ตอนที่ 601 แผนของคุณฟาง / ตอนที่ 602 คุณเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 601 แผนของคุณฟาง 

 

 

เมื่ออวี๋กานกานกำลังจะไป จู่ๆ ฟังจือหันก็ยื่นมือออกมาจับแขนเธอเอาไว้เข้ามาในอ้อมกอด 

 

 

อวี๋กานกานช้อนสายตาขึ้นมองเขา ยังไม่ทันได้ถามอะไรฟังจือหันก็โน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากของเธอ… 

 

 

ขณะนี้บริเวณที่จอดรถมีผู้คนขวักไขว่ ไม่เพียงแค่เพื่อนร่วมงานที่มาทำงานโรงพยาบาลเท่านั้น 

 

 

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แพทย์ทุกคนในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนขนาดใหญ่อวี้อีถังแห่งนี้ทราบดีว่า อวี๋กานกานไม่โสดและมีแฟนหนุ่มที่หล่อเหลามาก 

 

 

ช่วงพักกลางวันเพื่อนที่ทำงานหลายคนลากอวี๋กานกานไปถาม ทุกคนต่างซุบซิบและอยากรู้อยากเห็นแฟนหนุ่มสุดหล่อคนดังกล่าว ทุกคนต่างขอดูรูปกันทั้งนั้น 

 

 

อวี๋กานกานโทรศัพท์หาฟังจือหัน บ่นเขาจนหูชา 

 

 

“ครั้งหน้าช่วยดูสถานการณ์หน่อยได้ไหม” 

 

 

“ไม่ได้” 

 

 

“คุณส่งผลต่อการตรวจคนไข้ของฉัน” 

 

 

“ผมก็เป็นคนไข้ไง” 

 

 

“คุณป่วยตรงไหนไม่ทราบ” 

 

 

“กลับบ้านไปแก้เสื้อผ้าให้คุณตรวจ” 

 

 

อวี๋กานกาน “…” 

 

 

คนลามกคนผีทะเล ไหนบอกว่าเป็นคนเย็นชาไง หากเป็นคนไม่ตรงปกแต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องหื่นขนาดนี้! 

 

 

หลังจากพักเที่ยงเพียงครูเดียวตอนบ่ายอวี๋กานกานก็เริ่มงานยุ่ง 

 

 

เธอถูกตั้งฉายาว่าเป็นเน็ตไอดอลแต่กลับไม่รู้ว่ากระแสของตัวเองในอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างไรบ้างแล้วทำไมถึงตั้งฉายาว่าเน็ตไอดอล รู้เพียงแค่ว่าช่วงนี้มีคนเข้าหาเธอมากมายนับวันยิ่งลงทะเบียนยากขึ้น 

 

 

เธอเกล้าผมเผ้ารุงรังให้เป็นมวย เธอรินน้ำดื่มถอดเสื้อกาวน์สีขาวพาดบนพนักเก้าอี้แล้วนั่งลง 

 

 

แต่ทำไมเธอนึกไม่ถึงว่าคนไข้รอบบ่ายคนแรกจะเป็นจางอี๋เสวี่ยกับหลิงนี 

 

 

จางอี๋เสวี่ยเดินเข้ามาก็นั่งตรงข้ามเธอ ส่วนหลิงนีมองสำรวจห้องตรวจรอบๆด้วยรอยยิ้มมุมปาก 

 

 

“เธอบอกให้ฉันมาหาเธอที่นี่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ทางที่ดีเธอควรตรวจให้ฉันแน่ชัด อย่าทำให้เสียชื่อตัวเองล่ะ” จางอี๋เสวี่ยพูดพลางยื่นแขนตัวเองออกมา ในขณะที่หลิงนียืนอยู่ด้านหลังของหล่อน 

 

 

อวี๋กานกานจ้องมองพวกเธอทีละคน จากนั้นยื่นมือไปตรวจจับชีพจรให้กับจางอี๋เสวี่ย 

 

 

ผ่านไปสักพัก เธอก็วางมือตัวเองแล้วเขียนใบสั่งยาพลางขยับปากพูด “ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไร ใส่ใจการพักผ่อนเป็นปกติ กลางคืนก่อนนอนก็ให้แช่เท้านะคะ” 

 

 

เมื่อเซ็นชื่อตัวเองแล้วเธอก็นำใบสั่งยาที่เขียนเสร็จเรียบร้อยยื่นไปตรงหน้าจางอี๋เสวี่ย “ทานสามถึงห้าวันนะคะ” 

 

 

จางอี๋เสวี่ยหยิบใบสั่งยาขึ้นมาดูครู่หนึ่งก็ตบโต๊ะทันทีด้วยความโมโห “นี่เธอเขียนใบสั่งยาอะไรเนี่ย ผิวส้มเขียว เปลือกส้มอย่างละสิบกรัม จะต้มหรือชงในน้ำร้อน มียาแค่สองตัวเรียกว่าใบสั่งยาเหรอ เธอหลอกลวงฉันใช่ไหม” 

