ตอนที่ 242 เธอก็คือ leo

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

วิลล่าตระกูลสวี
สวีหว่านเอ๋อร์นั่งเอื่อยอยู่บนโซฟาเลื่อนโทรศัพท์ไปมา อ่านคอมเม้มเสียๆ หายๆ ที่มีต่อซูฉิง แล้วก็หัวเราะยิ้มร่าออกมา
“หว่านเอ๋อร์ เธอฉลาดจริงๆ เลย พวกเราไม่ต้องเสียแรงทำอะไร ก็ทำให้ซูฉิงขายหน้าได้ ดูหน้าอัปลักษณ์ของมันสิ น่าตลกจริงๆ “ไป๋หลานที่นั่งอยู่ข้างๆ สวีหว่านเอ๋อร์ ก็จีบปากจีบคอพูดประจบสวีหว่านเอ๋อร์
“หึ สมน้ำหน้ามันแล้ว! แค่เนี้ยก็ถือว่าทำอะไรมันได้แล้ว!” สวีหว่านเอ๋อร์วางโทรศัพท์ลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองไป๋หลาน แล้วพูดอย่างโมโห
ได้ข่าวว่าซูฉิงแค่เกิดอาการภูมิแพ้ไม่เป็นอะไรมาก ดูถูกเธอจริงๆ
ซูฉิงยัยผู้หญิงแพศยานั่น จะต้องทำให้หน้าอัปลักษณ์ไปเลยสิ
พอคิดถึงภาพตอนที่ฮ่อหยุนเฉิงอุ้มซูฉิงนั้น เธอก็รู้สึกเจ็บปวดใจ สวีหว่านเอ๋อร์รู้สึกอิจฉาริษยามาก
พอเห็นว่าเมื่อวานซูฉิงมีสภาพเป็นอย่างนั้น ล้วนหน้าตาอัปลักษณ์ ดูแล้วก็ทำให้รู้สึกหมดอารมณ์ ฮ่อหยุนเฮิงยังจะสนใจมันทำไม!
เธอไม่เข้าใจเลย ซูฉิงมีอะไรดีกว่าเธอ ถึงทำให้ฮ่อหยุนเฉิงหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
ทำไมฮ่อหยุนเฉิงถึงไม่เหลียวแลเธอเลยนะ
“หว่านเอ๋อร์ เธอดูสิ ทางตำรวจรายงานแล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นอุบัติเหตุ “ไป๋หลานรีบชี้ไปที่หน้าจอให้สวีหว่านเอ๋อร์ดู
“หรอ “สวีหว่านเอ๋อร์หันไปมองตามอย่างรวดเร็ว
ตามเนื้อหาที่รายงานบอกว่า ในงานพิธีเปิดกล้องละคร《โห้วกงเฟิงเยว่》ของบริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซูฉิงซึ่งเป็นceoของบริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ได้เกิดอาการแพ้อย่างไม่คาดคิด ที่เกิดจากการที่มีแฟนคลับนำดอกไม้มามอบให้ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้กำเริบ และจากผลตรวจสอบ เรื่องนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุ
อุบัติเหตุงั้นหรอ
สวีหว่านเอ๋อร์กัดริมฝีปากแล้วสบถเสียงขรึมออกมา
ทำไมถึงจะเป็นเรื่องอุบัติเหตุไปได้ละ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นฝีมือของอู๋ชิงหร่าน
ดูท่า ซูฉิงไม่มีสมองเอาเสียเลย เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังถูกอู๋ชิงหร่านหลอกเอาได้
“ดูท่าอู๋ชิงหร่านก็ไม่ได้โง่ ฉลาดกว่าเซี่ยซิงซิงเมื่อก่อนเยอะเลย “สวีหว่านเอ๋อร์ยกยิ้ม พร้อมยักคิ้วขอย่างเก็บอารมณ์ดีไว้ไม่อยู่
“ใช่แล้ว ในเมื่ออู๋ชิงหร่านทำให้ซูฉิงเสียหน้าได้ ครั้งหน้าหากเธอลงมืออีก จะต้องจัดการซูฉิงถึงแก่ชีวิตแน่!”ไป๋หลานพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
เธอนั้นไม่ชอบซูฉิงตั้งแต่แรกแล้ว
ไป๋หลานแอบรักเฉินจุนเหยียนมาสองปีแล้ว แต่ในสายตาของเฉินจุนเหยียนก็มีเพียงแต่ซูฉิงคนเดียว
ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เฉินจุนเหยียนถึงจะมองเห็นเธอบ้าง
ไป๋หลานคิดอยากจะไล่ซูฉิงให้ไปให้พ้น ความคิดนี้ก็เหมือนกับสวีหว่านเอ๋อร์
“ไป๋หลาน เธอมีญาติที่เป็นพี่สาวใช่มั้ย ทำงานอยู่ที่บริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ รึเปล่า”สวีหว่านเอ๋อร์เหล่มองไป๋หลานแล้วเอ่ยถาม
“ใช่ หว่านเอ๋อร์ ฉันรู้ว่าจะทำยังไงแล้ว”ไป๋หลานพูดอย่างรู้ใจ
สวีหว่านเอ๋อร์พยักหน้า แล้วพูดกำชับสั่งต่อว่า”จำไว้นะ จะต้องให้อู๋ชิงหร่านลงมือ อย่าให้เรื่องสาวมาถึงพวกเราได้!”
