ตอนที่ 565 เปลี่ยนไปเรียกคำอื่น
ป๋อจิ่งชวนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอย่างหนักหน่วงของตัวเองได้อย่างแจ่มชัด ม่านตาสีนิลคู่นั้นหดตัวแน่น ขณะที่กำลังจ้องมองหญิงสาวที่ใกล้กับเขาแค่เพียงคืบ
“และผมเองก็เคยบอกเหมือนกันว่า ผมจะไม่มีวันเสียคุณไป”
“ป๋อจิ่งชวน…” เธอขานเรียกเขาอย่างอ่อนใจ
“อย่าเรียกผมทั้งชื่อทั้งแซ่แบบนี้อีก” เขามุ่นคิ้วเอ่ย เพราะทนกับการเรียกขานเช่นนี้มานานเกินพอ
เฉินฝานซิงกระตุกยิ้มขึ้นน้อยๆ พร้อมขำขึ้นอย่างไร้เสียง หลังจากที่เงียบไปหลายวินาที ป๋อจิ่งชวนก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“แค่เปลี่ยนคำเรียกยังยากขนาดนี้ ต้องให้…”
“อาชวน”
น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นแทบจะเอื้อนเอ่ยออกมาในคราเดียวกัน
เสียงกระซิบแผ่วอันนุ่นนวลราวขนนก แผ่ซ่านไปยังทุกซอกทุกมุมของหัวใจ
เสียงทุ้มของป๋อจิ่งชวนชะงักลงกะทันหัน เขามองเธออย่างเงียบงัน ราวกับว่าสำหรับเขาแล้ว คำเรียกนี้ช่างห่างไกลกับเขาเสียเหลือเกิน
เฉินฝานซิงกะพริบตาปริบ เธอสัมผัสได้ว่าบรรยากาศในตอนนี้ชวนให้อึดอัดอยู่หน่อยๆ เธอเตรียมจะยืดแผ่นหลังขึ้นตั้งตรง ทว่าจู่ๆ มือใหญ่ของชายหนุ่มกลับรั้งท้ายทอยเธอเอาไว้
หน้าผากที่แยกออกจากกันแตะเข้าหากันด้วยน้ำหนักที่ไม่หนักไม่เบา ก่อนจะปล่อยให้สมองล่องลอยไปชั่วครู่
“เรียกอีกสิ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบทุ้ม
เฉินฝานซิงเม้มปาก ใบหน้าขึ้นสีแดงจัดด้วยความเหนียมอาย เธอชักช้าไม่ยอมออกเสียง ทำให้มือของชายหนุ่มที่วางอยู่ตรงท้ายทอยต้องออกแรงกระตุ้น
“เรียกอีกสิ หืม”
แพขนตาของเธอสั่นระริก เฉินฝานซิงช้อนสายตาขึ้นมองนัยน์ตาของชายหนุ่มก่อนจะค่อยๆ เอ่ยออกมา
“อาชวน”
เพราะยิ่งเขินอาย เสียงที่เปล่งออกมาจึงยิ่งฟังดูอ่อนโยน น้ำเสียงนุ่มที่แว่วขึ้นให้ได้ยินในตัวรถช่างหวานละมุนละไม
“ต่อไปให้เรียกแบบนี้”
ปึกๆ ปึกกก
จู่ๆ กระจกหน้าต่างของรถก็ถูกเคาะ
เฉินฝานซิงที่กำลังหันหน้าให้กับกระจกรถฝั่งของป๋อจิ่งชวนอยู่อย่างพอดิบพอดีก็ช้อนนัยน์ตาขึ้นมอง จนได้เห็นเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังสอดส่ายไปมาทั่วทุกทิศทางภายในตัวรถ เธอใจหายวาบ รีบผลักไหล่ป๋อจิ่งชวนออกไป ก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมาเช็ดริมฝีปากตัวเองอย่างตื่นตระหนก
ราวกับว่าตนเป็นเจ้าเหมียวที่ขโมยกินปลาย่างแล้วถูกจับได้อย่างไรอย่างนั้น
ป๋อจิ่งชวนตีคิ้วขมวด หันขวับไปมองยังนอกหน้าต่างรถ
ใบหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างของป๋อจิ่งหางปรากฏให้เห็นเด่นชัดทุกรูขุมขนอยู่ต่อหน้าเขา
“พี่ชาย ไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันเห็นนายจอดรถอยู่เป็นชาติแล้วนะ ทำไมยังไม่ลงมาอีกล่ะ”
เป็นเพราะป๋อจิ่งหางไม่เห็นเหตุการณ์ภายในรถ ใบหน้าของเขาจึงแทบจะแนบเขากับกระจกหน้าต่างรถอยู่รอมร่อ
ป๋อจิ่งชวนข่มดวงตาลง แล้วเปิดประตูโพล่งออกไปอย่างไม่ถนอมแรง
“โอ๊ยยย”
ป๋อจิ่งหางที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็กุมจมูกแล้วกระโดดโหยงๆ ไปอีกทาง เจ็บเสียจนเท้าอยู่ไม่ติดพื้น!