 

 

อวี๋กานกานพูดต่อ “สุดท้ายนี้เตือนคุณสักหน่อยเรื่องอาหารสามารถดื่มนมได้นิดหน่อย หรือจะต้มโจ๊กใส่พุทราจีน เกาลัดและลำไยอบแห้งทานก็ได้ โจ๊กนี้ช่วยบำรุงไตและทำให้ม้ามมีชีวิตชีวา อีกทั้งยังสามารถบำรุงเลือดลมได้อีกด้วย ดื่มแล้วดีต่อคุณแน่นอนค่ะ…” 

 

 

จางอี๋เสวี่ยตะโกนขัดคำพูดของเธอ “หยุดพูดสักทีได้ไหม ตกลงเธอรู้หรือเปล่าว่าฉันป่วยเป็นอะไร” 

 

 

“นอนไม่หลับไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“แล้วเธอใช้พวกนี้รักษาได้ไหม เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันนอนไม่หลับ ตื่นแล้วยังปวดหัว ปวดเนื้อปวดตัวไปหมด เธอคือหมอต้มตุ๋น!” จางอี๋เสวี่ยด่ากราดยกใหญ่ 

 

 

อวี๋กานกานเอ่ยขึ้น “การนอนไม่หลับของคุณเกิดจากความเมื่อยล้าของตับและชี่ ดังนั้นจึงมุ่งเน้นไปที่การผ่อนคลายตับและบรรเทาความเมื่อยล้า ผิวส้มเขียวมีผลในการขจัดความเมื่อยล้าและขจัดเสมหะ ในขณะที่เปลือกส้มเขียวหวานสามารถควบคุมชี่และแก้ม้ามชื้นขับเสมหะ มันสามารถแก้ปัญหาของคุณได้อย่างสมบูรณ์หากคุณพบว่าไม่มีประโยชน์คุณสามารถปรึกษาแพทย์คนอื่นได้” 

 

 

จางอี๋เสวี่ยชี้หน้าอวี๋กานกาน “ไม่มีความสามารถแล้วเธอเป็นหมอรักษาได้ยังไง สั่งยามั่วซั่วแค่ไม่กี่อย่างแล้วไล่คนไข้ ไม่กลัวว่ารักษาจนคนไข้เสียหายเหรอ!” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 602 คุณเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง 

 

 

แม้จางอี๋เสวี่ยจะจงใจยั่วยุแต่อวี๋กานกานยังคงมีท่าทางนิ่งๆ 

 

 

มือทั้งสองวางบนโต๊ะมองพวกเธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับจะบอกว่าพูดจบหรือยัง หากพูดจบแล้วก็รีบออกไปซะ 

 

 

จางอี๋เสวี่ยที่ไม่ได้รับการโต้ตอบกลับมาเหมือนกับเอาหมัดชกปุยฝ้าย เธอขบกรามก่อนจะด่าว่า “อวี๋กานกานไร้ยางอาย เธอรู้จักแต่จะยั่วผู้ชาย” 

 

 

อวี๋กานกานยังคงไม่แสดงความโกรธ เพียงแต่เอ่ยเตือนออกไป “พวกคุณทั้งสองหากเป็นคนไข้ดิฉันยินดีต้อนรับ แต่ถ้ามาก่อความวุ่นวายล่ะก็ ดิฉันจะเรียกรปภ.มาเดี๋ยวนี้” 

 

 

จางอี๋เสวี่ยสบถอย่างเยือกเย็น “เธอยังจะกล้าเรียกรปภ.อีกเหรอ เธอไม่กลัวว่าทุกคนจะเห็นหางจิ้งจอกของเธอเหรอ” 

 

 

เธอเองก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะพูดอะไรแล้วเหมือนกันจึงหันไปมองหลิงนี หลิงนี่ก็เลยมองอวี๋กานกานแล้วเอ่ยขึ้น “เธอบอกมาว่าต้องทำยังไงถึงจะเลิกจากฟังจือหัน” 

 

 

“ทำไมฉันต้องเลิกกับฟังจือหันด้วย เรื่องอะไรจะต้องเลิกกับฟังจือหัน อีกอย่าง…คุณให้ฉันเลิกกับฟังจือหัน หากฉันเลิกแล้ว ฟังจือหันจะหันมาคบกับคุณเหรอ” แม้น้ำเสียงของอวี๋กานกานจะฟังดูอ่อนโยนแต่ก็แฝงด้วยความเย้ยหยัน 

 

 