“ฉันเข้าใจแล้ว” ไป๋หลานรีบตอบรับ
…………
ซูฉิงพักผ่อนอยู่บ้านอีกสองวัน อาการภูมิแพ้ก็หายดีเป็นปกติแล้ว
คืนนี้ ซูฉิงที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเลื่อนโทรศัพท์ดูนั่นนี่ไปเรื่อย ทันใดนั้นยวี๋น่าก็โทรมา
“ยวี๋น่า มีอะไรหรอ”ซูฉิงที่พอรับสายก็เอ่ยถามทันที
ปลายสายที่เป็นยวี๋น่าก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง”เธอเป็นอะไรมากมั้ย ฉันเห็นข่าวที่เธออาการภูมิแพ้กำเริบในงานพิธีเปิดกล้องละครแล้ว”
“ฉันไม่เป็นไร “ซูฉิงยิ้มให้ พอได้รับความเป็นห่วงจากยวี๋น่า ซูฉิงก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา
“เป็นเรื่องอุบัติเหตุจริงๆ หรอ”ยวี๋น่าถามต่ออย่างไม่วางใจ
ซูฉิงเม้มปากแล้วพูดตามความจริง “แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุ มีคนตั้งใจทำอะไรกับช่อดอกไม้นั่น เพื่อที่จะทำร้ายฉัน”
“เป็นใคร”ยวี๋น่าถามเสียงสั่น
ซูฉิงคิ้วขมวด “ยังไม่รู้ แต่ก็น่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบฉันแหละ”
“คนพวกนี้อยู่ดีไม่ว่าดีรนหาที่ตายจริงๆ “ยวี๋น่าต่อว่าให้กับคนที่ทำสิ่งนี้อยู่หลายนาที
คนที่ทำร้ายซูฉิงล้วนไม่ตายดีแน่
“อ้อ ใช่แล้ว เดือนหน้าจะจัดงานแข่งขันออกแบบคอลเลคชั่นประจำปีแล้ว ซูฉิง เธอจะเข้าร่วมมั้ย “ยวี๋น่าที่นึกอะไรขึ้นมาได้ก็เอ่ยถาม
“เดือนหน้าหรอ”ซูฉิงอ้ำอึ้ง
ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจังนี่จะถึงการแข่งขันออกแบบแฟชั่นปารีสประจำปีแล้วหรอ ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ทุกครั้งจะเป็นซูฉิงที่เข้าร่วมแข่งขันในนาม leoที่ลึกลับ และยิ่งเป็นที่ฮือฮาเมื่อได้แชมป์มา
เพียงแต่ว่า ตอนนี้ก็จะใกล้ถึงสิ้นเดือนแล้ว เธอยังต้องอยู่ที่เมืองA ตรวจดูอาการของคุณปู่ฮ่อ
เกรงว่าจะไม่มีเวลาเข้าร่วมการแข่งขันประจำปีของปีนี้แล้ว
คิดมาถึงตอนนี้ ซูฉิงก็เอ่ยเสียงนิ่ง “ปีนี้ให้คนใหม่เข้าไปลองฝึกฝนเถอะ อันฉี มู่มู่ สองคนนี้ก็ไม่เลวนะ”
“ไม่ได้นะ ซูซานได้ท้าห้องเสื้อของพวกเราไว้แล้ว ถ้าเธอไม่ออกโรงเอง เกรงว่าพวกนักออกแบบจะสู้ไม่ได้นะสิ ถ้าหากว่าพวกเราแพ้ ชื่อเสียงที่สั่งสมมานานหลายปีก็รักษาไว้ได้ยากนะ “ยวี๋น่าพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
