน นายดีกับเธอ ก็ใช่ว่านายจะต้องดีกับเธอจริงๆ เสมอไป”
มือที่เปิดประตูอยู่ของป๋อจิ่งชวนชะงักกึก หว่างคิ้วของเขาถูกฉาบไปด้วยความขุ่นมัวอย่างสุดขีด
เผยอวิ๋นเจ๋อกลับไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก เขาเปิดประตูรถออกและหย่อนตัวนั่งลงไปก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ป๋อจิ่งชวนหยุดยืนอยู่ที่เดิมชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวนั่งลงไปในรถพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม
ระหว่างทาง เฉินฝานซิงถือกุญแจอายุยืนชิ้นนั้นไว้ในมือมาตลอดทาง คอยเกี่ยวเล่นลูกกระพรวนเล็กๆ ทั้งหลายด้านหน้าอยู่เป็นระยะ เมื่อได้ยินเสียงกรุ๋งกริ๋งที่แว่วกังวานออกมา ก็พลอยให้รอยยิ้มเปี่ยมสุขบนใบหน้าของเฉินฝานซิงดูลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“ชอบมันขนาดนั้นเชียว” คล้ายว่าป๋อจิ่งชวนเองก็มองเธอมาตลอดทางเช่นกัน เขามองดูท่าทางที่อ่อนหวานเช่นนั้นและคิ้วสีเข้มคู่นั้นที่ดูอ่อนโยนอย่างยากจะได้เห็น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอจึงยื่นกุญแจอายุยืนชิ้นนั้นไปตรงหน้าของป๋อจิ่งชวน พลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณไม่รู้สึกว่ามันน่ารักเหรอคะ”
ป๋อจิ่งชวนกวาดมองกุญแจอายุยืนปราดหนึ่ง ลูกกระพรวนสวยวิจิตรขนาดจิ๋วทั้งห้ากำลังกวัดแกว่งไปมา ส่งเสียงไพเราะเสนาะหู เขาจุดยิ้มขึ้นตรงมุมปากน้อยๆ แล้วพยักหน้ารับ
“น่ารักครับ”
“ใช่ไหมล่ะ พอถึงตอนนั้นเอาไปใส่ให้ลูก มันจะต้องสวยมากแน่ๆ”
ตัวรถได้จอดสนิทลงใต้คอนโดอย่างพอดิบพอดี ป๋อจิ่งชวนเบี่ยงตัวมองเธอเล็กน้อย พร้อมด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่นตรงหว่างคิ้ว “สรุปว่านี่คือของที่คุณซื้อไว้ให้ลูกของเราล่วงหน้างั้นเหรอ”
เฉินฝานซิงหน้าขึ้นสีนิดๆ พลางเก็บกุญแจอายุยืนกลับคืนมา
“ฉันก็แค่ชอบเฉยๆ…”
ป๋อจิ่งชวนขำเสียงทุ้ม “แค่ชอบลูกของเราเฉยๆ”
แพขนตาของเฉินฝานซิงสั่นระริก มองป๋อจิ่งชวนที่ใกล้เข้ามาประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธอ
กลิ่นหอมสดชื่นจากร่างกายของเขาเข้าห่อหุ้มตัวเธอไว้ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างเหลือเชื่อ
“ทั้งๆ ที่ตอนแรกกะว่าจะพาคุณไปผ่อนคลายแท้ๆ…”
ป๋อจิ่งชวนจุมพิตเบาๆ ลงบนกลีบปากของเธอ เขาแตะลงไปบนหน้าผากของเธอพลางขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่กลับทำให้คุณเสียอารมณ์ซะได้ น้องสาวอะไรนั่นของคุณ พอพูดถึงความสามารถในบางด้านของเธอแล้ว เธอก็ดูจะเก่งใช่ย่อย”
เฉินฝานซิงเผลอแค่นหัวเราะเย้ยหยันออกมา
“อย่าได้ดูถูกเธอเชียว ความสามารถในการมัดใจคนของเธอไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ เรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนหน้านี้ หากเป็นคนอื่นล่ะก็คงไม่มีที่ให้ยืนในสังคมไปแล้ว แต่คุณดูสิ คนพวกนั้นที่คอยอยู่ข้างเธอยังคงไม่ไปไหน เธอยังคงเป็นสมบัติล้ำค่าแห่งตระกูลเฉิน ตระกูลซูเองก็ยังคงปักใจอยากได้เธอ…”
“คนชั่วอายุยืนเป็นพันปี”
ป๋อจิ่งชวนเอ่ยประโยคนี้ขึ้นด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ทำเอาเฉินฝานซิงหลุดหัวเราะออกมาเสียงทุ้ม
“ขำอะไร”
“รู้สึกเหมือนคุณจะติดดินลงมาทุกที”
“…”
เฉินฝานซิงแตะลงบนหน้าผากของเขาและลูบไล้ไปมาเบาๆ ก่อนจะประคองใบหน้าหล่อเหลาของเขาเอาไว้แล้วเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว
“ฉันทำให้คุณเสียคนรึเปล่า รู้สึกเหมือนฉันจะฉุดดึงคุณจากที่สูงเสียดฟ้าลงมาบนพื้นดินซะแล้ว…”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วแตะลงไปบนหว่างคิ้วของเขาอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงนุ่ม
“ป๋อจิ่งชวน อย่าตามใจฉันนักเลย อย่าไขว้เขวเพราะฉัน ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม คุณต้องเดินหน้าให้เต็มที่อย่างไร้กังวล ฉันตามคุณทันแน่ ฉันจะไม่เป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตคุณ และจะไม่มีวันกลายเป็นจุดอ่อนของคุณเด็ดขาด ตราบใดที่ฉันต้องการ ป๋อจิ่งชวน ฉันจะต้องเป็นคนที่คู่ควรกับคุณเพียงแค่คนเดียวบนโลกใบนี้”