ตอนที่ 599 ฝันเห็นคุณมีกิ๊ก / ตอนที่ 600 โทรศัพท์ของผมลายนิ้วมือของคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 599 ฝันเห็นคุณมีกิ๊ก 

 

 

วันนี้ซ่งฉาไป๋ตื่นขึ้นมาขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าไม่มีกะจิตกะใจจึงทำให้อวี๋กานกานตกใจ 

 

 

เธอจึงถามด้วยความเป็นห่วง “ฉาไป๋ เธอเป็นอะไรไป ทำสีหน้าไม่ค่อยดีเลยหรือว่าเธอป่วย” 

 

 

เมื่อวานตื่นเต้นมากไปจริงๆ อย่างกับนั่งรถข้ามเขาข้ามดอย แต่ซ่งฉาไป๋ก็ไม่คิดจะบอกอวี๋กานกาน มิฉะนั้นอวี๋กานกานต้องทำให้เธอปวดขมับแน่ๆ เธอจึงส่ายหน้า “ฉันแปลกที่น่ะ เมื่อคืนเลยนอนไม่ค่อยหลับ” 

 

 

อวี๋กานกานถอนหายใจก่อนจะถามด้วยความสงสัย “รู้จักเธอมาตั้งนาน ไม่ยักรู้เรื่องเธอไม่ชินกับการนอนแปลกที่ล่ะ” 

 

 

ซ่งฉาไป๋ยิ้มเจื่อนๆ “ฉันไม่ชินกับการนอนแปลที่มาตั้งนานแล้วเธอไม่รู้เหรอ” 

 

 

อวี๋กานกาน “…” 

 

 

เมื่อก่อนตอนมาบ้านเธอไม่ใช่ว่านอนด้วยกันหรอกหรือ ทำไมถึงไม่เคยเห็นว่าหล่อนนอนแปลกที่ ทั้งยังนอนหลับสบายน้ำลายยืดเปียกหมอนอีกต่างหาก 

 

 

เหมือนซ่งฉาไป๋จะนึกถึงเมื่อก่อนได้ หล่อนจึงหลุกหลิกหรี่สายตาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น “ที่จริงแล้วเมื่อคืนฉันฝันเห็นฟังจือหันมีกิ๊กด้วยแหละ แล้วเธอก็มาร้องไห้ฟูมฟายกับฉัน ฉันเศร้ามากก็เลยตื่นจากนั้นก็นอนไม่หลับอีก คิดอยู่ตลอดเวลาว่าทำไมฉันถึงฝันอะไรแบบนี้ แล้วฉันก็คิดได้ว่าทุกอย่างเป็นเพราะฉันรักมากเกินไป 

 

 

ในขณะที่กำลังพูด ซ่งฉาไป๋ก็หัวเราะแหะๆ โยกตัวไปมาพร้อมกับส่งมินิฮาร์ทให้ “รักเธอนะ” 

 

 

อวี๋กานกาน “…” 

 

 

ตอนฟังจือหันเดินลงมาได้ยินประโยคนี้พอดี ซ่งฉาไป๋เลยเงยหน้ามองเขาปะทะสายตาเย็นชาของชายหนุ่ม หล่อนจึงรีบปัดมือพัลวัน “ฉันเปล่านะ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันไม่ใช่ยูริ[1]นะ” 

 

 

อวี๋กานกานขำแล้วทักทายฟังจือหันให้มาทานอาหารเช้า “คุณจะทานโจ๊กหรือดื่มนมดีคะ” 

 

 

“กาแฟ” ฟังจือหันดึงเก้าอี้นั่งลงข้างๆ อวี๋กานกาน 

 

 

“ไม่ได้ เช้าๆ แบบนี้ดื่มกาแฟได้ยังไงคะ บอกให้ฟังฉันไม่ใช่เหรอ รักษาสุขภาพ” อวี๋กานกานจึงตักโจ๊กให้เขาหนึ่งถ้วยเพราะฟังจือหันไม่ชอบดื่มนม 

 

 

“งดกินเผ็ดหรือยัง” ฟังจือหันถามกลับ ให้เขารักษาสุขภาพ เธอเองก็ต้องงดเหมือนกัน 

 

 

“กินเผ็ดไม่เกี่ยวกับรักษาไม่รักษาสุขภาพ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าพริกสามารถอุ่นกระเพาะอาหารและขับความเย็นออกไปปกป้องหัวใจส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและอื่นๆ การกินเป็นครั้งคราวเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง” อวี๋กานกานพูดพลางมองไปยังซ่งฉาไป๋ “ใช่ไหม เพื่อนฉาไป๋” 

 

 

ซ่งฉาไป๋หัวเราะเจื่อนๆ “ดูเหมือนจะใช่” 