หลิงนีตบโต๊ะ “ฉันกับฟังจือหันโตมาด้วยกัน แม้จะไม่ใช่ฉันก็ไม่ใช่เธอเหมือนกัน เธอคิดว่าเธอคู่ควรกับฟังจือหันอย่างนั้นเหรอ” 

 

 

อวี๋กานกานยิ้มขำ “ถึงแม้ฉันจะไม่คู่ควรกับฟังจือหัน แต่ว่าฟังจือหันชอบฉัน เลิกกับฉันไม่ได้ ยิ่งไม่มีฉันไม่ได้” 

 

 

หลิงนีตะลึงค้าง คิดไม่ถึงว่าจะมีคนพูดจาหน้าไม่อายขนาดนี้ “เธอนี่หลงตัวเองดีนะ มีอาการป่วยไม่น้อยเลยนี่” 

 

 

อวี๋กานกานตอบเรียบนิ่ง “ฉันจะป่วยหรือไม่คงไม่ต้องให้คุณมาใส่ใจหรอกค่ะ แต่คุณต่างหากที่ป่วย แล้วยังป่วยหนักอีกด้วย” 

 

 

หลิงนีดวงตาแข็งกร้าว เบิกตาค้าง “นี่เธอ” 

 

 

อวี๋กานกานตั้งใจบอกเธออย่างจริงจัง “อย่าคิดว่าคุณด่าฉันป่วยแล้วคิดว่าประโยคเมื่อกี้นี้ฉันด่าคุณ ฉันพูดความจริงกับคุณ คุณป่วยจริงๆ ค่ะ” 

 

 

หลิงนีมองอวี๋กานกานอย่างไม่เข้าใจ 

 

 

เธอ ป่วยจริงๆ เหรอ! 

 

 

เป็นไปได้อย่างไร อวี๋กานกานมีเจตนาโกหกเธอแน่ๆ 

 

 

หลิงนีอยากโมโหแต่กลับสะอึกอีกครั้ง คำที่อยากก่นด่ากลับกลายเป็นคำถามที่ออกจากปาก “เธอบอกว่าฉันป่วย งั้นเธอก็บอกมาสิว่าฉันป่วยเป็นอะไร หากบอกไม่ได้ฉันไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่” 

 

 

อวี๋กานกานชี้ไปที่หมอนรองตรวจชีพจร “ตรวจชีพจรไปด้วยแล้วฉันจะบอกคุณ” 

 

 

จางอี๋เสวี่ยรีบลุกให้หลิงนีนั่งลง หลิงนียื่นแขนวางบนโต๊ะ เผยสีหน้ารอยยิ้มเยาะเย้ยเย็นชา “ฉันจะดูว่าเธอจะเล่นตุกติกอะไรได้บ้าง หากไม่ทำให้ฉันพอใจ ฉันจะเอาเรื่องวันนี้ทั้งหมดแฉลงอินเตอร์เน็ตบอกให้ทุกคนรู้ว่าเธอคือนักต้มตุ๋น” 

 

 

อวี๋กานกานไม่ได้รีบตอบเธอ หลังจากยื่นมือข้างหนึ่งมาตรวจชีพจรแล้วจึงถามเธออีกครั้ง “คุณหลิงคงจะยังไม่เคยมีแฟนใช่ไหมคะ” 

 

 

จางอี๋เสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้นอย่างไม่ยุติธรรม “แฟนของเธอถูกหล่อนแย่งไปแล้ว ถ้าหล่อนเลิกกับฟังจือหัน เธอก็มีแฟนแล้วไง” 

 

 

อวี๋กานกานไม่ได้สนใจจางอี๋เสวี่ยแล้วหันไปพูดกับหลิงนี “ชีพจรหยินเพิ่มขึ้นแต่ไฟหยางกลับลดลง ดูเหมือนสาเหตุส่วนใหญ่จะมาจากการที่ไม่มีแฟน อีกทั้งในใจยัง…” 

 

 

หลิงนีเอ่ยขัดจังหวะอวี๋กานกาน “เธอหมายความว่ายังไง!” 

 

 

อวี๋กานกานยิ้มให้เธอเล็กน้อย “ฉันพูดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้หญิงซี้ซั้วแบบนั้น” 

 

 

หลิงนีทั้งโกรธทั้งอายจนหน้าแดงตลอดเวลาไม่รู้จะพูดสิ่งใด 

 

 

เธอมาเพื่อก่อความวุ่นวาย ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงต้องมาชมเธอว่าเป็นผู้หญิงที่ดีด้วย 

 

 

จางอี๋เสวี่ยที่อยู่ข้างๆ กระแอมไอหนักหน่วง มองอวี๋กานกานอย่างไม่อยากเชื่อแล้วเอ่ยขึ้น “เธอเป็นผู้หญิงหรือเปล่า พูดจามั่วซั่วแบบนี้ได้ยังไง”