ซูชานคือห้องเสื้อSunsanที่เป็นนักออกแบบชุดแถวหน้า ก่อนที่จะมีleo ตำแหน่งที่หนึ่งของโลกก็คือห้องเสื้อนี้
แต่ว่าเมื่อสองปีก่อน leoได้ปรากฏตัวอวดสายตาต่อชาวโลกภายนอก และในงานแข่งขันการออกแบบชุดก็ชนะซูชาน ห้องเสื้อleo ถึงได้พัฒนาได้เร็วจนถึงทุกวันนี้
ซูชานที่อัดอั้นมานาน อยากจะกู้หน้าคืน
“อย่างนี้นี่เอง”ซูฉิงรู้สึกปวดหัว “งั้นเดี๋ยวฉันขอดูเวลาก่อนนะ”
“เพื่อนรัก เธออย่าให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าเพื่อนนะ คิดแต่เรื่องของฮ่อหยุนเฉิงจนไม่สนใจเรื่องของตัวเอง”ยวี๋น่าพูด ห้องเสื้อleo ขาดนักออกแบบที่เก่งกาจอย่างเธอไม่ได้นะ!”
“เอาละๆ ฉันรู้แล้ว ยวี๋น่า เธอวางใจเถอะ แต่ว่าก็แค่ซูชานเท่านั้น พวกเราไม่มีวันแพ้หรอกน่า!”ซูฉิงยิ้มพูดอย่างมั่นใจ
ยวี๋น่าถึงได้ถอนหายใจโล่ง ยิ้มพูดต่อว่า”งั้นก็ดี ฉันรอข่าวดีจากเธอนะ ”
พอวางสาย และซูฉิงที่กำลังเลื่อนดูข่าวใหม่ต่อ ทันใดนั้นเสียงแหบพร่าของผู้ชายก็ดังขึ้นมาจากหน้าประตู “คุยโทรศัพท์กับใครอยู่”
ซูฉิงเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นฮ่อหยุนเฉิงยืนพิงขอบประตูอยู่
เขาสวมชุดนอนสีขาว สองมือล้วงกระเป๋า เมื่อเทียบกับปกติที่ดูเย็นชาแล้ว ตอนนี้ดูอ่อนโยนกว่ามาก
ซูฉิงตกใจอึ้ง เขามาต้องแต่เมื่อไหร่
เมื่อกี้ตอนที่เธอคุยโทรศัพท์กับยวี๋น่า ฮ่อหยุนเฉิงได้ยินมากน้อยแค่ไหน
“นายแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์หรอ”ซูฉิงยกคิ้วขึ้นปมถาม
ฮ่อหยุนเฉิงก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาหาซูฉิง ก้มมองเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ”ไม่ได้แอบฟัง แต่ตั้งใจฟังอย่างเปิดเผยเลย”
“นาย ใช้ไม่ได้จริงๆ!”ซูฉิงหลอกสายตามองบนให้กับฮ่อหยุนเฉิงอย่างอารมณ์เสีย “แล้วนายได้ยินอะไรบ้าง”
“แล้วเธออยากให้ฉันได้ยินอะไรละ”ฮ่อหยุนเฉิงยักคิ้วถามพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
ซูฉิงทำเป็นนิ่ง แล้วไม่สนใจฮ่อหยุนเฉิง ผู้ชายบ้านี่ หน้าไม่อายจริงๆ แอบฟังคนอื่นเขาคุยโทรศัพท์ยังบอกมาได้ว่าฟังอย่างเปิดเผย
ฮ่อหยุนเฉิงนั่งลงข้างๆ ซูฉิง มองหน้าเธอนิ่ง มุมปากของเขายกส่วนโค้งที่มีความหมาย และเขาถามด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน “ที่จริงแล้ว เธอก็คือ leo ถูกต้องมั้ย?”