 

 

ฟังจือหันไม่พูดถึงประเด็นนี้ต่อแต่กลับหันมาถามอวี๋กานกาน “ยูริ คืออะไร” 

 

 

มือของอวี๋กานกานที่กำลังตักกินโจ๊กชะงักเล็กน้อยแล้วรีบส่ายหน้าให้ฟังจือหัน “คุณสบายใจได้ ฉันไม่ใช่ยูริ ซ่งฉาไป๋ก็ไม่ใช่ คุณอย่า…” หึงเลย 

 

 

ฟังจือหันพูด “ผมอยากรู้ว่ายูริสำหรับพวกคุณหมายถึงอะไรแค่นั้น” 

 

 

 จู่ๆ อวี๋กานกานก็ยิ้มร้ายแล้วเอ่ยขึ้น “หมายถึงเลส…เบี้ยน” 

 

 

ฟังจือหันเหลือบมองซ่งฉาไป๋อย่างมีเลศนัย “…” 

 

 

ซ่งฉาไป๋รีบโบกมือพัลวัน “ฉันไม่ใช่นะ ฉันเปล่านะ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” 

 

 

อวี๋กานกานจับปลายคางแล้วแกล้งต่อ “หล่อนบอกว่าฝันเห็นคุณนอกใจไปมีกิ๊กเป็นสาวสวย” 

 

 

ซ่งฉาไป๋อ้ำๆ อึ้งๆ “เสี่ยวอวี๋เธอร้ายกาจมาก เห็นอยู่ว่าฉันเป็นห่วงเธอแค่ไหน นางร้าย” 

 

 

“เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วง” ฟังจือหันตอบอย่างอารมณ์ดี 

 

 

“ดูออกว่าคุณเป็นผู้ชายที่ดี เพียงแต่ว่าผู้ชายทั่วไปมักให้เมียเป็นคนถือบัตรเอทีเอ็ม รหัสมือถือก็ให้เมียเป็นคนตั้งให้” ซ่งฉาไป๋มองอวี๋กานกานด้วยความคับแค้นใจ… 

 

 

 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] ยูริ คำแสลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น หมายถึงหญิงรักหญิงหรือ Girls Love 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 600 โทรศัพท์ของผมลายนิ้วมือของคุณ 

 

 

ซ่งฉาไป๋มองอวี๋กานกานด้วยความคับข้องใจ เหมือนกำลังบอกให้รู้ว่าฉันดีกับเธอแค่ไหนแต่เธอก็หักหลังฉัน ตอนนี้กลับรู้แค่ปกป้องผลประโยชน์ของแฟนเธอ 

 

 

ฟังจือหันยื่นโทรศัพท์ให้ต่อหน้าอวี๋กานกาน “ตั้งสิ” 

 

 

อวี๋กานกานดันโทรศัพท์มือถือกลับไป “มันไม่จำเป็นหรอกค่ะ” 

 

 

ตอนนี้ถึงคราวซ่งฉาไป๋แกล้งกลับคืนบ้าง “บัตรเอทีเอ็มคือหัวใจสำคัญ” 

 

 

อวี๋กานกานขำให้กับซ่งฉาไป๋ “เขาผูกบัตรเอทีเอ็มในมือถือฉันตั้งนานแล้ว” 

 

 

ซ่งฉาไป๋ “…” 

 

 

ฟังจือหันเปิดมือถือของตน ขยับตำแหน่งเล็กน้อยอ้อมแขนจากด้านหลังของอวี๋กานกาน จากนั้นดึงนิ้วมือของอวี๋กานกานขึ้นมาแนบกับโทรศัพท์ของตัวเอง “บันทึกลายนิ้วมือหน่อยสิ” 

 

 

อวี๋กานกานและซ่งฉาไป๋ต่างตกตะลึงมองเขาอย่างอึ้งๆ 

 

 

แต่ชายหนุ่มกลับยังคงมีท่าทีนิ่งๆ “บันทึกลายนิ้วมือของคุณ ต่อไปคุณอยากเช็กตอนไหนก็ไม่มีปัญหา” 

 

 

รอให้ทั้งสองคนมีสติกลับคืนมาก็บันทึกลายนิ้วมือเสร็จเรียบร้อยแล้ว 

 

 

เขายังให้อวี๋กานกานลองครั้งหนึ่ง เมื่อสำเร็จแล้วต่อไปเธอสามารถเปิดดูโทรศัพท์มือถือของเขาได้ทุกเมื่อโดยไร้อุปสรรค 

 

 

ซ่งฉาไป๋รู้สึกจี๊ดๆ ราวกับตัวเองกลายเป็นมะนาวไปแล้ว 

 