“หางหางงง หางหางงง”
สภาพของป๋อจิ่งหางพลอยทำให้หวันหว่านใจหล่นวูบ เธอรีบปรี่ตัวเข้าไปหยุดลงตรงหน้าของป๋อจิ่งหาง แล้วกอดขาเขาเอาไว้ พลางแหงนหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้ากังวลระคนหวาดกลัว
จนกระทั่งเห็นป๋อจิ่งชวนที่ก้าวลงมาจากรถและตามมาด้วยเฉินฝานซิง ความหวันกลัวและหวาดระแวงบนใบหน้าของหวันหว่านก็ค่อยๆ มลายหายไป
“พี่ชายใหญ่…พี่สะใภ้ใหญ่…”
“หวันหว่าน”
เฉินฝานซิงตกใจอยู่ไม่น้อย เธอรีบก้าวฉับๆ เข้าไปหาหวั่นหว่านแล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา
“ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมหนูถึงยังอยู่ตรงนี้อีกล่ะ”
หวันหว่านโอบคอเธอไว้ด้วยความสนิทสนม ก่อนเอ่ยขึ้นเสียงเจื้อยแจ้ว
“หนูเห็นพี่กับพี่ชายใหญ่เล่นจูจุ๊บกันอยู่ในรถ หางหางกลัวว่าพวกพี่จา…ขาด…เอิ่ม? ขาด…ขาดออกซิเจน…แล้วก็หายใจไม่ออกตุย...ก็เลย…อื้อๆ…”
ตอนที่ 566 เล่นจูจุ๊บสนุกมากไหม
ป๋อจิ่งหางรีบอุดปากน้อยๆ ของหวันหว่านเอาไว้ “แม่ยอดยาหยีของฉัน เธอไม่ต้องพูดอะไรแล้ว…”
เฉินฝานซิงฟังจนหน้าแดงลามไปถึงใบหู ดวงตาวูบไหวด้วยสีหน้าเคอะเขิน
ป๋อจิ่งชวนตวัดสายตาเย็นเฉียบเข้าเสียบแทงป๋อจิ่งหาง ป๋อจิ่งหางจึงรีบกล่าวปฏิเสธ
“พี่ชาย อย่าไปใส่ใจคำพูดไร้สาระของหวันหว่านเลย ฉันแค่เห็นว่ามันตั้งนานแล้ว แต่นายก็ไม่ยอมลงมาสักที ฉันก็กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาย ถึงได้…โอย พี่ พี่! ที่ฉันพูดน่ะเรื่องจริงทั้งนั้นนะ…จิ๊…ถ้าจะทำร้ายกันก็ให้เวลาฉันเตรียมใจสักหน่อยได้ไหมเล่า…เบาๆ เบาๆ…”
เฉินฝานซิงรีบอุ้มหวันหว่านเข้าคอนโดไป
“พี่สะใภ้ใหญ่ เล่นจูจุ๊บสนุกมากไหม”
ฝีเท้าของเธอสะดุดลงเล็กน้อย เมื่อได้เห็นดวงตากลมโตใสแป๋วของหวันหว่าน ภายในใจของเธอก็พลันรู้สึกผิดขึ้นมา
“พี่สะใภ้ใหญ่ หวันหว่านก็อยากเล่นจูจุ๊บเหมือนกันนะ แต่ไม่รู้ว่าจะเล่นกับใครดี แม่บอกว่าต้องจูจุ๊บกับผู้ชายที่สนิทกันมากๆ เท่านั้น แต่ว่าหวันหว่านสนิทกับหางหางที่สุดแค่คนเดียว…ใช่แย้ว หนูเล่นจูจุ๊บกับหางหางได้นี่นา…”
เฉินฝาซิงได้ฟังดังนั้นก็พาลให้ขมับของเธอเต้นตุบๆ
ป๋อจิ่งหางเป็นสามีในนามของพี่สาวหวันหว่าน สามีพี่สาวกับน้องสาวภรรยาเล่นจูบกัน นี่มัน…
ผิดศีลธรรมสุดๆ ไปเลยไม่ใช่เหรอ
อีกอย่างหวันหว่านก็ยังขนาดนี้ หากป๋อจิ่งหางเขา…