 

ตกลงเธอจะเอ่ยถึงเรื่องบัตรเอทีเอ็มกับรหัสมือถือไปทำไมกัน นี่หาเรื่องทรมานตัวเองใช่ไหม 

 

 

มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเศร้าเล็กน้อย เจี๋ยนเหยี่ยกำลังทำอะไรอยู่นะ 

 

 

เมื่อทานอาหารเช้ากันเรียบร้อย ฟังจือหันไปส่งโรงพยาบาลที่ทำงานของซ่งฉาไป๋ จากนั้นค่อยไปส่งอวี๋กานกานที่อวี้อีถัง 

 

 

อวี๋กานกานนั่งในตำแหน่งข้างคนขับเพื่อตรวจสอบกล่องพยาบาลของตนเองพลางบ่นเรื่องราวชีวิตประจำวันให้ฟังจือหันฟัง “วันก่อนหลังจากที่คุณไปทำงานแล้ว ฉันลองใช้เข็มทองคำฝึกวิธีการเผาภูเขา[1]และทะลวงฟ้าให้เย็น[2] เมื่อวานไม่ได้ไปทำงาน หลังฝึกแล้วฉันลืมว่าวางไว้ในกล่องยาหรือบนโต๊ะนี่แหละ วันนี้มีคนไข้นัดฝังเข็มเสียด้วย…” 

 

 

ฟังจือหันตั้งใจฟังจดจ่อ 

 

 

ในขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของอวี๋กานกานก็ดังขึ้น อวี๋กานกานจึงเปิดลำโพง “สวัสดีค่ะ” 

 

 

วางโทรศัพท์ไว้ด้านข้าง เมื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีชุดเข็มสีทองอยู่ด้านในจากนั้นม้วนถุงฝังเข็ม 

 

 

เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ “หมออวี๋ครับ ผมคือหยางซง หลังจากฝังเข็มและทำการรมยาในวันนั้นไหล่ซ้ายของผมก็ดีขึ้นมากและตอนนี้ผมสามารถยกแขนขึ้นได้แล้ว ผมจึงอยากขอโทษที่ตอนนั้นเสียมารยาทกับคุณ ผมจึงตั้งใจอยากขอโทษคุณทางโทรศัพท์น่ะครับ” 

 

 

อวี๋กานกานนึกไม่ออกว่าเป็นใครแล้วเธอจึงหัวเราะให้เล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ แขนคุณหายก็ดีแล้วค่ะ” 

 

 

พอจะวางสายอีกฝ่ายก็ดันพูดขึ้นมาพอดี “คุณหมออวี๋ครับ ผมต้องขอโทษคุณจริงๆ ผมจึงอยากเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ” 

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ” 

 

 

“ไม่ได้หรอกครับ คุณดูว่าว่างตอนไหน” 

 

 

“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ คุณพักผ่อนดีกว่า แค่นี้นะคะ” 

 

 

หลังจากอวี๋กานกานตัดสายโทรศัพท์แล้วจึงปิดกล่องพยาบาลแล้ววางไว้ที่นั่งด้านหลัง 

 

 

เธอผินสายตามองหน้าฟังจือหัน ใครบางคนทำหน้าบึ้งตึงดูก็รู้ว่าไม่สบอารมณ์ 

 

 

อวี๋กานกานค้นพบว่าต่อให้ภูเขาไท่ซานถล่มตรงหน้าฟังจือหันคนนี้สีหน้าเขาก็ไม่เปลี่ยน สามารถเก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเองได้เก่งมากๆ ดังนั้นแม้กระทั่งลู่เสวี่ยเฉินยังเดาทางเขาไม่ถูก 

 

 

มีเพียงตอนที่กำลังเผชิญหน้ากับเธอเท่านั้น เขาถึงจะแสดงอารมณ์ที่แท้จริงออกมาตรงๆ 

 

 

“แค่นี้ก็หึงด้วยเหรอคะ” ใบหน้าของอวี๋กานกานเจือรอยยิ้ม ช่างดูสดใสเมื่อเทียบกับสีหน้ามืดหม่นของใครบางคน 

 

 

“เขาคือใคร” 

 

 

“เมื่อกี้คุณก็ได้ยินแล้วนี่คะ แค่คนไข้คนหนึ่งเท่านั้น คุณจะเป็นที่สองถ้าหึงแบบนี้” อวี๋กานกานยิ้มเยาะ 

 

 

ฟังจือหันไม่ตอบเธอแล้วขับรถไปส่งอวี๋กานกานที่อวี้อีถังเงียบๆ วันนี้เปิดประตูรถอย่างสุภาพบุรุษ 

 

 

 

 

 

 

 

 

——