จู่ๆ เธอสะดุ้งเฮือกขึ้นมากะทันหัน พลันเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่ได้นะ ต่อให้เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็จูจุ๊บได้กับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น ก็เหมือนกับที่พี่จูจุ๊บกับพี่ชายใหญ่ได้คนเดียว อีกอย่างหางหางก็จูจุ๊บได้แค่กับพี่ส...แม่ของหนู หากคนคนหนึ่งจะไปจูจุ๊บกับใครก็ได้แบบนั้น นั่น…นั่นมันไม่ถูกต้องเข้าใจไหม”
การอธิบายครั้งนี้กินแรงเธอไปเล็กน้อย แม้ว่าเรื่องนี้จะเหนือความคาดหมายไปบ้าง ทว่าตอนนี้เธอทำได้เพียงอธิบายกับหวันหว่านไปเช่นนั้น
ได้ฟังเช่นนั้น ใบหน้าอมชมพูของหวันหว่านก็ดูบูดบึ้งขึ้นทันตา อีกทั้งปากน้อยๆ ก็ยังบุ้ยเข้าหากัน
“แบบนี้เองหรอ แต่แม่กับหางหาง ไม่เคยจูบกันเลยนะ…”
เฉินฝานซิงขมวดคิ้ว “ยังไงนะ”
สีหน้าของหวันหว่านดูเศร้าสร้อยและเคล้าไปด้วยความกังวล “แล้วหางหางกับแม่ก็ไม่นอนด้วยกันด้วย พวกเขาเป็นแบบนี้ก็ไม่ถูกด้วยใช่ไหม”
คิ้วเข้มของเฉินฝานซิงย่นเข้าหากันเบาๆ พลางมองไปยังป๋อจิ่งหางที่เดินกุมแก้มเข้ามา ความสงสัยก็พลันจุดประกายขึ้นในแววตา
ป๋อจิ่งชวนรีบเดินเข้ามาประกบเธอเป็นสิ่งแรก แล้วอุ้มหวันหว่านออกมาจากอ้อมแขนของเธอ ก่อนจะยัดเด็กน้อยเข้าไปในอ้อมแขนของป๋อจิ่งหาง จากนั้นจึงโอบไหล่เฉินฝานซิงแล้วเดินเข้าลิฟต์ไป
ป๋อจิ่งชวนก้มหน้าลงจัดแขนเสื้อ ตามข้อนิ้วของเขาขึ้นสีแดงจางๆ พอให้เธอได้มองเห็น เธอยื่นมือไปจับมือของเขาเข้ามา
“นั่นเขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของคุณนะ ต้องลงไม้ลงมือกันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
ป๋อจิ่งชวนมองนิ้วมือตัวเองอย่างไม่ยี่ระ “มัน? ถ้าผมไม่รุนแรงสักหน่อย คนที่จะซวยก็คือผม”
“เอ๋?”
ป๋อจิ่งชวนกลับมือเพื่อกุมมือของเธอเอาไว้ “อย่าไปโดนมันหลอก”
เฉินฝานซิงกะพริบตาปริบๆ นัยน์ตาพร่างพราวคู่นั้นจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด ก่อนจะพยักหน้ารับไปราวกับเข้าใจ
“เดี๋ยวกลับไปฉันจะช่วยทำแผลให้นะคะ”
“ไม่ได้หนักหนาอะไร”
“ได้ไงล่ะ พรุ่งนี้คุณเป็นเจ้าของวันเกิดนะ หรือคุณจะฉลองวันเกิดทั้งที่เจ็บตัวแบบนี้เหรอ”
“หืม?”
ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้ว มุมปากกระตุกยิ้มขึ้นอย่างชวนให้หลงใหล
เฉินฝานซิงชะงักไปก่อนจะปล่อยมือจากเขา
จู่ๆ ชายหนุ่มก็ประชิดเข้าไปใกล้เธอทีละก้าว ทีละก้าว ต้อนเธอจนแนบเข้ากับมุมๆ หนึ่งของลิฟต์ ร่างกายสูงสง่ายืนขวางหน้าเธอเอาไว้พลางจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นเสียงทุ้ม
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะจำวันเกิดผมได้ งั้นคิดไว้รึยังล่ะว่าพรุ่งนี้จะให้ของขวัญอะไรผมดี”